"ม.จ.ฑิฆัมพร ยุคล" ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "สมเด็จพระพันปีหลวง" คณะมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนฯ เข้ากราบพระบรมศพ ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณช่วยคนพิการให้มีที่ยืนในสังคม ชาวตรัง-ตราด-ตาก มาแน่น ยอดแสดงความอาลัยถวายรวมกว่าแสนคน
วันที่ 20 พ.ย.2568 เวลา 19.00 น. หม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล เสด็จไปทรงเป็นประธานในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ มีกำหนด 100 วัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมประจำทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้า วันละ 8 รูป รับพระราชทานฉันเพล วันละ 8 รูป และประโคมย่ำยามตลอด 100 วัน
อนึ่ง เวลา 06.54 น. ท่านหญิงศรีสว่างวงศ์ บุญจิตราดุลย์ เป็นประธานบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อมา เวลา 11.00 น. และเวลา 17.00 น. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี เป็นประธานบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
โดยมีสมาชิกราชสกุลร่วมพระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเพลและพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่ ราชสกุลนวรัตน์, ราชสกุลนันทวัน, ราชสกุลพรหเมศ, ราชสกุลจรูญโรจน์, ราชสกุลสายสนั่น, ราชสกุลบริพัตร, ราชสกุลจักรพงษ์, ราชสกุลจุฑาธุช, ราชสกุลยุคล, ราชสกุลกิติยากร, ราชสกุลรพีพัฒน์, ราชสกุลประวิตร, ราชสกุลจิรประวัติ, ราชสกุลอาภากร, ราชสกุลฉัตรชัย, ราชสกุลเพ็ญพัฒน์, ราชสกุลวุฒิชัย, ราชสกุลสุริยง, ราชสกุลรังสิต, ราชสกุลศักดิเดชน ภาณุพันธุ์
วันเดียวกัน สำนักพระราชวังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระโกศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทุกวัน
บรรยากาศวันที่ 12 ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และหลายจังหวัด พร้อมใจแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีดำไว้ทุกข์ หลั่งไหลเดินทางผ่านจุดคัดกรองที่ท้องสนามหลวง และเข้าพักยังจุดพักคอยที่อุโมงค์หน้าพระลาน ผ่านประตูมณีนพรัตน์ มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
นอกจากนี้ มีคณะบุคคลจากจังหวัดต่างๆ อาทิ จ.เชียงใหม่, จ.ตรัง, จ.ตราด และ จ.ตาก ที่เดินทางมาจังหวัดละ 750 คน มีคณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตฯ, โรงเรียนราชินี, โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม จ.บุรีรัมย์, มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ กรุงเทพมหานคร, สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ
ด้าน ดร.สายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้พิการทางสติปัญญาทั่วประเทศ ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงเล็งเห็นว่าผู้พิการทางสติปัญญานั้น ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีจะสามารถพัฒนาตนเองเป็นที่พึ่งพิงของครอบครัวได้มากกว่าการเป็นภาระ ด้วยพระบารมีอันยิ่งใหญ่นี้ มิได้ทรงดูแลเพียงแค่ผู้พิการทางสติปัญญาเท่านั้น หากแต่ยังมีพระราชเสาวนีย์ให้ดูแลทั้งครอบครัวของผู้พิการด้วย
“สมเด็จพระพันปีหลวงทรงรับมูลนิธิฯ ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2505 ยุคนั้นคนทั่วไปมองว่าเด็กผู้พิการทางสติปัญญาเป็นภาระของครอบครัว มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลเด็กๆ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านสติปัญญาของเด็กแต่ละคน เด็กมีความสามารถด้านใดจะมีครูคอยดูแลสอนงานที่ตรงกับความถนัด อาทิ งานครัว งานเย็บปักถักร้อย งานชงกาแฟ เป็นต้น ทุกวันนี้เด็กๆ ได้รับการจ้างงานจากนายจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวเป็นจำนวนมาก มีอัตราการจ้างงานจากนายจ้างเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ผู้พิการทางสติปัญญามีความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเอง นอกจากคนพิการทางสติปัญญาในศูนย์ 600 คนแล้ว ยังดูแลผู้พิการทางสติปัญญาที่พักอาศัยอยู่ตามบ้านทั่วประเทศอีก 5,000 คน ทุกเดือนนอกจากจะโอนเงินค่าจ้างงานของเด็กๆ ไปให้ทางบัญชีครอบครัว ยังช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนของเด็กด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ได้พระราชทานพระราโชบายในการดูแลผู้พิการให้ได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคมอย่างภาคภูมิใจ" ดร.สายสมกล่าว
ขณะที่ น.ส.สมหมาย พานิชผล ชาว อ.เมืองฯ จ.ตาก กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ จ.ตากประมาณ 7 ครั้ง จ.ตากมีเขื่อนภูมิพล ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎร ทรงช่วยเหลือประชาชนและชาวเขา และทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านและชาวเขาปลูกพืช ปลูกกาแฟ แทนการปลูกฝิ่น ทรงมีโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำ ซึ่งในปี 2501 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ จ.ตาก รถพระที่นั่งเสียหน้าศาลเจ้าพ่อน้ำดิบ เนื่องจากเป็นถนนลูกรัง หลังจากทั้งสองพระองค์เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพื้นที่ ทำให้ราษฎรมีอาชีพ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ส่วน น.ส.ขวัญชีวี เกิดสุทธิ์ ชาว อ.เมืองฯ จ.ตราด ซึ่งเดินทางมากับคณะ อบต.หนองโสน กล่าวว่า ในช่วงที่เขมรแดงแตก ชาวกัมพูชาจำนวนมากอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เมื่อประมาณปี 2517 สมเด็จพระพันปีหลวง และในหลวงรัชกาลที่ 10 เสด็จฯ ไปช่วยเหลือผู้อพยพ และทรงให้จัดตั้งศูนย์ราชการุณย์เขาล้านขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพที่อพยพหนีภัยสงครามมายังชายแดน จ.ตราด พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือด้านที่อยู่ที่กิน ให้ที่อยู่อาศัยและส่งเสริมด้านอาชีพให้กับผู้อพยพ ขณะนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เขมรแดงแตกอยู่ที่เขาล้าน ตนจะน้อมนำคำสอนการอนุรักษ์ป่าไม้ การอนุรักษ์น้ำ และทรัพยากรธรรมชาติมาปรับใช้ เพราะมีผลกับอาชีพประมงและการทำนาของพวกเรา
ทั้งนี้ วันที่ 11 ที่เปิดให้ประชาชนเข้าถวายความอาลัย ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น หลังปิดการขึ้นกราบถวายบังคมพระบรมศพ พบว่าประชาชนเข้ากราบถวายบังคมมีจำนวนทั้งสิ้น 7,760 คน ขณะที่ยอดสะสมนับตั้งแต่เปิดให้ถวายสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม วันแรก 103,128 คน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


