'ชนะศักดิ์' สุดงง 'ดร.ปลอด' ไม่ชอบนายกฯ เพราะให้เลือกคนมีคุณภาพเป็นผู้ว่าฯกทม.

'ชนะศักดิ์' งง 'ปลอดประสพ' ไม่ชอบนายกฯ ให้เลือกคนมาเป็นผู้ว่าที่มีคุณภาพ เป็นแบบอย่างของสังคม หรือชอบแต่คนขี้โกง เอาแต่ประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ยืนยันเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ ขออย่าเอามาโยง

1 เม.ย.2565 - นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ขอนายกฯ อย่าแสดงความเห็นชี้นำคุณสมบัติเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยยืนยันว่านายกฯไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.ขออย่าเอาเรื่องนี้มาโยง และอาศัยจังหวะนี้มาโจมตีนายกฯ

นายชนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า และการที่นายกฯฝากให้ประชาชนพิจารณาเลือกคนที่จะเป็นผู้ว่า กทม. ต้องเลือกนักปฏิบัติ ที่ทำงานได้จริงได้สำเร็จ มีผลงานปรากฏ เป็นคนมีคุณภาพ เป็นเเบบอย่างของสังคม มีทัศนคติที่ดี ตนมองว่าถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะต้องเลือกผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ และมั่นใจว่าประชาชนเองก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน

"การที่อยากจะได้ผู้ว่า กทม.เป็นคนดี มีความสามารถ เป็นคนทำงาน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคน กทม.อยู่แล้ว ซึ่งทุกคนก็อยากได้แบบนี้ หรือนายปลอดประสพและคนในพรรคเพื่อไทย จะสนับสนุนแต่คนไม่ทำงาน คนไม่มีคุณภาพ ไม่ต้องทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน เอาแต่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เป็นคนที่เข้ามาโกงกินบ้านเมือง เช่นเดียวกันกับนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายใหญ่ ที่ทำผิดจนถูกดำเนินคดี หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยังชื่นชมทำตามคำสั่ง" นายชนะศักดิ์

ก่ออนหน้านี้นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

กรุณาอยู่เฉยๆ อย่าไปช่วยใครเป็นอันขาด

การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เเละ สก.จำนวน 50 เขตครั้งนี้ผู้คนตื่นตัวกันมาก มีคนสมัครผู้ว่าฯ 17 คน สก.กว่า 500 คนมั๊ง คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ถึง 9 รุ่นอายุประมาณเกือบล้านคน มีโอกาสใช้สิทธิเลือกตัวเเทนท้องถิ่นมาดูเเลชีวิตความเป็นอยู่ การศึกษา การสาธารณสุขเเละสิ่งเเวดล้อมในเขตบ้านเรือนของคนเป็นครั้งแรก

ประเด็นที่น่าสนใจมากอีกอย่างก็คือ สก.ทั้งหมดสังกัดพรรคการเมือง หรืออาจเรียกว่าพรรคการเมืองเป็นผู้ส่ง โดยมีนโยบายของพรรคนั้นๆ กำกับ ซึ่งนับเป็นนิมิตรหมายที่ดีต่อการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย เพราะทำให้เกิดการเชื่อมต่ออย่างเป็นทางการเเละเป็นระบบ ระหว่างรัฐบาลเเละรัฐสภากับผู้นำท้องถิ่นเเละก็ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เกิดความเชื่อว่า ผลของการเลือกตั้งผู้ว่าฯเเละสก.50 เขตครั้งนี้จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ (สส.)ที่คงไม่นานก็จะเกิดขึ้น

ด้วยความสำคัญดังกล่าวเเล้ว ทำให้ประชาชน นักวิชาการเเละสื่อทั้งหลายเเสดงความกังวลและห่วงใยต่อท่าทีและการเเสดงออกตลอดจนการพูดจาของท่านนายกประยุทธ์ในขณะนี้ เมื่อวันที่29 มีค. ท่านทำตัวเป็นพญาน้อยชมตลาดเเบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ครั้นพอถูกถามท่านก็ว่า ต้องการไปเห็นกับตา ( เดิมไม่เคยเห็น ) ครั้นนักข่าวถามว่า มาช่วงนี้เหมาะหรือเพราะกำลังจะมีการเลือกตั้ง ท่านก็ทำมึนโต้ว่า เป็นช่วงหาเสียงหรือ? ทั้งๆที่จริงเหลืออีกเพียง 2 วันเขาก็เปิดรับสมัครกันเเล้ว ( โต้ไปเรื่อย )

ที่สำคัญ(แย่)ที่สุดก็คือ ท่านไปเเสดงความเห็นเเบบชี้นำในประเด็นคุณสมบัติของผู้สมัคร เช่น 1) เป็นคนมีคุณภาพ 2) เป็นเเบบอย่างของสังคม 3) มีทัศนคติที่ดีหรือไม่ เเถมลากไปพูดถึงรากเหง้าของประเทศไทยเสริมเข้าไปด้วย ( เเบบนี้เเทบไม่ต้องเดาเลยว่าพูดถึงใครเเละพรรคไหน ) 4) สุดท้ายท่านพูดเองว่า “ฝากถึงประชาชนต้องเลือกนักปฎิบัติที่ทำงานจริงทำงานสำเร็จ “( โอ้ my god! เเบบนี้เอ่ยชื่อคนปัจจุบันไปเลยก็เเล้วกัน)

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ในฐานะนักการเมืองที่ประชาชนเคยเลือกมาเป็น สส. ในฐานะเคยเป็นผู้นำพรรคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาก่อน ผมคิดว่า ท่านนายกน่าจะทำไม่เหมาะสม เพราะท่านมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งทาง (เกือบ)ตรงและทางอ้อม พรรค พปชร. เสนอท่านเป็นนายกฯและพรรคนี้ก็ส่งสก. ครบทุกเขต ผู้ว่าฯอัศวินท่านก็เป็นคนตั้งสมัย คสช. มิใช่หรือ และตอนนี้ก็กลับมาลงอีกโดยอ้างว่า “เพื่อสานงานต่อ” ก็คือทำงานต่อในตำแหน่งที่ตัวท่านตั้งให้นั่นเอง ฉะนั้นไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไรว่า ท่านไม่เกี่ยวกับฝ่ายใด คนเขาถึงไม่เชื่อไงครับ

ผมติงท่านมามากแล้ว ตอนนี้ก็ขอชมบ้าง คือเรื่อง TV. ช่อง 5 ทำถูกแล้ว เพราะ TV.ช่องนี้เป็นของกองทัพบก (แปลกทีของดีๆ ท่านกลับปฏิเสธ) กองทัพบกจึงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการเสนอข่าวและการวิจารณ์ข่าวสงครามต่างประเทศแบบเลือกข้าง เพราะมันอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติเราได้

สุดท้ายผมอยากจะขอร้องท่านนายกว่ากรุณาอดใจและพยายามจำกัดกิจกรรมและการแสดงความเห็นของท่าน อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นเด็ดขาด ไม่งั้นสงสัยจะมีคนไปฟ้องร้องแน่นอน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุวัจน์' หวนคืนชื่อเดิม 'พรรคชาติพัฒนา' แต่งตั้ง สส.แจ้ เป็นรองหัวหน้าพรรค

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ,

'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่

ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 20: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า

'เผ่าภูมิ' ปัดนายกฯ ส่งสัญญาณนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวได้เดินทางมารับเอกสารกรอกแบบฟอร์มตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ว่า ตนไม่ให้คอมเมนท์ ยืนยันว่าขณะ

อดีตบิ๊กข่าวกรองเตือนสติ! อย่าหลับตาพูดลืมตาดูสถานการณ์โลกด้วย

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ