'ชาญชัย' เตือน กกต. ระวังซ้ำรอยค่าโง่ 62 ล้าน จี้เร่งชี้แจงตัดสิทธิลง ส.ส. ปมถือหุ้นสื่อ

"ผู้สมัครปชป." ร้องกกต.ชี้แจง หลังอ้างถือหุ้นสื่อตัดสิทธิลงสมัครส.ส.นครนายก ชี้คำสั่งขัดแย้งกัน เลือกตั้งปี 62 ผ่าน แต่ปีนี้คุณสมบัติไม่ผ่าน ขู่ย้อนดูบทเรียนเคสตัดสิทธิสุรพล ก่อนชดใช้เงิน 60 ล้าน

27 เม.ย.2566 - เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือต่อประธานกกต.ตรวจสอบกรณีที่กกต.ไม่ได้ประกาศให้เป็นผู้สมัครส.ส. เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง กรณีถือหุ้นสื่อ

โดยนายชาญชัย กล่าวว่า ตนขอให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ เนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2562 ตนได้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยผ่านการรับรองคุณสมบัติจากนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. แต่ในการเลือกตั้งปี 2566 ตนลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต จึงเป็นอำนาจของกกต.จังหวัดนครนายก ซึ่งไม่ได้รับรองตนเป็นผู้สมัคร เนื่องจากมีคุณสมบัติต้องห้ามจากการถือหุ้นสื่อในบริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีคุณสมบัติต้องห้ามของการเป็นผู้สมัครส.ส. ตามมาตรา 42(3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับเดียวกันกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว

ตนจึงเกิดความสงสัยในการทำงานของกกต.ว่า ตนถือหุ้นมาตั้งแต่ปี 2558 ก่อนที่ปี 2562 ประธานกกต.จะรับรองคุณสมบัติของตนและไม่พบปัญหา แต่ในการเลือกตั้ง 2566 กกต.นครนายก กลับไม่รับรองตนเนื่องจากตนมีคุณสมบัติต้องห้ามจากการถือหุ้นดังกล่าว และหลังจากนั้นประธานกกต.ได้ตัดสิทธิตนลงรับสมัคร โดยกกต.ใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติเพียง 1 คืน และตัดสิทธิทันที ซึ่งไม่ได้เรียกตนมาสอบถาม อย่างไรก็ตามการที่กกต.จะบอกว่าต้องเร่งรีบตัดสิทธิทันทีนั้นไม่จริง เพราะกกต.ยังมีอำนาจในการส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิหลังวันที่ 14 พ.ค. ได้

นายชาญชัย กล่าวว่า ขอให้เลขาธิการกกต.ชี้แจงตนภายในวันที่ 14 พ.ค. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เนื่องจากตนได้รับความเสียหายจากการถูกตัดสิทธิ์ในครั้งนี้ แม้ว่าตนจะมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่ออุทธรณ์คำสั่งของกกต. แต่ตนอยากทราบถึงการทำงานของกกต.ที่ขัดแย้งกันทั้งที่เป็นกฎหมายฉบับเดียวกันกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ทั้งนี้การออกคำสั่งที่มิชอบของกกต.เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ที่ได้ตัดสิทธินายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ทำให้กกต.ต้องชดใช้ความเสียหายมูลค่า 60 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเงินภาษีจากประชาชน จึงอยากให้กกต.ตรวจสอบอย่างรอบคอบ

"ที่ผ่านมาผมได้รวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะชี้แจงต่อศาล ได้พิสูจน์คำว่าสื่อนั้นคืออะไร สื่อที่เอไอเอสถืออยู่คืออะไร และตรวจสอบว่าใบอนุญาตของกสทช.ที่เอไอเอสไปถือหุ้นสื่อว่ามีหรือไม่ ก่อนจะพบว่าไม่มีตามที่ถูกกล่าวอ้าง พบว่าเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคม ยืนยันว่าจากที่ตรวจสอบไม่พบข้อมูลที่เอไอเอสไปถือหุ้นสื่อโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ แต่อย่างใด รวมถึงสื่อที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส."นายชาญชัย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จุรินทร์' เผยความสัมพันธ์ใน ปชป. ดีขึ้น พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลให้เกิดผลดีแก่ประเทศ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์จะแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ เพื่อดึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นหัวหน้าพรรค

'จุรินทร์' ย้ำเนื้อหารัฐธรรมนูญสำคัญไม่แพ้ที่มา!

'จุรินทร์' ชี้แก้ รธน.เนื้อหาสำคัญไม่แพ้ที่มา เพราะบังคับใช้ด้วยเนื้อหา จะใช้ฉบับไหนเป็นตัวตั้งดูให้รอบคอบ คิดไม่ถึงจะยื้อไปถึง 4 ปี

ราเมศ กระตุกรัฐบาลอย่าตั้งท่า แก้ รธน. นานเกินไป

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเรื่องนี้ชัดว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย

'พี่ศรี' ร้องกกต. สอบ 'ปิยบุตร' ชี้นำก้าวไกลรับลูกวิจารณ์เรื่องตัดสิทธิ 'ช่อ พรรณิการ์'

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้ กกต.ได้ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิพรรคก้าวไกลที่ไม่รีบออกมาสื่อสารแบบเป็นทางการไม่ว่าจะแถลงหรือวิจารณ์ใดๆ