ไปอีกพรรค! ไทยรักกันสิ้นสภาพพรรคการเมือง

ประธาน กกต.ออกประกาศลงราชกิจจาฯ ให้พรรคไทยรักกันสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ระบุจดทะเบียนเมื่อ 12 พ.ค.2564 แต่แจ้งยุบตัวเองเมื่อ 25 เม.ย.2565

02 พ.ย.2565 - นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง พรรคไทยรักกันสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง โดยลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2565 มีเนื้อหาว่า ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 เรื่อง รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคไทยรักกัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 นั้น

นายพีระพงษ์ ไพรินทร์ หัวหน้าพรรคไทยรักกัน ได้มีหนังสือแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักกัน ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้เลิกพรรคไทยรักกัน ตามข้อบังคับพรรคไทยรักกัน พ.ศ.2563 ข้อ 99 กรณีดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้พรรคไทยรักกันสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560

คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงประกาศให้พรรคไทยรักกันสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประธาน กกต. แจงความคืบหน้าเลือก สว. ชุดใหม่

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าของระเบียบ และประกาศกกต. เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า เสร็จไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมี 1 ฉบับที่ส่งไปแล้ว และอยู่ระหว่างการ

วุฒิสภา นัดถกรายงานเสนอ กกต. แก้กฎหมายเลือกตั้ง-พรรค ใช้โซเชียลหาเสียง

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมในวันที่ 9 เม.ย. โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจ คือ การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.

'ธนกร' ติง 'ชัยธวัช' พูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค

“ธนกร” ติง “ชัยธวัช” เป็นถึงทนายควรดูข้อกม.ให้ชัด อย่าพูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค มอง ตั้งใจลดทอนความเชื่อมั่นปชช.ต่อศาล ถาม มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ชี้ ใครทำผิดต้องยอมรับ ขออย่าก้าวล่วง