'ณัฐวุฒิ' เย้ย 'ประยุทธ์' ถ้าอยู่ต่อหลัง 30 ก.ย. จะมีสถานะเป็นหัวคะแนนของเพื่อไทย

26 ก.ย.2565 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์โฟซบุ๊กว่าบางประการจากการเลือกตั้งนายกอบจ.กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด

ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนทั้ง 2 สนาม รวม 20 เวที สัมผัสอารมณ์ความรู้สึก ยืนสบตาคนหลายหมื่นคน พบเห็นข้อสังเกตุบางแง่มุมมาเล่าสู่กันฟังครับ

1.ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยออกตัวในฐานะผู้ท้าชิง แต่พลิกกลับเอาชนะแชมป์เก่าขาดลอยทั้ง 2 สนาม

2.แชมป์เก่าทั้งคู่ ครั้งที่แล้วเปิดตัวเป็นพลังประชารัฐ แต่รอบนี้ไม่ได้ยินชื่อพรรคและชื่อพล.อ.ประยุทธ์จากทั้ง 2 เวทีแม้แต่ครั้งเดียว ที่ร้อยเอ็ดผู้สมัครบางคนนอกจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล ยังปลดป้ายพรรคออกจากสำนักงาน แสดงตัวเป็นผู้สมัครอิสระ

นี่คือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของพล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์

เชื่อว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ในพื้นที่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เช่น อีสาน เหนือ และ กทม. หากประยุทธ์ยังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ว่าในฐานะแคนดิเดตนายกฯหรืออยู่เบื้องหลัง จะเห็นผู้สมัครพรรคนั้น หาเสียงโดยเน้นคะแนนเขตเพื่อเอาตัวรอด ปล่อยคะแนนพรรคเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ลูกพรรคจะทิ้งประยุทธ์กลางสนาม

3.การบริหารงานทั้งยุคคสช.และหลังเลือกตั้ง ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในความรู้สึกประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นจุดอ่อน และตัวปัญหาใหญ่สุดของรัฐบาล

การประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามประยุทธ์กลายเป็นจุดแข็งในการเลือกตั้ง เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันก็จะหาเสียงโดยไม่กล้าพูดชัดว่าจะร่วมรัฐบาลกับประยุทธ์อีก

4.นอกจากเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ปัญหายาเสพติดก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน คนทั้งประเทศรับรู้ ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์มีขายราคาถูกทุกหย่อมหญ้า 8 ปีที่ผ่านมานายกฯไม่เคยลงมือทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ล้มละลายอย่างที่สุดในการแก้ปัญหายาเสพติด

5.เป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เป็นที่รับรู้ เข้าใจ และตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆจากประชาชนทุกกลุ่ม ขณะที่อีกส่วนรอความชัดเจนเรื่องนโยบาย

ถ้าหลังยุบสภา เพื่อไทยประกาศนโยบายชัดเจนโดนใจ ตอบโจทย์ชีวิตคนส่วนใหญ่ แลนด์สไลด์จะไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง แต่จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว

หมัดเด็ดของเพื่อไทยหลังจากนี้ คือนโยบาย

6.ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ตั้งใจรอคอยการเลือกตั้ง กระแสข่าวรัฐประหารที่เริ่มส่งกลิ่น ปะทะโดยตรงกับเจตนารมย์ของประชาชน ถ้าลงมือทำจะเป็นความท้าทายและสุ่มเสี่ยงที่สุดของฝ่ายอำนาจนิยม

การยึดอำนาจคงทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายทางการเมืองจะสูงเกินคาดเดา ปล่อยให้ประยุทธ์พังไปในการเลือกตั้ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ลงตัวกว่า

7.ถ้าประยุทธ์รอด อยู่ต่อได้หลัง 30 กันยายน สถานะของเขาจะเป็นเหมือนหัวคะแนนหลักของพรรคเพื่อไทย อยู่นานเท่าไหร่ เพื่อไทยก็เข้าใกล้แลนด์สไลด์เท่านั้น

ไม่เชื่อก็ลองดู

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' การันตี ภท. ไม่ปรับ ครม. ชี้ 8 รมต. ทำงานคืบหน้า

'อนุทิน' ย้ำรัฐมนตรีภูมิใจไทย 8 คน ไม่มีขยับ ชี้ทุกคนทำงานเต็มที่ผลักดันนโยบายคืบหน้าตลอด นายกฯ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม. พร้อมอุ้ม 'เกรียง' มอบ พช. ดูแลเพิ่มอีกกรม

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

'กูรูการเมือง' ชำแหละ! ปั่นเฟกนิวส์ 'วันนอร์' ไขก๊อกประธานสภา

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เบื่อกาลวินาศมาถึง อะไรต่อมิอะไรก็วิปริตแปรปรวนไป

ซูเปอร์โพลตอกย้ำ คะแนนนิยม ‘ก้าวไกล’ เหนือกว่า ‘เพื่อไทย’ 1 เท่าตัว

พรรคก้าวไกลมีคะแนนสูงกว่าเพื่อไทยอยู่ประมาณหนึ่งเท่าตัว แต่พรรคก้าวไกลก็ยังจะไม่มีคะแนนนิยมมากพอที่จะชนะการเลือกตั้งจนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ถ้ายังทำงานการเมืองแบบนี้ต่อไป