'ชุมพล' รับหน้าชื่นเป็นคนที่ 'ประธานชวน' พูดถึงเรื่อง 200 ล้านซื้อยกจังหวัด

'ชุมพล' ยอมรับเป็นคนที่ 'ชวน' ระบุถึงถูกซื้อ 200 ล้านยกจังหวัด แต่ปฏิเสธเล่นการเมืองมาไม่เคยรับเงินสักบาท มีแต่เสียเงิน ย้ำเคารพเหมือนพ่อ-พี่ ไม่กล้าเข้าไปลาด้วยตัวเอง ต้องใช้วิธีเขียนจดหมายลา

02 มี.ค.2566 - ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายชุมพล กาญจนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาแฉว่าพรรค รทสช.ตกปลาในบ่อเพื่อน โดยเฉพาะคนจากพรรค ปชป. ซึ่งมีการระบุถึงจำนวนเงิน 200 ล้านบาทด้วย หากได้ ส.ส.ยกจังหวัดว่า ยอมรับว่าคนที่นายชวน พูดถึงนั้นเป็นตนเอง ซึ่งตนเองกับนายชวนเคารพรักกันมานาน นับถือนายชวนเป็นทั้งพ่อและพี่ ที่การพูดคุย ปรึกษาหารือในเรื่องการเมืองกันปกติว่า โดยเฉพาะพูดคุยกันว่าการเมืองเดี๋ยวนี้มีการใช้เงินใช้ทองกันเยอะ

“วันหนึ่งผมป่วย และนายชวน ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ผมได้พูดกับนายชวนว่ามีความหนักใจหลายเรื่องในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเหมือนต่างคนต่างอยู่ มีความแตกแยกกันเยอะ ลูกสาวผมอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์หลายปีมาบอกว่าที่พรรคอยู่กันเป็นก๊วน เป็นก๊ก ซึ่งเขาไม่สบายใจ ไม่อยากอยู่เลย ผมจึงพูดกับนายชวนว่า ลำบากใจ และบอกว่าตอนนี้มีพรรคการเมืองมาคุยกับผมเยอะแยะ เรื่องเงินเรื่องทองผมบอกได้เลยว่าคนอย่างผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 30 ปีผมจำได้ไม่มีลืม ผมมีแต่ให้ไม่เคยได้เงินจากพรรค มีแต่ให้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าข่าวที่ระบุถึงเงิน 200 ล้านที่นายชวนอ้างถึงมาจากไหน นายชุมพล กล่าวว่านายชวนอาจประเมินเอา แต่ไม่ได้บอกนายชวนถึงเรื่องของเงิน 200 ล้าน เพียงแต่บอกว่าตอนนี้มีการซื้อกันเยอะแยะ รู้สึกมันจะไม่ธรรมดาแล้วซึ่งมีหลายพรรคมาหา บอกว่าจะให้เท่านู้นเท่านี้แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรในเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามย้ำว่าข่าวที่บอกว่ามีการเสนอให้ทั้งจังหวัด 200 ล้านบาทจริงหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า อันนี้ไม่มีหรอก มีแต่พรรคนู้น พรรคนี้บอกว่ามานะ มาอยู่ด้วยกันนะ จะช่วยเงินช่วยทองก็เป็นแบบนี้ แต่ก็บอกว่าเดี๋ยวรอปรึกษาครอบครัว ปรึกษาลูกก่อนว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งลูกสาวก็หนักใจ ผลที่สุดก็บอกว่าให้มาด้วยกัน

“ผมเขียนจดหมายลานายชวน ไม่กล้าไปหาท่าน เพราะคนเคยกิน เคยอยู่ด้วยกัน ผมมาอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ผมมีความสุข ได้เจอพรรคพวกเก่าๆ ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน มาร่วมกันทำงานเหมือนพี่เหมือนน้องไม่ได้มีอะไรอย่างอื่น มาที่นี่ก็ไม่ได้เงินได้ทองเหมือนกัน ซึ่งทุกคนเหมือนจะรู้ว่าผมไปอยู่ที่ไหน ก็มีแต่จะหมดเงิน เสียเงิน ไม่มีได้เงินจากพรรคนั้นๆ เลย มาที่นี่ไม่มีพูดถึงเรื่องเงิน ไม่เคยได้เลยแม้แต่บาทเดียว เพราะเป็นพี่เป็นน้องกันทั้งนั้น”

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกตกใจกับข่าวที่ออกมาหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่าไม่ตกใจ เพราะตนเองกับนายชวนไม่มีอะไร และไม่ได้โทรไปเคลียร์ เพราะกับนายชวนอยู่กันอย่างพี่น้องและคิดว่านายชวนเข้าใจตนเองดี แต่ถ้ามีโอกาสก็คงจะได้พูดคุยกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ปชป.' ชี้คุณสมบัติ 'ประธานสภา' ต้องเป็นกลางขับเคลื่อนนโยบายให้พรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้

'จุรินทร์' เผยทุกอย่างจะชัดเจนและนิ่งขึ้นได้ หาก กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง ย้ำ 'ประธานสภา' ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง จะไปช่วยขับเคลื่อนนโยบายให้พรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้

'ธนกร' แนะก้าวไกลฟัง 'กูรูวิษณุ' ทักเรื่องกฎหมายไว้บ้างก็ได้

'ธนกร' แนะก้าวไกลรับฟังความเห็น 'วิษณุ' ไว้​บ้าง เพราะเป็นกูรูกฎหมาย แต่สุดท้ายต้องดูคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำยังหนุนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล​ แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย​

รทสช.บอก 'รัฐบาลแห่งชาติ​' เป็นเรื่องไกลมาก

'ธนกร' ลั่นรัฐบาลแห่งชาติ​เป็นเรื่องไกลมาก แต่เชื่อ 'จเด็ด' หวังดีต่อประเทศ ย้ำให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน​ แก้ต่างแทน 'พี่ตู่' ยันไม่เคยพูดกระตุ้น รทสช.​หวังส้มหล่นจัดตั้งรัฐบาล

'ประธานชวน' ไขข้อเท็จจริงมือตีตกยกเลิกมาตรา 112 สมัยที่แล้วคือ 'สุชาติ ตันเจริญ'

'พิธา' และด้อมส้มรู้ยัง 'ประธานชวน' เฉลยแล้วผู้ตีตกกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 สมัยที่แล้วคือ 'สุชาติ ตันเจริญ' รองประธานคนที่ 1 เพราะรับผิดชอบบรรจุวาระร่างกฎหมายที่เข้าสภาทุกฉบับ

'ชวน' บอกชัดประธานสภาต้องยึดข้อบังคับไม่ใช่สั่งได้ตามอำเภอใจ

'ชวน' ชี้ไม่แปลกเพื่อไทยขอเก้าอี้ประธาน สอนการทำหน้าที่ประธานต้องเป็นกลาง ยึดระเบียบข้อบังคับไม่ใช่สั่งได้ตามอำเภอใจ