เปิดฉากสงคราม! ‘รัสเซีย’ยิงถล่ม‘ยูเครน’เคลื่อนทัพข้ามชายแดน

สงครามบังเกิด "วลาดิมีร์ ปูติน" สั่่งเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครนเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี กองทัพรัสเซียเปิดฉากยิงมิสไซล์-ปืนใหญ่ถล่มเคลื่อนรถถังและทหารข้ามแดนจากหลายทิศทาง ผู้นำยูเครนประกาศกฎอัยการศึก สั่งกองทัพรบต้าน ประชาชนแตกตื่นอพยพ รายงานอ้างรัสเซียและยูเครนล้มตายแล้วทั้ง 2 ฝ่าย นานาชาติรุมประณามเตรียมคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม ไทยออกแถลงการณ์หนุนพูดคุยด้วยสันติ  "บิ๊กตู่" กำชับความพร้อมแผนอพยพคนไทยแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศผ่านโทรทัศน์ของทางการรัสเซียเมื่อเช้าตรู่ของกรุงมอสโกว่า เขาสั่งการให้กองทัพเปิดปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน เพื่อปกป้องประชาชน รวมถึงพลเมืองรัสเซีย ที่โดน "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในยูเครน ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่โลกตะวันตกชี้ว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อไร้สาระ

รัสเซียวางกำลังทหารนับแสนนายประชิดชายแดนยูเครนมานานหลายเดือน แต่ปูตินอ้างมาโดยตลอดว่าไม่มีแผนรุกรานยูเครนตามที่สหรัฐและโลกตะวันตกกล่าวหา ในคำสั่งของเขาเมื่อวันพฤหัสบดี ปูตินอ้างว่าเขาต้องการทำให้ยูเครน "ปลอดทหาร" แต่ไม่คิดยึดครอง และเรียกร้องให้ทหารยูเครนยอมวางอาวุธ พร้อมกันนั้นยังได้กล่าวเตือนใครที่พยายามเขามายุ่มย่ามกับรัสเซียว่า ควรต้องรู้ว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างทันควันและจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่พวกนั้นไม่เคยรู้มาก่อน

ปูตินไม่ได้ระบุชัดถึงขอบเขตของปฏิบัติการทางทหารของเขา ว่าจะจำกัดอยู่แค่ภาคตะวันออกของยูเครนหรือไม่ แต่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ภายในเวลา 30 นาทีหลังคำประกาศของปูติน เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งในกรุงเคียฟ เสียงไซเรนรถตำรวจและรถพยาบาลดังทั่วเมือง และยังมีเสียงระเบิดหลายครั้งในเมืองมาริอูโปลในภาคตะวันออก ที่เมืองท่าโอเดสซาริมทะเลดำด้วย

ข่าวรอยเตอร์กล่าวว่า มิสไซล์หลายลูกยิงโจมตีหลายเมืองของยูเครน และมีรายงานการเคลื่อนกำลังทหารและรถถังของรัสเซียข้ามพรมแดนยูเครนจากทุกทิศทาง โดยชายแดนฝั่งตะวันออกซึ่งรวมถึงที่ตั้งของรัฐกบฏ 2 แห่งที่ปูตินให้การรับรองเอกราชเมื่อวันจันทร์ ทหารรัสเซียเคลื่อนเข้าเมืองเชอร์นิฮิฟ, คาร์คิฟ และลูฮานสค์ ทหารรัสเซียยังยกพลขึ้นบกที่เมืองท่าโอเดสซาและมาริอูโปลทางภาคใต้ของยูเครน รวมถึงข้ามจากคาบสมุทรไครเมียในภาคใต้ที่รัสเซียยึดครองไว้เมื่อปี 2557

มีรายงานด้วยว่า ขบวนรถถังและยุทโธปกรณ์หนักเคลื่อนข้ามแนวหน้าในหลายแคว้นทางเหนือของยูเครนด้วย รวมถึงข้ามแดนมาจากเบลารุส ซึ่งอยู่ทิศเหนือของกรุงเคียฟ

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งเพิ่งเรียกระดมทหารกองหนุนราว 250,000 นายเมื่อวันพุธ กล่าวว่า เป้าหมายของปูตินคือการทำลายยูเครน เขาประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินพลเรือน และเรียกร้องประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก พร้อมกับประกาศกร้าวว่ายูเครนจะเป็นผู้ชนะ

 สภาพการณ์ในกรุงเคียฟที่มีประชากรราว 3 ล้านคน ประชาชนพากันต่อแถวยาวเหยียดเพื่อถอนเงินและซื้ออาหารและน้ำกักตุน การจราจรติดขัดอย่างหนักในเส้นทางมุ่งสู่ทิศตะวันตกจากเมืองหลวงไปยังชายแดนโปแลนด์ ก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวประเมินว่าการสู้รบในยูเครนจะทำให้มีผู้พลัดถิ่นฐาน 5 ล้านคน และรัฐบาลตะวันตกได้เตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ของคลื่นผู้อพยพ

รัฐมนตรีต่างประเทศดมิโตร คูเลบา ของยูเครนทวีตว่า ประเทศของเขากำลังเผชิญการรุกรานเต็มรูปแบบ "ปูตินเพิ่งเปิดฉากรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ เมืองของยูเครนที่สงบสุขกำลังถูกโจมตี" รัฐมนตรียูเครนทวีต "นี่คือสงครามของการรุกราน ยูเครนจะปกป้องตนเองและจะชนะ โลกสามารถหยุดและต้องหยุดปูติน ถึงเวลาลงมือแล้ว"

'ไบเดน'จี้รัสเซียรับผิดชอบ

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า เขาจะแถลงต่อประชาชนในวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับ "ผลลัพธ์ที่ตามมา" สำหรับรัสเซีย และโลกจะให้รัสเซียรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา พร้อมกับเตือนว่า การโจมตีของรัสเซียจะก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและความทุกข์ต่อมนุษย์อย่างร้ายแรง

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การนาโต ประณามการโจมตีโดยประมาทและปราศจากการยั่วยุ และเตือนว่าทำให้ชีวิตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนตกอยู่ในอันตราย

ที่องค์การสหประชาชาติ ยูเครนเรียกร้องให้ยูเอ็น "ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหยุดสงคราม" ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แถลงวิงวอนชาวรัสเซียว่าอย่าได้สนับสนุน "สงครามใหญ่ในยุโรป" เขาพูดกับชาวรัสเซียเป็นภาษารัสเซียว่า ประชาชนในรัสเซียกำลังถูกโกหกเกี่ยวกับยูเครน

เซเลนสกีโทรศัพท์หารือฉุกเฉินกับผู้นำหลายประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เตรียมประชุมกับผู้นำกลุ่มจี 7 หาทางตอบโต้รัสเซีย โดยคาดว่าจะเป็นการประกาศคว่ำบาตรครั้งรุนแรงที่สุด หลังจากนั้นผู้นำยูเครนได้เรียกประชุมนายทหารระดับสูง โดยพลตรีวาเลรีย์ ซาลุซนี ผู้บัญชาการทหารบกยูเครนกล่าวในภายหลังว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน ได้ออกคำสั่งให้กองทัพสร้างความสูญเสียต่อผู้รุกรานให้ได้มากที่สุด

ยังไม่มีความชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายมีความสูญเสียแล้วเท่าใด รายงานเบื้องต้นจากกองกำลังป้องกันชายแดนของยูเครนระบุว่า มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คนเพราะกระสุนปืนใหญ่ของรัสเซีย และมีทหารเสียชีวิต 3 นายในแคว้นเคอร์ซอน

โอเล็กซีย์ อาเรสโตวิช ผู้ช่วยฝ่ายบริหารของประธานาธิบดียูเครน เปิดเผยกับนักข่าวที่กรุงเคียฟว่า ช่วงไม่กี่ชั่วโมงแรก มีทหารยูเครนเสียชีวิตมากกว่า 40 นาย และมีพลเรือนเสียชีวิตแล้วเกือบ 10 คน

กองทัพยูเครนอ้างด้วยว่า สามารถทำลายรถถังรัสเซีย 4 คันบนเส้นทางใกล้เมืองคาร์คิฟ และสังหารทหาร 50 นายในเมืองหนึ่งใกล้กับแคว้นลูฮานสค์ นอกจากนี้ยังยิงเครื่องบินรบรัสเซียตก 6 ลำในภาคตะวันออก แต่รัสเซียปฏิเสธว่าไม่มีอากาศยานหรือยานหุ้มเกราะของรัสเซียถูกทำลาย ขณะที่กบฏที่รัสเซียหนุนหลังคุยเช่นกันว่ายิงเครื่องบินยูเครนตก 2 ลำ

สถานการณ์ในยูเครนส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงถ้วนหน้า และราคาน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งทะยานเกิน 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี

'บิ๊กตู่'สั่งเตรียมอพยพคนไทย

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศได้เผยแพร่แถลงการณ์ของรัฐบาลไทยบนเว็บไซต์กระทรวง ระบุว่า ประเทศไทยได้ติดตามพัฒนาการในยูเครนด้วยความห่วงกังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทวีความตึงเครียดในทวีปยุโรป ทั้งนี้ เราสนับสนุนความพยายามที่ยังคงดำเนินอยู่เพื่อแสวงหาการแก้ไขสถานการณ์อย่างสันติผ่านการหารือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งมีอาณาเขตดูแลประเทศยูเครนด้วย ได้หารือผ่านระบบทางไกลกับผู้แทนลูกจ้างชาวไทยจากร้านสปาในเมืองต่างๆ ของยูเครน กว่า 30 ราย เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามถึงความเป็นอยู่และสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงข้อมูลด้านอื่นๆ ที่คนไทยในยูเครนต้องการหยิบยก โดยตัวแทนคนไทยได้แจ้งว่าสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งกรุงเคียฟ เมืองโอเดสซา เมืองลวิฟ และเมืองคาเคียฟ (ซึ่งติดชายแดนกับรัสเซีย) ยังถือว่าปกติ ไม่มีการกักตุนอาหาร และลูกค้าไม่ได้ลดลง ยกเว้นในเมืองท่องเที่ยว อาทิ เมือง Odesa อีกทั้งคนไทยในยูเครนส่วนใหญ่ยังมีขวัญกำลังใจดี ใช้ชีวิตและทำงานกันตามปกติ แต่บางส่วนที่รู้สึกกังวลบ้างต่อสถานการณ์ความตึงเครียด แต่ได้เตรียมความพร้อมในระดับหนึ่งและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากสถานเอกอัครราชทูตจากทางกลุ่มไลน์ที่สถานเอกอัครราชทูตตั้งขึ้น

ขณะที่นายเชษฐพันธ์กล่าวยืนยันกับคนไทยที่เข้าร่วมหารือ ถึงแผนอพยพคนไทยในยูเครน หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตได้เตรียมความพร้อมร่วมกับหน่วยงานราชการต่างๆ ของไทยไว้แล้ว

ด้าน พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี  โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมแผนอพยพคนไทยในยูเครนเรียบร้อยแล้ว หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นต้องอพยพ จะใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำรับคนไทยกลับ สำหรับในส่วนของกองทัพอากาศ ได้เตรียมความพร้อมแล้วเช่นกัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงกังวลอย่างยิ่ง สั่งการอย่างใกล้ชิดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมช่วยเหลือดูแลคนไทยในยูเครน ซึ่งขอให้คนไทยทุกคนในยูเครนติดตามสถานการณ์ ข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ

นายธนกรกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศเตือนให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังพื้นที่บริเวณเมืองโดเนตสค์ (Donetsk) และเมืองลูฮานสค์ (Luhansk) รวมทั้งได้จัดทำแผนอพยพคนไทยกรณีมีความจำเป็นไว้ 3 แผน คือ 1.จะใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำออกจากเมืองลวิฟ (Lviv) ซึ่งอยู่บริเวณชายแดนยูเครนโดยตรง หรือ 2.กรณีน่านฟ้าปิด จะอพยพคนไทยมารวมกันที่เมืองลวิฟ เพื่อเดินทางข้ามแดนต่อไปยังกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เพื่อขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับไทย หรือ 3.ทางการไทย จะจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับคนไทยที่เมืองลวิฟ หรือเมืองวอร์ซอ ซึ่งการบินไทย และกองทัพอากาศได้หารือเตรียมการไว้ด้วยแล้ว 

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม สั่งการให้กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศและภูมิภาค ส่วนรายละเอียดขอให้รอฟังท่าทีจากกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นการให้ข้อมูล ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังด้วย.      

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง