“ณัฐวุฒิ” เผยมี 3 ประเด็นเห็นต่างเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ มองโลกแง่ดีเชื่อไม่มีประเด็นขวางทำให้ไม่สามารถเดินหน้าจนจบวาระ 3 ได้ ส่วน “หัวเขียง” คาดไม่ผ่านวาระ 3 เหตุเสียง สว.ไม่พอ มองควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงต้นปี 2569 จะได้ไม่เป็นแพะถูกกล่าวหาเตะถ่วงแก้ไข รธน.
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2568 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช…. รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญช่วงวันที่ 10-11 ธ.ค.ว่า เป็นไปตามกรอบอย่างที่ กมธ.เคยประเมินไว้ว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ซึ่งโดยเนื้อหาของการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและผู้เสนอคำแปรญัตติกับผู้สงวนคำแปรญัตติแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะพิจารณาให้เสร็จภายใน 2 วันได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่า กมธ.พร้อมตอบทุกคำถาม และคาดว่าจะพิจารณาในวาระ 3 ช่วงวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งถือว่าเสร็จก่อนช่วงเวลาปีใหม่ และอยากให้รัฐบาลส่งสัญญาณถึงประชาชนที่รอคอยกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญว่าจะเป็นอย่างไร จะแล้วเสร็จทันสิ้นปีจริงหรือไม่ เนื่องจากจะสัมพันธ์กับการตั้งคำถามประชามติ
นายณัฐวุฒิยอมรับว่า ไม่ได้ละเลยปัจจัย คือ 1.ปัจจัยทางการเมืองที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการยุบสภา ที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค. หรืออาจมีการปล่อยให้ผ่านวาระ 2 ก่อนแล้วค่อยมีการยุบสภา เสมือนว่าไม่อยากให้รัฐธรรมนูญผ่าน หรือเอารัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันที่ไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ 2.เรื่องของสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั้งในภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งเราเองก็ตระหนัก และเห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์ในขณะนั้น ที่จำเป็นต้องเน้นไปในเรื่องของการช่วยเหลือ การฟื้นฟู ตลอดจนการเยียวยาความเสียหาย ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลโฟกัสกับเรื่องนี้ และด้วยเหตุทั้งสองปัจจัยนี้ คิดว่าเราสามารถทำเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมกันได้ ทางการดูแลพี่น้องประชาชนเยียวยาป้องกันในกรณีที่อาจจะเกิดความเสี่ยงมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอีก แต่เมื่อถึงวาระของการพิจารณารัฐธรรมนูญก็อยากเข้ามาทำหน้าที่
เมื่อถามถึงเนื้อหาที่ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ มีอะไรบ้าง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า มีอยู่ประมาณ 3 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ 1.เรื่องขององค์กรที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องในการร่าง ซึ่งทาง กมธ.พิจารณาออกมาเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ แต่ในส่วนของทางพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ สว.บางคน มองว่าหากเป็นไปได้ที่อยากให้อยู่ในคำเรียกของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่ในเนื้อหาไม่ได้แตกต่างกัน โดยสิ่งที่ผู้สงวนความไว้นั้น เขามองว่าหากมี ส.ส.ร. จะสามารถสร้างความเข้าใจ มีกระบวนการในการที่พี่น้องประชาชนเคยเห็นรูปแบบในลักษณะนี้มาแล้วในอดีต น่าจะทำให้ง่ายกว่าแล้วส่งผลต่อการลงประชามติ
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 คือเนื่องจากการออกแบบของ กมธ. ที่มีการพิจารณาไปแล้ว มีกลไกเรื่องการรับฟังความคิดเห็นและกลไกร่าง ซึ่งทั้ง 2 กลไกมาจากสูตรที่เราใช้คำว่า 20 หยิบ 1 ทำให้ กมธ.หลายคนกังวลและห่วงว่าจะมีอะไรที่จะนำไปสู่ปัจจัยที่ถูกมองในลักษณะว่ามีการตกลงกัน มีการฮั้วกัน มีการบล็อกโหวตต่างๆ หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ เราต้องนึกถึงเผื่อการเลือกตั้งในครั้งหน้า ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าในสภาชุดหน้าหน้าตาจะเป็นอย่างไร แต่หลักประกันของ 20 หยิบ 1 นั้น อย่างน้อยทุกส่วนจะมีส่วนในการเสนอชื่อบุคคล และประเด็นที่ 3 คือ ภายใต้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีการระบุว่าให้มีการเขียนหลักการพื้นฐานหรือเนื้อหาสาระที่จะเกิดขึ้นในรัฐธรรมนูญฉบับถัดไปในการจัดทำรัฐธรรมนูญรอบนี้ด้วย ก่อนที่จะไปถามประชาชน ซึ่งขณะนี้ตามร่างของพรรค ปชน. มีการแตกออกมานิดหน่อยว่าควรจะต้องเขียนเรื่องใดบ้าง
“ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเห็นต่างอย่างไร แต่สมาชิกรัฐสภาทั้งหมดมุ่งมั่นอยากให้มีกลไกในการปลดล็อกการนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะนำไปสู่การปลดล็อกต่างๆ ได้ และไม่เห็นว่ามีประเด็นใดที่จะทำให้ครั้งนี้เราไม่สามารถเดินหน้าจนจบวาระ 3 ได้ ไม่มีปัจจัยใดหรือประเด็นใดที่จะขัดขวางการพิจารณา แต่ในฐานะตัวแทนของประชาชน เราพร้อมรับทุกสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะเสียดายที่สุดหากมีการยุบสภาก่อน ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่สำเร็จทั้งๆ ที่ใกล้มากที่สุดในรอบ 8-9 ปีที่ผ่านมา” นายณัฐวุฒิกล่าว
ด้านนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ กมธ.พิจารณารัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฯ กล่าวว่า ได้สงวนความเห็นในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ขอแก้ไขเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ไว้หลายเรื่อง ประเด็นหลักคือ จะขอให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมของประชาชน มาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะการมี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1 ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเห็นชอบมา มีโอกาสสูงจะเกิดการบล็อกโหวตเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ควรมีกลไกป้องกันการล็อบบี้จากเสียงข้างมาก แม้สุดท้ายแล้วเสียงพรรคเพื่อไทยจะสู้ไม่ได้ แพ้โหวตวาระ 2 แต่ก็ต้องแสดงความเห็นคัดค้านให้ประชาชนรับทราบ
“แม้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านวาระ 2 ได้ แต่คงผ่านวาระ 3 ยาก เพราะติดล็อกเสียง สว. 1 ใน 3 หรือ 67 เสียงที่ต้องร่วมเห็นชอบด้วย โดยประเมินแล้วเสียง สว.ไม่น่าจะให้ผ่าน เป็นการเบี้ยวเอ็มโอเอ และพรรคภูมิใจไทยจะอ้างทำเต็มที่แล้ว แต่การที่เสียง สว.ไม่ให้ผ่านเพราะไม่สามารถควบคุมเสียง สว.ได้”
นายประยุทธ์ยังกล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า จะยื่นหลังจากการอภิปรายรัฐธรรมนูญวาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้ แต่จะเป็นช่วงเวลาใด ต้องรอให้คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยหารือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ก่อนให้ที่ประชุมพรรคตัดสิน ส่วนตัวมองว่าควรยื่นซักฟอกหลังจากการแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 เสร็จ วันที่ 11 ธ.ค. ต้องทิ้งไว้ 15 วัน เพื่อโหวตวาระ 3 ในวันที่ 26 ธ.ค. ดังนั้นน่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ช่วงต้นปี 2569 พรรคเพื่อไทยจะได้ไม่ถูกครหาว่าเตะถ่วงแก้รัฐธรรมนูญ เพราะยื่นหลังรัฐธรรมนูญลงมติในวาระ 3 แล้ว ระยะเวลาการยื่นอภิปรายห่างจากการลงมติรัฐธรรมนูญวาระ 2 แค่กว่า 10 วัน ไม่แตกต่างกันมาก
นายประยุทธ์ยังกล่าวถึงประเด็นที่จะยื่นอภิปรายว่า จะนำเรื่องการบริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้ที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เป็นหนึ่งในเรื่องหลัก แม้ไม่มีใครคาดถึงว่าน้ำท่วมรอบนี้จะมีความรุนแรง แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีผู้นำที่อ่อนแอถึงเพียงนี้ แก้ปัญหาเหมือนเด็กเล่นขายของ ทำงานไม่เป็น จะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อนำไปรวมกับเรื่องความล้มเหลวแก้ปัญหาสแกมเมอร์และปัญหาชายแดน
ขณะที่ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะนำประเด็นความล้มเหลวแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแน่นอน เพราะแสดงถึงความอ่อนหัดในการบริหารงาน แต่จะยื่นในช่วงเวลาใด ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคเพื่อไทยจะตัดสิน แต่ขอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล้าหาญพอที่จะฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยอมรับการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน อย่าชิงยุบสภาหนี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


