ธรรมนัสพล่าน! แจงไม่ได้แกล้งใคร

ไทยโพสต์ ๐ พท.ดาหน้าอัดไพบูลย์โมเดล "ชูศักดิ์" ซัดสร้างบรรทัดฐานทางลบให้พรรคการเมือง "ชลน่าน" ชี้ขัดเจตนารมณ์ รธน. "หมอระวี" รับส่งผลต่อความรู้สึกพรรคเล็ก พปชร.สารภาพทำโพลเช็กเรตติ้ง ส.ส.จริง แต่ผลยังไม่ออกมา "ธรรมนัส" เต้น ส่งไลน์แจง เปล่ากลั่นแกล้งใคร "กนก" เชื่อมีหลายแห่งพร้อมอ้าแขนรับ "นิพิฏฐ์"

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงการยุบพรรคเล็กที่มี ส.ส.เพียงคนเดียว ไปควบรวมกับพรรคใหญ่ ตามแบบไพบูลย์โมเดล ซึ่งล่าสุดนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย  ได้ยุบพรรคและย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ยอมรับว่าไพบูลย์โมเดลส่งผลต่อความรู้สึกของพรรคเล็กอื่นๆ เพราะการทำพรรคเล็กนั้นมีอุปสรรคมากมาย ต้องใช้เงินจำนวนมาก และการทำงานจะลำบากกว่าการอยู่พรรคใหญ่ๆ ในอนาคต เชื่อว่าอาจมีการยุบพรรคเล็กไปรวมกับพรรคใหญ่อีกได้

“แต่สำหรับพรรคพลังธรรมใหม่ เรายังเชื่อมั่นในความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพรรคเรา เราจึงไม่มีนโยบายที่จะยุบพรรคไปรวมกับพรรคขนาดใหญ่อย่างแน่นอน" นพ.ระวีกล่าว

นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนามีแต่มิตร ไม่สร้างศัตรู ที่สำคัญที่สุดคือเราเน้นทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน ไม่เน้นเล่นการเมือง ดังนั้นหากคนใดมีแนวทางการทำงานที่คล้ายกัน พรรคชาติไทยพัฒนาจะเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งที่พร้อมจะต้อนรับคนที่ตั้งใจทำงาน เพื่อที่แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่สิ้นสุดลงว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยในบางประเด็น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ คือการที่พรรคประชาชนปฏิรูปเลิกพรรคการเมืองของตนตามข้อบังคับพรรคและนายไพบูลย์ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคและเป็น ส.ส.ไปสังกัด พปชร.ได้ ซึ่งศาลเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรค และเป็นไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น น่าจะไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

นายชูศักดิ์ระบุว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 45 บัญญัติถึงเสรีภาพในการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยกำหนดว่ากฎหมายพรรคการเมืองจะต้องกำหนดให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกำหนดนโยบายและการส่งผู้สมัคร แต่ข้อเท็จจริงของการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปนั้น ทำโดยกรรมการบริหารพรรคเพียง 16 คนจากทั้งหมด 24 คน จึงเห็นว่าข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป ที่กำหนดให้พรรคเลิกกันโดยให้อำนาจคณะกรรมการบริหารพรรคที่มีมติเลิกพรรคการเมืองนั้น น่าจะไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 96 มาตรา 97 และมาตรา 98 ที่กำหนดห้ามมิให้มีการควบรวมพรรคการเมืองในระหว่างอายุของสภา และการควบรวมพรรคการเมือง จะทำได้เฉพาะเป็นการรวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองใหม่เท่านั้น ดังนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำเช่นนี้ทำได้ ต่อไปจะมีพรรคการเมืองอื่นใช้วิธีการเลิกพรรคตนเอง และย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นหมด

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้ความคุ้มครองสมาชิกพรรคที่เป็น ส.ส. ในกรณีที่พรรคที่ตนสังกัดถูกยุบสามารถไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้ภายใน 60 วันนั้น เพื่อคุ้มครอง ส.ส.ที่ไม่มีส่วนรับรู้ถึงการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคด้วย เพื่อให้คงสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ต่อไป มิใช่กำหนดให้พรรคสามารถเลิกกันได้เพียงแค่มติคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น

"แม้โดยกฎหมายเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาเช่นนี้แล้ว ต้องถือว่าเป็นที่สุด แต่คิดว่าประเด็นนี้จะสร้างบรรทัดฐานในทางลบให้กับระบบพรรคการเมืองในโอกาส" นายชูศักดิ์กล่าว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พอมีช่องว่างทางกฎหมายแล้วไปยุบรวมกันเช่นนี้ ถือเป็นการขัดเจตนารมณ์ประชาชน ไม่ให้เกียรติประชาชนที่เลือกตั้งมา อีกด้านหนึ่งของการยุบรวมเช่นนี้ จะทำให้กลไกของการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติบิดเบี้ยว สามารถใช้ความเป็นพรรคใหญ่ให้สิ่งแลกเปลี่ยน แรงจูงใจต่อพรรคเล็กให้มารวมกับตัวเองได้ สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่ง เตือนบรรดาพรรคเล็กว่า อย่ารีบยุบพรรคไปควบรวมกับพรรคใหญ่ แต่ให้รอกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นก่อน ว่า “อย่าทำอะไรไปล่วงหน้า เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวว่า ไม่เห็นน้ำอย่าตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกอย่าโก่งหน้าไม้"

วันเดียวกัน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พปชร.จัดทำโพลวัดความนิยม ส.ส.ของพรรค ซึ่งปรากฏว่า มี ส.ส.ภาคใต้ผ่านเพียง 4 จากทั้งหมด 14 คน ว่ายอมรับว่ามีการจัดทำโพลจริง โดยมีการทำทุกภาค แต่ผลยังไม่ออกมา และไม่ทราบว่าผลจะออกมาเมื่อไหร่ และถึงผลออกมาก็ไม่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ เพราะเป็นความลับภายในพรรค ยืนยันว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค ยังไม่ได้มีการรายงานผลแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม โพลดังกล่าวหลังทำเสร็จสิ้นจะเสนอให้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค จากนั้นจะเป็นอำนาจของ พล.อ.ประวิตรในการพิจารณา

นายวิรัชกล่าวว่า ยืนยันว่าคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมีจรรยาบรรณเพียงพอในการพิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสม ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง คนที่เป็นทองแท้ไม่ต้องกลัวไฟลน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ครั้งนี้ยังมีโอกาสแก้ตัว เพราะหลังจากนี้อาจจะต้องทำโพลนี้อีกหลายรอบ

รองหัวหน้าพรรค พปชร.เปิดเผยด้วยว่า สำหรับการทำโพลของพรรคไม่ได้วัดความนิยมเฉพาะผู้ที่เป็น ส.ส.เท่านั้น แต่มีการสำรวจความนิยมของอดีตผู้สมัครของพรรคที่ได้อันดับที่ 2 และ 3 จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วด้วย เนื่องจากมีผู้ที่แพ้เพียงหลักร้อยจำนวนมาก

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรค พปชร. ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พรรค พปชร.ได้มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐแต่ละพื้นที่ดำเนินการจัดทำโพล ทั้งหน่วยงานด้านการศึกษา และหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า พรรคไม่มีนโยบายใช้หน่วยงานของรัฐจัดทำโพล เพราะการจัดทำโพลเป็นกลไกการเมือง ไม่ใช่กลไกราชการ ดังนั้น การดำเนินการถือเป็นเรื่องภายในพรรค ต้องใช้สำนักโพลที่มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของสังคมเป็นผู้ทำ และขอยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง ส.ส.คนใด

นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวว่า ไม่ทราบว่าในการทำโพลมีการประเมินกันอย่างไร เพราะเป็นในส่วนของพรรคที่ทำ โดยในวันที่ 26 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร คงจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ด้วย

ส.ส.นครศรีธรรมราชกล่าวว่า การทำโพลถือเป็นเครื่องมือทางการบริหาร เป็นข้อมูลดิบอย่างหนึ่งที่จะชี้อะไรบางอย่าง หากเปรียบเทียบพรรค ก็เหมือนกับหมอที่เมื่อมีคนไข้เข้ามาจะต้องพิจารณาว่าจะจ่ายยาชนิดใดให้เพื่อรักษาอาการ เชื่อว่าฝ่ายที่เป็นผู้ทำโพลคงจะมีคำอธิบายได้ ส่วนถ้าถามว่าโพลเชื่อได้หรือไม่ ต้องบอกว่าควรจะเชื่อไว้ แต่คงไม่ถึงขนาดต้องจริงจังอะไร

มีรายงานข่าวจากพรรค พปชร.ว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ร.อ.ธรรมนัสได้ส่งข้อความแจ้งไปในกลุ่มไลน์ ส.ส.พรรค ถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า เรียนท่าน ส.ส.พรรค พปชร.ทุกท่าน ท่านหัวหน้าฝากแจ้งท่าน ส.ส.ทุกๆ ท่านว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของโลกโซเชียลนะครับ ตั้งใจทำหน้าที่ในการเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนให้เต็มที่

ส่วนในเรื่องการทำโพลเพื่อประเมินการทำหน้าที่ของ ส.ส.แต่ละเขตเป็นเรื่องที่ท่านหัวหน้ามีดำริให้ทำ แต่เป็นเรื่องภายในพรรค พปชร. ซึ่งจะต้องใช้สำนักโพลที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสังคมเป็นผู้ทำ โดยไม่มีการกลั่นแกล้งท่าน ส.ส.ผู้ใดทั้งนั้น จึงฝากเรียนท่าน ส.ส.ทุกท่านด้วยความเคารพและความห่วงใยครับ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ หลังนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แสดงความไม่พอใจที่พรรคไม่ปรึกษาในการส่งผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง โดย นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นถึงนายนิพิฏฐ์ ตอนหนึ่งว่า “นิพิฏฐ์ คือ คนที่รักพรรคประชาธิปัตย์มากไม่แพ้ใคร และมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นพรรคด้วยแนวคิดใหม่ และวิธีการใหม่”

นอกจากนี้ นายกนกยังระบุด้วยว่า “ด้วยเกียรติประวัติ และการปฏิบัติตัวทางการเมืองของนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ มายาวนาน ทำให้ผมกล้าจะกล่าวว่า นิพิฏฐ์  อินทรสมบัติ คือ บุคคลทางการเมืองที่มีคุณค่ายิ่ง ที่ทุกพรรคการเมืองต้องการ และแสวงหา ผมเชื่อว่าตั้งแต่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไปจนถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมเปิดประตูต้อนรับนักการเมืองคุณภาพสูงอย่างนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ตลอดเวลาครับ".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง