"นายกฯ อนุทิน" ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ หลังทหารกัมพูชาจุดประทัดระหว่าง AOT ลงพื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ชัดแล้วใครกันแน่ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ ย้ำกู้ทุ่นระเบิดไม่แบ่งแยกว่าของใคร แต่ต้องเก็บกู้ตามหลักมนุษยธรรม ขณะที่ทหารกัมพูชาเพิ่มกำลัง-ขุดคูเลตบริเวณบ้าน 3 หลัง จ.ตราด ทร.หวั่นสถานการณ์ตึงเครียด อยู่ระหว่างเจรจาให้ออก “ผบ.ทร.” ยื่นคำขาดให้รื้อกาสิโนร้างท่าเส้น เตรียมความพร้อมกำลังทางเรือ-ปืนใหญ่-ทหารราบฯ ตามแผน "จักรพงษ์ภูวนารถ-ตราดพิฆาตไพรี” รักษาเส้นเขตแดนทางบกและทะเล
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ถ.พระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” ตอนหนึ่งว่า ตนบอกมาตลอดว่า “แม้หวังตั้งสงบ แต่ส่งเสียงรบให้พร้อมสรรพ” นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยกำลังดำเนินอยู่ ดังนั้นขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่า ประเทศของเราจะไม่สูญเสียอธิปไตย เสียเปรียบ หรือรบแพ้ ยืนยันว่าไม่มี ตนถามพี่ๆ ในกองทัพทุกคนว่ามีความมั่นใจหรือไม่ ทุกคนบอกตรงกันว่าอย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลย แต่หากจำเป็นก็พร้อม เมื่อตนได้ยินคำนี้ก็รู้แล้วว่าจะไปต่ออย่างไรในการที่จะไปคุยกับประเทศคู่กรณีและประเทศที่พยายามจะจับให้ทั้งสองฝ่ายทำความเข้าใจกันให้มากที่สุด เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลา เป็นเรื่องปกติ
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตนยืนยันมาตลอดเวลา และถือเป็นหลักปฏิบัติ คือการรักษาผลประโยชน์ของประเทศให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ด้านความมั่นคงเศรษฐกิจหรือทางการทูต ซึ่งหากคนนี้อยู่ประเทศไทยไม่มีคำว่าเสียเปรียบหรือแพ้จะดำรงความเป็นอธิปไตย แม้แต่ตารางเซนฯ เดียวก็ยอมเสียให้กับประเทศใดๆ และจะไม่มีการโต้วาที แต่ต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสีย หามาตรวัดที่เป็นตัวกลาง ใช้เทคโนโลยีไรดาร์มายอมรับร่วมกัน คำว่าไม่ยอมรับใครเดือดร้อนกว่า เพราะถ้าไม่ยอมจบก็เปิดด่านไม่ได้
นายอนุทินกล่าวถึงกรณีที่ทหารกัมพูชามีการจุดประทัดระหว่างที่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT ลงพื้นที่ที่บ้านชำราก จ.ตราด ว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีคนรับผิดชอบ ก่อนย้อนถามกลับว่า แล้วแบบนี้ใครเป็นคนละเมิด Joint declaration แน่นอนว่าไม่ใช่ไทย เพราะวันนี้คณะ AOT พร้อมที่จะออกมายืนยันว่าไทยไม่ได้เป็นผู้ละเมิดข้อตกลง ด้วยเหตุนี้ไทยจึงต้องมีการส่งเรื่องดังกล่าวให้กับผู้ที่รับผิดชอบรับทราบ เพราะหากไม่มีความปลอดภัย จะพาเขามาเสี่ยงกับเราไม่ได้ แต่ถ้าเสี่ยงไม่ได้ก็ต้องมีคนไปบอกคู่กรณีของเราว่าจะดำเนินการรับรองความปลอดภัยอย่างไร เราถึงจะกู้ทุ่นระเบิดได้
"เรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐบอกว่าต้องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างมีมนุษยธรรม ดังนั้นหากเป็นการกู้ทุ่นระเบิดเพื่อความปลอดภัยของมนุษย์แล้ว ไม่ว่าเป็นทุ่นระเบิดของใครก็ต้องเก็บกู้ เพราะถือเป็นกติกาของโลก ขณะเดียวกันใน Joint declaration ก็กำหนดไว้ว่าทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตาม" นายอนุทินกล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีทำบุญทางศาสนา เนื่องในวันกองทัพเรือครบรอบ 119 ปี ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม โดยระบุว่า จากอดีตถึงปัจจุบันกองทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แม้กระทั่งการจัดองค์กรเพื่อสร้างความพร้อมก็เจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับ โดยปี 2569 นี้ ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่งความพร้อมรบของกองทัพเรือ
ในด้านองค์วัตถุ ได้ให้นโยบายในเรื่องการพัฒนา เพื่อให้เท่าทันเทคโนโลยี เช่น มอบนโยบายชัดเจนว่าให้ศึกษา หรือตั้งคณะทำงานให้ ผบ.กองเรือยุทธการ ศึกษาการนำเรือจักรีนฤเบศร มาใช้เป็นฐาน UXV คือรวมทั้ง UAV USV และ UUV เข้าไว้ด้วย โดยให้ไปศึกษาว่าเรือจักรีนฤเบศรจะต้องปรับปรุงแผนงานอย่างไรบ้าง ต้องจัดหาอะไรบ้าง ซึ่งถ้าเราศึกษาแล้วมีต้องมี UAV 24 เครื่อง เราก็จะเริ่มต้นทำแผนงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ครบ ซึ่งเราทราบดีว่ายุทโธปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถใช้ยุทโธปกรณ์พวกนี้มาทำการรบโดยใช้ทรัพยากรที่น้อยกว่าได้
ทร.เตรียมพร้อมรบ
ส่วนเรือรบก็ยังมีความจำเป็นอยู่ โดยหลักนิยมคือ สามารถเข้าไปในพื้นที่ และมีจุดที่สามารถรุกเข้าพื้นที่ข้าศึกได้ทันที โดยสามารถเฝ้าคอยในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ปฏิบัติการได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรือผิวน้ำหรือดำน้ำ ก็ยังเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีความสำคัญ แต่ก็จะเสริมขีดความสามารถของเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับเข้าไป รวมถึงยานไร้คนขับเข้าไปในเรือด้วย รวมทั้งหน่วยกำลังรบทางบกในระดับหมวด ซึ่งกำลังวางโครงสร้างอยู่โดยจะมีทั้ง UAV โดรนและแอนตี้โดรน เพื่อสร้างความปลอดภัยในการลาดตระเวนของกำลังรบทางบก
เมื่อถามว่า กองกำลังจันทบุรีและตราดมีการเตรียมความพร้อมมากแค่ไหนในการรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผบ.ทร.กล่าวว่า ตั้งแต่ปฏิบัติการตราดพิฆาตไพรีครั้งที่แล้ว เรายังมีกำลังอยู่เต็มพื้นที่ บางส่วนที่ถอนกำลังไปแล้วก็กลับเข้าพื้นที่แล้ว ในเรื่องของการสนับสนุนโดรน ไม่ว่าจะเป็นโดรน Schiebel ที่เราสนับสนุนการลาดตระเวน ก็เข้าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องของปืนใหญ่ที่ทำให้เต็มอัตรา จากเดิมเราไม่มีปัญหาข้อพิพาท เราจัดแบบหย่อนกำลัง แต่พอมีปัญหาข้อพิพาท ก็จัดแบบเต็มกำลังคือจังหวัดละ 1 กองร้อยปืนใหญ่ มีทั้งกองร้อยปืน 155 มม. และกองร้อยปืน 105 มม. ซึ่งยืนยันไม่ได้ทำเพื่อรุกรานใคร แต่ทำเพื่อป้องกันอธิปไตยไทยให้มีความพร้อม และประสานแผนกับกำลังกองทัพภาคที่ 1 และ 2 อย่างใกล้ชิด
พล.ร.อ.ไพโรจน์กล่าวถึงการพูดคุยในที่ประชุมผู้บัญชาการทางทหารว่า เหล่าทัพใช้มติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ข้อสุดท้าย ว่าทุกเหล่าทัพจะต้องเตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ หรือเมื่อสั่ง โดยหมวดเรือป้องกันชายแดนจัดวงรอบการปฏิบัติทุก 6 เดือน แต่ในการปฏิบัติในวงรอบ 6 เดือน การปฏิบัติจริงจะมีวงรอบภายในอีก และเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ กำลังทั้งหมดของหมวดเรือลาดตระเวนป้องกันชายแดนก็อยู่ในพื้นที่หมด
พล.ร.อ.ไพโรจน์ยังกล่าวถึงการจัดการปัญหากรณีบ้าน 3 หลัง บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองฯ จ.ตราด ว่าการปฏิบัติการทางทหารที่ผ่านมา ต้องเข้าใจว่ารับคำสั่งเท่าไหร่ ก็จะทำเท่านั้น ครั้งที่แล้วเรารับคำสั่งไป 3 หลัง ก็ทำไป 3 หลัง แต่ครั้งนี้ถ้ามีการปฏิบัติก็จะดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเพียงแนวคิด ไม่ใช่ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะไปดำเนินการ ถ้ามีความจำเป็นเราก็จะสามารถดำเนินการตามที่รัฐบาลกำหนด ส่วนอดีตอาคารกาสิโนที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างล้ำมาเขตแดนไทย บริเวณรอยต่อเมืองทมอดา จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา กับ บ.ท่าเส้น อ.เมืองฯ จ.ตราด ตามหลักการใครสร้างใครรื้อ เมื่อเขาสร้าง เขาก็ต้องรื้อ แต่ถ้าเขาไม่รื้อ และบอกให้เรารื้อ ถ้าเรารื้อ เราก็ต้องเรียกร้องค่าใช้จ่ายจากเขา ซึ่งในระดับสูงกำลังคุยกันอยู่
ขณะที่ พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่มีการแจ้งงดเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรว่า ขณะนี้กำลังทางเรืออยู่ในสถานะเตรียมพร้อมที่จะใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ เพราะฉะนั้นเรือใหญ่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม ส่วนจะใช้หรือไม่ใช้นั้นยังไม่รู้ แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดความตึงเครียดขึ้น กองทัพเรือต้องมีความพร้อมสูงสุด ซึ่งถือเป็นหน้าที่ ดังนั้นการที่ผู้บังคับการเรือหลวงจักรีนฤเบศรงดการเยี่ยมชม คงมีเหตุจำเป็นในการเตรียมความพร้อมของเรือ ซึ่งหมายรวมถึงเรืออื่นๆ ที่อยู่ในแผนด้วย
เขมรขุดคูเลตเพิ่มกำลัง
ส่วนกรณีที่เกิดเหตุเสียงประทัดดังที่ชายแดน และตรวจพบกลุ่มคนแต่งกายคล้ายทหารและใส่หมวกสีฟ้าอยู่ฝั่งกัมพูชานั้น กรมข่าวทหารได้ประสาน ผ่านหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนของไทย โดยอยากทราบว่าคณะ AOT กัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่นั้น เป็นคณะ AOT จริงหรือไม่ เพราะอยู่ภายในฐานจ่อมวย ซึ่งห่างจากแนวรั้วลวดหนาม ที่เรากำลังเก็บกู้ทุ่นระเบิดอยู่ ประมาณ 150 เมตร พบว่าเป็นบุคคลที่ใส่หมวกสีผิดปกติ จึงได้ทำการเช็กย้อนหลังไปที่คณะ AOT ฝ่ายไทย เพื่อให้ประสานไปที่คณะ AOTกัมพูชา และสอบถามว่าได้เข้าไปในพื้นที่หรือไม่
พล.ร.ต.ปารัชกล่าวอีกว่า ประเด็นอยู่ที่ว่ากรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า ในวันที่ 19 พ.ย.2568 ที่คณะเอโอทีของกัมพูชาได้ยุติภารกิจตรวจสอบการหยุดยิงบริเวณช่องทางผ่านแดนในเขตจังหวัดโพธิสัตว์ เพราะได้ยินเสียงคล้ายการใช้อาวุธจากฝ่ายไทย ตนยืนยันฝ่ายไทยได้ยินเสียงเหมือนกัน ในขณะที่ฝ่ายเราเก็บกู้ทุ่นระเบิดอยู่ ตนก็ได้สอบถามทางวาจากับ น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ นาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) ที่อยู่ในพื้นที่ที่กำลังตรวจแนวอยู่ ซึ่ง ผบ.ฉก.นย.ตราดก็ไม่ทราบว่าเป็นเสียงอะไร แต่ฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธอะไรเลย และตัวของ ผบ.ฉก.นย.ตราด ก็ถูกลูกน้องดึงให้หลบเหมือนกัน ไม่มีเหตุใดที่เราจะไปใช้อาวุธกับฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากว่าไม่ได้ไปอยู่ประชิดแนว
"กรณีพื้นที่บ้าน 3 หลัง ทางกองทัพเรือยังคงห่วงใยและกังวล ภายหลังรื้อบ้าน 3 หลัง ได้ตรวจพบการวางกำลังเพิ่มเติมในพื้นที่เข้ามา มีการขุดคูเลตเพิ่ม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สูง แต่ฝ่ายไทยอยู่ด้านล่าง จึงเข้าไปลำบาก แต่จากความร่วมมือประชาชน จ.ตราด ได้ทำถนนเข้าไปประชิด เหตุผลการทำถนนเพื่อปฏิบัติการทางยุทธวิธี และจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ส่วนการผลักดันฝ่ายตรงข้ามนั้น เรายังคงใช้การเจรจา แต่การเจรจาไม่ได้พูดคุยเพียงอย่างเดียว มีวิธีจากเบาไปหนักขึ้น เรายื่นข้อเสนอไปหลายเรื่อง ถ้าเขาสะดวกจะย้ายออกเรายินดีให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ขยับออกไป ฝ่ายไทยไม่ต้องการสร้างแรงกระเพื่อมในพื้นที่ ให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่บานปลายไปมากกว่านั้น"
เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายไทยรื้อบ้าน 3 หลังไปแล้ว และฝ่ายกัมพูชากลับเข้ามาใช่หรือไม่ โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า กลับเข้ามา ส่วน 3 หลังที่เหลือ เป็นเรือนบริวาร โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า ถ้าดูจากกูเกิลแมป เราจะเห็นว่าเป็นเพิง แต่บ้านหลังใหญ่ที่เป็นสิ่งปลูกสร้างอาคาร บ้านคอนกรีต 3 หลังรื้อไปหมดแล้ว โดยเหตุผลที่เราเข้าไปยากเพราะพื้นที่เขาถึงลำบาก ก่อนที่จะมีการทำถนนเข้าไปในขณะนี้ เป็นพื้นที่ป่าดิบ ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นชัดว่าฝั่งกัมพูชาเป็นพื้นที่ราบสูง เขาถึงได้ง่าย แต่ฝั่งไทยเข้าไปจะเป็นป่าทึบทั้งแนว ซึ่งเราเจาะถนนเข้าไปแล้ว แต่สิ่งที่เราเจอในพื้นที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิดและทุ่นระเบิด เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งเรากังวลและไม่อยากให้มีรายถัดไป จะทำให้ความตึงเครียดในพื้นที่มากขึ้น
น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.ฉก.นย.ตราด เปิดเผยถึงกรณีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT เดินทางมาลงพื้นที่บ้านทมอดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา รวมไปถึงกรณีมีเสียงคล้ายปืนว่าเป็นเพียงเสียงประทัดเพียง 1 นัด ส่วนจะเป็นคณะ AOT จริงหรือไม่ ว่าตนไม่ยืนยัน แต่ตั้งข้อสงสัยว่าใช่ AOT จริง หรืออาจให้ทหารกัมพูชาแต่งกายคล้ายคณะ AOT เพื่อสร้างสถานการณ์ก็ได้ ส่วนการประท้วงนั้น ไม่จำเป็น เพราะหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดเฉยๆ กับเรื่องนี้ สำหรับกรณีที่กัมพูชานำกำลังหน่วยรบพิเศษ หรือ BHQ มายังชายแดนติดกับชายแดนตราด ที่บ้านทมอดา เป็นเรื่องปกติในพื้นที่ความขัดแย้ง เป็นเรื่องปกติในการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมทหารปกติ อาจจะสร้างข่าวขึ้นมาให้ฝ่ายไทยกลัว แต่เราไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ เพราะ ฉก.นย.ตราดก็เตรียมการพร้อมขั้นสูงสุดรับมือสถานการณ์ตลอดเวลา ไม่ได้กลัวอะไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


