14 พ.ค.2565 - เพจเฟซบุ๊ก "CARE คิด เคลื่อน ไทย" เครือข่ายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้
“ถ้าระบอบทักษิณยังอยู่ เมืองไทยไปไกลแน่”
ในรายการ CARE Talk x CARE Clubhouse กับ Tony Woodsome เมื่ออังคารที่ผ่านมา พี่โทนี่ได้ฉายภาพให้เห็นสิ่งที่เขาได้ทำ กำลังทำ และคิดจะทำสมัยที่พี่โทนี่ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เราได้เห็นว่าประเทศไทยคงดีกว่าวันนี้ หากวันนั้นไม่เกิดการรัฐประหารเสียก่อน
วันนี้ทางทีมงานกลุ่ม CARE จึงขอสรุปให้ชัดๆไปเลยว่า ถ้าพี่โทนี่ยังอยู่ หรือถ้าระบอบทักษิณยังอยู่ เมืองไทยในวันนี้จะปังขนาดไหน...
1. ยาเสพติดจะหมดไป
ถ้าผมอยู่นะ ยาเสพติดไม่มีแบบทุกวันนี้หรอก ประเทศยิ่งจนยาเสพติดยิ่งเยอะ ดังนั้นต้องเอาให้อยู่ วันนี้ราคายาเสพติดถูกมากต้นทุนต่ำเหลือเม็ดละ 20 บาท สมัยผมมันขายเม็ดละ 300-400 บาท เพราะเราเอาจริงมันเลยหายาก แต่วันนี้กลับปล่อยกันเกลื่อนเมือง ถ้าวันนี้เรามีประชาธิปไตย รับรองว่านโยบายนี้จะเป็นนโยบายยืนพื้นเลย เพราะปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ ต้องจัดการให้หมดไป
2. 30 บาทรักษาทุกโรคจะสะดวกกว่าเดิม
เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคเนี่ย เราตั้งขึ้นมาจากการมอง 2 ขา คือ ขารักษากับขาป้องกัน ถ้าผมยังอยู่ ขารักษาผมจะทำโรงพยาบาลอำเภอ มีคลินิกทันสมัย ศูนย์เอกซเรย์ให้คนในพื้นที่ดูว่าDNAเสี่ยงเจอโรคอะไร แล้วดูแลวินิจฉัย เราจะกระจายอำนาจให้โรงพยาบาลซื้อยาเอง ไม่ต้องเก็บไว้ที่ส่วนกลาง พัฒนาให้สามารถนัดหมอผ่านแอพ ไม่ต้องรอคิวนาน ส่วนขาป้องกัน ตอนนั้นผมรณรงค์ให้ออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายคือการป้องกันโรค อีกทั้งการกินอาหารตามหลักโภชนาการและกรดูแลสุขภาพจิตก็เป็นเรื่องสำคัญ เราจะมีหมอไปเยี่ยมหรือฝึกอสม.ดูแล วันนี้ทันสมัยแล้ว เราก็ให้ปรึกษาสุขภาพออนไลน์ได้ ส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน
3. กองทุนหมู่บ้านจะพัฒนาเป็นธนาคารหมู่บ้าน
ต้องเร่งกระจายอำนาจโดยเฉพาะเรื่องทุน เราเคยทำกองทุนหมู่บ้านกระจายเงินลงไปถึงหมู่บ้านเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนเศรษฐกิจเลยโตจากฐานราก วันนี้กองทุนหมู่บ้านต้องพัฒนาขึ้นเป็นธนาคารประจำหมู่บ้านแล้ว เพื่อให้การสร้างเนื้อสร้างตัวของพี่น้องทำได้ยั่งยืนมากขึ้น
4. OTOP ไทยต้องไปไกลระดับ Hermes
ก่อนถึงรัฐประหาร ผมเตรียมที่จะทำ Outlet ของแบรนด์ Thailand ให้กระจายตามหัวเมืองใหญ่ทั่วโลกเพื่อโปรโมตสินค้าไทย สินค้าใครไม่แข็งแรง สินค้า OTOP ไม่มีช่องทางขายต่างประเทศ ก็มารวมขายในนี้ และผมจะเร่งอัดฉีดการพัฒนาคุณภาพสินค้า OTOP ให้ใกล้เคียงกับ Hermes เลย เพราะฝีมือคนไทยเก่งไม่แพ้ใครอยู่แล้ว OTOPต้องโกอินเตอร์แน่นอน เป็นเทสต์ระดับโลก ไม่ใช่ลักษณะนิยมไทยๆ แต่เป็นสำเนียงไทยแบบสากล วันนั้นผมลงทุนไป 9 ล้านเหรียญให้กับนักออกแบบว่าทำยังไงให้ไทยเป็นที่นิยมในระดับโลก เสียดายวันนี้คงสำเร็จไปแล้วถ้าไม่รู้รัฐประหารไปก่อน
5. สานต่อครัวไทยสู่ครัวโลก
เรื่องอาหารไทยเราไม่แพ้ใคร และใครๆก็หลงใหลในรสมือคนไทย วันนั้นผมทำครัวไทยสู่ครัวโลกแต่มันหยุดพัฒนาและสานต่อ อันนี้น่าเสียดาย ดังนั้นถ้าผมยังอยู่ ครัวไทยสู่ครัวโลกจะไม่สะดุดหยุดอยู่กับที่ เราต้องเตรียมพัฒนาอาหารไทยให้ปรุงง่าย เพิ่มมูลค่าในรูปอาหารสำเร็จรูป ขยายช่องทางให้การกระจายวัตถุดิบซึ่งก็คือสินค้าเกษตรทำได้ง่าย แล้วส่งตามร้านอาหารไทยทั่วโลกหลายพันสาขา และจะเร่งส่งเสริมให้มีร้านอาหารไทยเพิ่มให้มากขึ้น
6. เกษตรต้องทันสมัยและราคาสูง
วันนี้เกษตรกรเราจนเกินไป ดังนั้นรัฐต้องสนับสนุนให้เอาเทคโนโลยีเข้าไปจับเพื่อควบคุมคุณภาพอาหารจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร ควบคุมดินฟ้าอากาศ เพิ่มผลิตผลและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้พรีเมียม เพื่อไปประสานเข้ากับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกต่อไป สินค้าเกษตรต้องราคาดี สมัยนั้นราคาขึ้นทุกปี เพราะผมทำการตลาดตลอด ผมและทูตจะเป็นเซลล์แมนให้ประเทศขายของประชาชนไม่ใช่ไปแค่ถ่ายรูปสวยๆ แต่ต้องคุยจริงจัง
7. สุวรรณภูมิต้องเป็นฮับของเอเชีย
วันที่เราตั้งสุวรรณภูมิ สิงคโปร์กลัวมากถึงขนาดตั้งกรรมการประชุมเลยว่าจะเป็นฮับแข่งกับเรายังไง แต่วันนี้เราเละเทะไปหมด พอเราถูกรัฐประหารปุ๊บ สิงคโปร์ก็ยุบกรรมการชุดนั้นปั๊บ เพราะเขารู้แล้วว่าเขาชนะ น่าเสียดายมาก ทั้งๆที่เราทำโครงสร้างไว้ดีหมดแล้ว ถ้าตอนนี้เขาไม่ทำการบินไทยเจ๊งก่อน ดังนั้นถ้าอยากไปต่อ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยต้องจับมือร่วมกันกับการบินไทย ให้การบินไทยได้เปรียบความคนอื่นทั้งเรื่องจัดเวลาบิน อำนวยความสะดวกให้ไทยเป็นฮับการบินภูมิภาคเอเชียให้ได้ ทำได้แน่นอน
8. การท่องเที่ยวจะเฟื่องฟู
การท่องเที่ยวเราเน้นขายแต่ของเก่า ขายแต่สมบัติเข้าคุณปู่ มันจะอยู่ไม่นาน ขายแต่ธรรมชาติอย่างเดียวไม่พอ เราต้องสร้างใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ เช่น ที่โบราณสถานเมืองเพทราเราก็ทำแบบนั้นได้ หาช่างฝีมือมาแกะสลักภูเขาร้างๆเสื่อมโทรมมาทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ หรือทำที่ท่องเที่ยวล้ำๆไปเลย แถมเรามีเสน่ห์อยู่แล้วเพราะคนไทยมีใจต้อนรับคนต่างชาติอยู่แล้ว อาหารก็อร่อย ดังนั้นต้องดึงนักท่องเที่ยวมาให้มากขึ้นและกระจายรายได้สู่ชาวบ้าน
9. เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีของทุกคน
เทคโนโลยีต้องเอาลงไปช่วยชาวบ้านทุกคน เราเคยแจกแท็ปเลตแล้วสมัยคุณยิ่งลักษณ์แต่ถูกรัฐประหารก่อน เราต้องแจกเพราะเด็กจะได้เข้าถึงข้อมูลหรือห้องสมุดได้ทั่วโลก ทำแอพให้คนเข้าใจง่าย แถมโลกเมตาเวิร์สจะทำให้ทุกบ้านมีโอกาส โดยเฉพาะครอบครัวที่มีมือศิลปะหรือมีของชิ้นเดียวในโลกเราก็เอามาขายใน NFT จะยิ่งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆให้กับทุกคน
10. คนไทยทั้งประเทศจะหายจน
เราต้องเพิ่มทักษะความชำนาญให้เด็กรุ่นใหม่ ให้มีศักยภาพไม่ต้องไปกินเงินเดือนต่ำ ผมเลยประกาศสงครามกับความยากจน ตอนผมไปทำอาจสามารถโมเดลแก้จน ผมคิดว่าผมจะใช้เงินปีละ 2 แสนล้านเพื่อเพิ่มโอกาสในชีวิตรากหญ้า พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการคของคนไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้น และเชื่อว่าภายใน 4 ปีคนไทยจะหายจน และเราจะใช้อีก 2 แสนล้านเพื่อเปิดทางเปิดโอกาสในภาพรวม เพื่อดึงการพัฒนาจากล่างขึ้นบน จะส่งผลให้ชนชั้นกลางในกทม.มีโอกาสเพิ่มขึ้น เพราะการเคลื่อนพีระมิดต้องเคลื่อนที่ฐาน ต้องดูรากฐานถ้าแข็งแรงจะต่อกี่ชั้นก็ไม่เป็นไร
11. ปฏิรูประบบราชการเป็น E-Government
ผมเคยปฏิรูประบบราชการจากเจ้านายประชาชนเป็นผู้ให้บริการประชาชนมาแล้ว ดังนั้นถ้าวันนี้ผมยังอยู่ผมคงปฏิรูประบบราชการครั้งที่ 2 ให้เป็นดิจิทัลไปหมดแล้ว เราต้องเท่าทันโลกสมัยใหม่ สร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์พาประเทศไปให้ทันไม่อย่างนั้นจะตกขบวนทั้งประเทศ เราต้องสร้างระบบราชการดิจิทัลให้เทียบเคียงเอสโตเนีย การจัดการทุกอย่างจะง่ายและเร็ว ทำธุรกิจง่าย ขอใบอนุญาตง่าย และโปร่งใสไม่ต้องเสียเงินเรื่องใต้โต๊ะอีกต่างหาก
12. โครงสร้างพื้นฐานจะพลิกอนาคตประเทศ
ก่อนถูกรัฐประหารผมทำ Modernize Thailand ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งประเทศ แต่วันนั้นเราไม่มีเงิน การระดมทุนในประเทศมีไม่พอ ผมคิดไอเดียได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินซักบาท ผมเปิดให้ต่างประเทศมาลงทุนเลยแล้วผมจะจ่ายด้วยสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มการปลูกแล้วส่งแทนเงิน โครงการตอนนั้นเยอะมาก ตั้งแต่บริการจัดการน้ำทั้งระบบ ถมทะเลป้องกันน้ำท่วมแถมได้พื้นที่สีเขียวป่าชายเลนไม่เสียหายแถมมีที่สร้างเมืองใหม่ ไหนจะแผนทำรถไฟฟ้า 10 สายวิ่งเชื่อมกัน 30 บาทตลอดสาย ถ้าวันนี้ไม่มีรัฐประหาร ป่านนี้เรามีรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมจีนแล้ว เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อม ต้นทุนเราจะถูกและสะดวก ซึ่งมันจะพลิกอนาคตประเทศ
13. กระจายอำนาจสู่การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
นอกจากปฏิรูประบบราชการให้เป็นดิจิทัล เราต้องลดขนาดด้วยการเพิ่มการกระจายอำนาจ เหมือนตอนทำกองทุนหมู่บ้าน ผมกระจายอำนาจให้ชาวบ้านในหมู่บ้านตกลงกันว่าจะทำยังไงโดยกำนันผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องยุ่ง ทำให้มันระสบความสำเร็จ ดังนั้นต้องเดินหน้ากระจายอำนาจต่อ เราคงต้องมีการทดลองให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในบางจังหวัดที่พร้อมก่อน ถ้าได้ผลดีก็ทำขยายต่อให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ แล้วยุบรวมอบจ. เพราะมันจะซ้ำซ้อนกัน
นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มตัวอย่างคร่าวๆที่ทำให้เราเห็นภาพว่า หากวันนั้นไม่มีรัฐประหาร ประเทศไทยจะไปไกลขนาดไหน ถ้าวันนี้ระบอบทักษิณยังอยู่ เมืองไทยไม่พังแน่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิธา' เมิน 'ส.ว.สมชาย' แฉขบวนการข่มขู่โหวตเลือกนายกฯ อ้างยังไม่เห็นรายละเอียด
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน ว่าให้คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจหารือกันและจากการหารือเบื้องต้นกับสภาอุตสาหกรรม
คืบหน้า! ชิง 'ประธานสภาฯ' ได้ข้อสรุปตัดโควตาพรรคออก ต้องพูดคุยได้ทุกฝ่าย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์รูปภาพนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมระบุข้อความว่า “ท่านประธานที่เคารพ ต้นแบบประธานรัฐสภาที่ดี ประมุข 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตย เลือกให้ดีหาใช่แค่ใครก็เป็นได้
'ชลน่าน' โชว์หวาน! ให้สัญญาใจเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อตั้งรัฐบาลให้ได้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมร่วม 8 พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล ที่มีการตั้งคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลขึ้นมา ว่า ในส่วนความเชื่อมั่นของประชาชน
ชื่นมื่น! 8 พรรคร่วม ตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
8 พรรคร่วมเคาะตั้ง คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล "พิธา" เป็นประธานฯ และกรรมการมาจากตัวแทน 8 พรรคร่วม เผยยังไม่มีการหารือเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ยันไม่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน หวัง กกต.รับรอง ส.ส.โดยเร็วเพื่อตั้งรัฐบาล
'ประชาชาติ' หนุนพรรคอันดับ 1 เป็นประธานสภาฯ มั่นใจก้าวไกล-เพื่อไทยตกลงกันได้
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า วาระการประชุมในวันนี้คงจะมาคุยเรื่องการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่ ในการประชุมพรรคก้าวไกลมาใช้สถานที่พรรคประชาชาติ
'ชลน่าน' เผยวาระถก 8 พรรคร่วมรัฐบาล ชี้ประธานสภาฯ เป็นเรื่องต้องคุยเฉพาะก้าวไกล-เพื่อไทย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. เดินมาเดินทางมาถึงพรรคปช. โดยมีพ.ต.อ.ทวี มาให้การต้อนรับ โดยนพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบวาระการประชุมในวันนี้ว่า เท่าที่ตนดูจากที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก.