ปลุกหนักมาก! 'ปิยบุตร' ไปพัทลุงรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น แจงไม่ใช่วาระส่วนตัว

"ปิยบุตร " เยือนพัทลุง ชี้ปัญหาสารพัดของประชาชน แก้ได้ด้วยปลดล็อกท้องถิ่น​ ยกกรณีใบอนุญาตสัมปทานรังนก ต้องเป็นอำนาจ อบจ. - ลั่นแก้ รัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองท้องถิ่น เป็นวาระของทุกคนไม่มีกลุ่มพรรค - หวังประธาน "ชวน" เร่งรัดทันสภาชุดนี้

18 มิ.ย.2565 - ที่หอประชุมเทศบาลตำบลควนขนุน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ปิยบุตร กล่าวตอนหนึ่งในงาน "ปลดล็อกท้องถิ่นสู่พัทลุงมหานครแห่งความสุข” ว่า ปัญหาเกี่ยวประชาชนในท้องถิ่นไม่ว่าจะไปพื้นที่ไหน เราจะพบเรื่องทำนองเดียวกัน เพราะถ้าลองค้นด้วยชื่อจังหวัดบวกกับคำว่าโวย เราจะเห็นปัญหาสารพัด อย่างที่ใน จ.พัทลุง ก็มีกรณีถนนหนทางที่ประชาชนต้องใช้แบบเป็นหลุมเป็นบ่อมา 20 กว่าปี ไม่มีการแก้ไข ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อยากช่วยเหลือก็ปรากฏว่าไม่มีงบประมาณ เป็นต้น ปัญหาชีวิตประจำวัน น้ำไม่ไหล ไฟไม่สว่าง ทางไม่ดี ไม่มีใครมาจัดการขยะ เรื่องเหล่านี้จะจัดการได้รวดเร็วทันใจ ถ้ามีหน่วยงานหนึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการเจ้าเดียว นั่นก็คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจะทำได้นอกจากการมีอำนาจ มีภารกิจหน้าที่แล้ว ต้องมีงบประมาณและมีบุคคลากรด้วย

ทั้งนี้ ใน จ.พัทลุง ยังมีอีกกรณีที่เป็นข่าวใหญ่ก็คือเรื่องสัมปทานรังนก ที่มีข่าวว่ารังนกถูกกลุ่มข้าราชการขโมยเอาไปขายก่อนให้เอกชนได้สัมปทาน ซึ่งนอกจากเรื่องราวทางคดีความที่น่าสนใจก็คือเรื่องระบบอนุญาตที่ตามกฎหมายต้องมีคณะกรรมการชุดหนึ่งที่มีทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นมาร่วมพิจารณา ซึ่งถ้าไปดูในรายละเอียดของคนที่มานั่งเป็นกรรมการจะพบว่า มีคนในส่วนของท้องถิ่นน้อยมาก

จากข่าวตอนนี้ทราบมาว่าบริษัทที่ได้สัมปทาน กว่าจะเข้าไปเก็บก็เสียเวลามากเพราะต้องรอกรรมการตรวจสอบถ้ำก่อน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการส่งออกที่ต้องมีหนังสือรับรองแหล่งที่มา ซึ่งยังไม่ออกให้ผู้ได้รับสัมปทานด้วย ทั้งนี้ เราเห็นว่าในเรื่องระบบอนุญาต เรื่องหนังสือรับรองของเรื่องที่เกิดที่พัทลุง ควรที่จะเป็นของท้องถิ่นในจังหวัด ควรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่ให้ใครก็ไม่รู้ที่นั่งอยู่ในส่วนกลาง เพราะปัจจุบัน ค่าอากรรังนกอีแอ่นนั้นก็เข้ากับ อบจ.อยู่แล้ว และกฎหมายกำหนดว่า ถ้าเกิน 3 ล้านบาท ต้องแบ่งให้ท้องถิ่นใกล้ๆ นั้นด้วย ดังนั้น เรื่องการอนุญาต การออกหนังสือรับรองส่งออก ก็ควรจบตั้งแต่ในท้องถิ่นได้

นายปิยบุตร กล่าวว่า พวกเราคณะก้าวหน้า มาร่วมกับพรรคก้าวไกลเพื่อรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อขอรายชื่อจากพี่น้องประชาชน เตรียมเสนอ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองท้องถิ่น ในครั้งนี้ ไม่ใช่วาระส่วนตัว แต่นี่คือวาระร่วมกันของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่อยากเห็นท้องถิ่นเติบโต พัฒนา แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ และจะช่วยดึงศักยภาพของท้องถิ่นให้เติบโต สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำให้ชีวิตของคนในท้องถิ่นดีขึ้นด้วย และจะทำให้ความเจริญเกิดขึ้นทั้งประเทศ

ดังนั้น คนที่สนับสนุนแคมเปญนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาเชียร์พวกเรา ท่านอาจจะเป็นผู้บริหารท้องถิ่นจากอีกทีมหนึ่ง หรืออาจจะเป็น ส.ส.ของพรรคการเมืองจากพรรคอื่น แต่ถ้าเห็นตรงกันเรื่องของการกระจายอำนาจ เรื่องของการทำให้ท้องถิ่นได้มีอำนาจ มีภารกิจที่ชัดเจน มีงบประมาณที่มากขึ้น และมีบุคลากรที่มาทำงานเพื่อท้องถิ่นมากขึ้น อยากให้มาช่วยกันรณรงค์ อยากให้มาช่วยกันลงชื่อ มองข้ามความเป็นกลุ่มเป็นพรรค แต่ให้คิดว่าเป็นเรื่องของการทำเพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน ในการรณรงค์ครั้งนี้ ถ้าเราทำสำเร็จ เมื่อได้รายชื่อมาครบแล้ว เตรียมยื่นต่อประธานรัฐสภา ซึ่งคาดว่าน่าจะทันสมัยประชุมช่วงสิ้นปีนี้ และก็มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายประธานชวน หลีกภัย จะเร่งรัดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นวาระสำคัญของประเทศไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รังสิมันต์'แนะ 3แนวทางแก้ปัญหาเมียนมา!

กมธ.ความมั่นคงเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องถกสถานการณ์เมียนมา 'โรม' ชี้ปัญหาในเมียนมาก็เป็นปัญหาของไทย เหตุคนหนีอพยพข้ามแดน ลั่นไทยอยู่ในฐานะที่น่าไว้วางใจที่สุด ควรเป็นตัวกลางในการเจรจา

'ชัยธวัช'ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาสู้คดียุบพรรคเพิ่มอีกรอบ!

'ชัยธวัช' ลุ้นศาล รธน.ขยายเวลาสู้คดียุบพรรค มองเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต้องหาพยาน-หลักฐาน สู้อย่างเต็มที่ เชื่อปรากฎการณ์งูเห่าน้อยกว่า 'อนาคตใหม่' เหตุสถานการณ์ต่างกัน

'ก้าวไกล' หนุนแก้กฎหมายสกัดรัฐประหาร ลั่นกองทัพต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม มีข้อเสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…)

'ดร.อานนท์' ชงสูตรการเมืองทำลาย 'ก้าวไกล-ธนาธร' เชื่อยอมเจ็บเถิด จะได้จบ

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า