สมัคร60พรรค5พันคน ‘อดีตส้มเทา’นอนคุก!

“นายกฯ” อวยพรปีใหม่ ขอคนไทยมีความสุข ขอพระบารมี "ในหลวง-พระราชินี" คุ้มครองทหาร-ปชช. ให้ปลอดภัย “ธนกร” ลั่น ภท.พร้อมกลับมาเป็นรัฐบาล สานงานต่อเนื่อง “ยศชนัน” ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง “จุลพันธ์” เผย  พท.ตั้งทีมตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้ง “อภิสิทธิ์"  ส่งความสุขรับปี 69 ชวนคนไทยร่วม ปชป.ทำการเมืองสุจริต “รทสช.” ผวา! ข่าวฉาว ปลด "ทนายอนันตรักษ์" พ้นสมาชิกพรรค “ผู้สมัครเสรีรวมไทย” ตามบี้ ปชน. ร้องค้าน "เท่าพิภพ” เสียบแทนผู้สมัครเทาไม่ได้ “กกต.” สรุปยอดสมัคร สส.เขต 3,526  คน ปาร์ตี้ลิสต์ 1,570 คน แคนดิเดตนายกฯ 94 คน  เร่งตรวจสอบคุณสมบัติก่อนประกาศรายชื่อ 7 ม.ค.69

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เวลา 20.00 น.  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกวีดิทัศน์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2569 ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่านครับ ในโอกาสที่ปีใหม่ 2569 ได้เริ่มต้นขึ้น ผมขอส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ในประเทศ หรือต่างแดน เทศกาลปีใหม่ โดยปกติแล้วเป็นช่วงเวลาแห่งความเบิกบาน เป็นเวลาที่เราได้หยุดพัก ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา และเติมพลังใจให้พร้อมก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

แม้ตลอดปีที่ผ่านมาพวกเราหลายคนจะต้องเผชิญกับอุปสรรค ความเหน็ดเหนื่อย หรือความทุกข์จากภัยคุกคาม และความไม่แน่นอนในชีวิต  แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่และชัดเจนเสมอ ก็คือหัวใจของคนไทย หัวใจที่อดทน อดกลั้น และยังคงเปี่ยมด้วยความหวัง มิตรไมตรี และความมีน้ำใจต่อกัน คนไทยเรายังคงมีรอยยิ้มให้กันได้ ในทุกช่วงเวลา คุณลักษณะเช่นนี้เอง คือพลังสำคัญ ที่ทำให้สังคมไทยสามารถยืนหยัด และก้าวผ่านความท้าทาย รวมถึงประคับประคองกันในยามเกิดความสูญเสีย ครั้งแล้วครั้งเล่า

สำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่นี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องประชาชนจะได้ใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัว ผมขอให้ทุกท่านเดินทางและเฉลิมฉลองด้วยความไม่ประมาท เคารพกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ รัฐบาลขอขอบคุณ และเป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงวันหยุดปีใหม่นี้ เพื่ออำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องทหาร กำลังพลในกองทัพของเรา ที่เสียสละ ประจำการอยู่ตามแนวชายแดน

 “ในโอกาสนี้ ผมขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านนับถือ รวมถึงขอพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จงได้โปรดบันดาลให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ความเจริญ  คุ้มครองทหารหาญของเรา ให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง และเสริมพลังให้พวกเราทุกคนก้าวพ้นอุปสรรคใดๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ไปได้ ด้วยดี ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน อัญเชิญอำนาจแห่งพระสยามเทวาธิราช และพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลบันดาลดล ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิผลดั่งพระราชหฤทัยปรารถนา สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้า แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนาน สวัสดีปีใหม่ครับ” นายกฯ กล่าว

เวลา 15.56 น. นายอนุทินพร้อมภริยา และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าสักการะเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม และเข้ากราบสักการะพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร พระพุทธรูปทองคําที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคลในวาระส่งท้ายปีเก่า 2568 และวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2569

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งว่า พรรคเตรียมพร้อมนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศและประชาชนในทุกด้าน พร้อมที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อบริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ประเทศต้องสะดุดจากการเปลี่ยนแกนนำรัฐบาลบ่อยครั้ง เพราะประชาชนคาดหวังไว้อย่างสูงกับการทำงานของพรรค ดังนั้นเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทุกนโยบายต้องพร้อมในทุกด้าน และต้องยกระดับเพิ่มขึ้นด้วยตามสโลแกนที่ว่าพูดแล้วทำพลัส

พท.ตั้งทีมจับโกงเลือกตั้ง

พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์​​ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. พร้อมนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์​​ หัวหน้าพรรค พท. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัครสส.กทม.เขต 15 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดสายเนตร เขตคันนายาว กทม. โดยมีประชาชนนำดอกกุหลาบและพวงมาลัยดอกดาวเรืองมามอบให้กับนายยศชนัน ซึ่งนายยศชนันเดินหาเสียงด้วยการประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรค ทั้งเรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รถเมล์ติดแอร์ 10 บาท รวมถึงการลดค่าไฟเหลือ 3.7 บาทต่อหน่วย ซึ่งได้มีประชาชนถามกับนายยศชนัน ว่าหากพรรค พท.เป็นรัฐบาล จะยังทำโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายต่อได้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายยศชนันยืนยันว่าทำได้ภายใน 3 เดือน

นายจุลพันธ์กล่าวถึงการติดตามการทุจริตเลือกตั้งว่า พรรค พท.มีการติดตามเหตุการณ์ทุจริตคอรัปชันอย่างใกล้ชิด มีการตั้งกองตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้ง โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท.เป็นผู้ดูแล ซึ่งสะท้อนว่าพรรคจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะโดนกระทำในลักษณะนี้มาหลายครั้ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เชื่อว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยเป็นหน้าที่ของผู้สมัครที่ต้องคอยสอดส่องดูแล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กกต.และหน่วยงานที่ดูแลด้านการยุติธรรม ที่จะคอยสอนส่อง ขณะที่พรรคก็จะคอยติดตามอย่างใกล้ชิด

“หากถามว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนนี้แล้วหรือยัง ก็ต้องบอกว่ามีเค้าลาง การเลือกตั้งในช่วงต้น ยังไม่มีกระบวนการซื้อเสียง เพราะมีการเฝ้าระวังอยู่” นายจุลพันธ์กล่าว

ช่วงบ่าย นายยศชนันพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อช่วย นพ.ญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์ ผู้สมัคร สส.กทม. เขต 1 หาเสียง พื้นที่เยาวราช และเดินเข้าไปภายในวัดไตรมิตรวิทยาราม เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ โดยท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ให้พรนายยศชนัน พร้อมกับมอบพระผงหลวงพ่อทองคำให้แก่นายยศชันและคณะ ก่อนที่จะขึ้นไปสักการะพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (พระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตร)

พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. และแคนดิเดตนายกฯ พรรค ได้อวยพรประชาชนเนื่องในโอกาสวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยขอให้ทุกสิ่งที่ประชาชนต้องทนผ่านพ้นไปด้วย และขอให้เริ่มต้นในปี 2569 ด้วยความหวัง ความหวังที่จะมีชีวิตที่ดี มีความสุข ความสมหวัง ความสำเร็จสำหรับทุกๆ คน ซึ่งไม่เป็นเพียงแต่การตั้งความหวัง และเชิญชวนมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ทำการเมืองสุจริต นำบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถของพรรคไปรับใช้ประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยหายจน คนไทยหายจน ในปีใหม่ 2569 นี้

ส่วนที่จังหวัดอุบลราชธานี นายธนพร สมศรี ผู้สมัคร สส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบอำนาจให้ตัวแทนไปลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี เนื่องจากได้รับรายงานจากทีมงานว่า ป้ายหาเสียงของซึ่งติดอยู่บริเวณถนนชยางกูร อ.เมืองฯ ได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบเก็บออกไปจำนวนมากกว่า 15 ป้าย ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายอาญา

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพจพรรค รทสช. โพสต์ข้อความระบุว่า “ทนายอนันตรักษ์ พ้นสมาชิกพรรค รทสช. ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.68 จึงสมัคร สส.ภูเก็ต ในนามพรรคไม่ได้” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายอนันตรักษ์ เพ็ชรหิน ไปลงชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส.จังหวัดภูเก็ต เขต 1 ในนามพรรค รทสช. เมื่อช่วงเช้าที่ 31 ธ.ค. ต่อมาพรรค รทสช.ได้โพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีมติให้ทนายอนันตรักษ์ พ้นจากสภาพการเป็นสมาชิกพรรคไปแล้ว ได้แจ้งเรื่องไปยัง กกต. เนื่องจากตรวจสอบพบปัญหาเรื่องประวัติและคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งได้ทำหนังสือยืนยันไปอีกครั้ง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงว่าพรรคไม่ได้มีมติส่งบุคคลดังกล่าวลงสมัคร

“เหตุที่พรรครีบตัดไฟแต่ต้นลม เนื่องจากตรวจสอบประวัติเชิงลึกพบว่าทนายอนันตรักษ์มีประวัติพัวพันกับคดีความและข่าวฉาวหลายเรื่อง รวมถึงพฤติการณ์ในอดีตที่เคยไปออกรายการดังจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ทางพรรคจึงเกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น จึงมีมติถอดถอนในที่สุด แต่เจ้าตัวยังคงดึงดันไปสมัครรับเลือกตั้งดังกล่าว” แหล่งข่าวระบุ

สรุปยอดสมัครสส.ทะลุ 5 พัน

ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอนันตเดช ธนวิภารัตน์ ผู้สมัคร สส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 33 พรรคเสรีรวมไทย เดินทางมายัง กกต. เพื่อยื่นคำร้องคัดค้านการรับสมัครนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ผู้สมัคร สส.เขต 33 กทม. พรรคประชาชน โดยนายอนันตเดชกล่าวว่า ขอให้ กกต.พิจารณาเพิกถอนการรับสมัครผู้สมัครรายใหม่ของพรรค ปชน. เนื่องจากผู้สมัครคนเดิมได้รับการรับสมัครและมีหมายเลขประจำตัวผู้สมัครไปแล้ว อ้างอิงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซึ่งกำหนดให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัครสามารถถอนหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้เฉพาะกรณีผู้สมัครเสียชีวิต ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งกรณีผู้สมัครคนเดิมถอนตัวไม่ได้เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย เนื่องจากแม้จะมีหมายจับ แต่ในทางกฎหมายยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้นในช่วงเวลาที่มีการรับสมัครและได้รับหมายเลข ผู้สมัครคนเดิมยังมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย การลาออกภายหลังจึงเป็นการลาออกโดยเจตนาส่วนตัว ไม่ใช่เหตุที่กฎหมายกำหนดให้เปลี่ยนตัวผู้สมัครได้

 “แม้ กกต.จะชี้แจงว่าสามารถรับสมัครผู้สมัครรายใหม่ได้ แต่เห็นว่าควรยื่นเรื่องให้ กกต.พิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนตัวผู้สมัครในลักษณะนี้อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับพรรคการเมืองอื่นในอนาคต และอาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย รวมถึงสร้างความสับสนให้กับประชาชน” ผู้สมัคร สส.จากพรรคเสรีรวมไทยระบุ

วันเดียวกัน ว่าที่ ร.ต.ภาสกร สิริภคยาพร รองเลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการรับสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ และบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ โดยสรุปข้อมูลเวลา 16.00 น. วันที่ 31 ธ.ค.2568 ผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด 400 เขต  มีพรรคการเมือง 60 พรรค ส่งผู้สมัคร 3,526 คน ส่วนการรับสมัครแบบบัญชี รายชื่อ มี 57 พรรค ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ 1,570 คน และมีพรรคการเมือง 43 พรรค ส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 94 คน

โดยเขตที่มีการส่งผู้สมัครมากสุดคือ เขต 30 กทม. บางแค-ภาษีเจริญ มีผู้สมัคร 19 คน และในจำนวนผู้สมัครทั้งหมด มีผู้สมัคร สส.อายุมากที่สุด อายุ 90 ปี สําหรับกระบวนการหลังจากนี้ ทางสำนักงานเขตการเลือกตั้งจะส่งข้อมูลผู้สมัครไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 26 หน่วยงาน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ ศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสรรพากร ฯลฯ ซึ่งหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลกลับมายังผู้อํานวยการประจําเขตการเลือกตั้ง โดยจะต้องมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขตทั้งหมดทั่วประเทศ วันที่ 7 ม.ค. 69

แต่ถ้ามีกรณี กกต.หรือผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ไม่มีการประกาศรายชื่อบุคคลใดเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้บุคคลนั้นยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันประกาศรายชื่อ โดยการพิจารณาของศาลฎีกากําหนดไว้ว่าจะต้องพิจารณาวินิจฉัยให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน

ส่วนกรณีที่มีการประกาศรายชื่อออกมา แต่พบว่ามีประชาชนร้องคัดค้าน ผู้ร้องคัดค้านจะต้องยื่นคําร้องคัดค้านประกาศภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันประกาศรายชื่อผู้สมัคร จากผู้สมัครมีความมั่นใจว่าตัวเองมีสิทธิ์สมัครรับการเลือกตั้ง สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ภายในระยะเวลา 3 วัน นับตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งถอนชื่อ และกรณีสุดท้าย ก่อนวันเลือกตั้งประจำเขตและ กกต. ตรวจสอบพบว่ามีผู้สมัครรายใดไม่มีสิทธิ์รับสมัครเพราะขาดคุณสมบัติ กกต.จะต้องยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาให้ถอนชื่อผู้สมัครออกจากประกาศบัญชีรายชื่อ

 “สำหรับผู้สมัครที่รู้ตัวอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามแต่ยังมาสมัครรับเลือกตั้ง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.2561 มาตรา 151 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 20 ปี สำหรับกรณีนี้เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรค” รองเลขาธิการ กกต.กล่าว

ถามถึงกรณีนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์  อดีตผู้สมัคร สส.เขต 33 กทม. พรรคประชาชน ที่ถูกจับกุมคดีฟอกเงิน ซึ่งต่อมาพรรคได้ส่งผู้สมัครคนใหม่แทนนั้น ว่าที่ ร.ต.ภาสกรกล่าวว่า กรณีนี้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตได้ออกหลักฐานการรับสมัครให้กับผู้สมัครแล้ว ซึ่งตามหลักเกณฑ์ ระเบียบข้อ 99 ที่กำหนดว่า ผู้รับสมัครขาดคุณสมบัติ กรณีถูกจับกุม เป็นเรื่องของลักษณะต้องห้าม คดีนั้นจะต้องถึงที่สุด หรือหากผู้สมัครรายนี้ได้พ้นสภาพการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองไปแล้ว ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติเช่นกัน ในกรณีนายบุญฤทธิ์ ได้ลาออกจากสมาชิกของพรรค ปชน.แล้ว ถือว่าขาดคุณสมบัติ

ที่ศาลอาญา ภายหลังพนักงานสอบสวน บช.ปส.ฝากขังนายบุญฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรค ปชน. พร้อมพวก 4 ราย ในคดีร่วมกันฟอกเงินต่อศาลอาญา  ล่าสุดศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว คดีมีอัตราโทษสูง มีเหตุอันควรเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 4 อาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง