'เรืองไกร' เหน็บโอเพ่นดาต้า! จี้กกต.สอบ 'หัวหน้าก้าวไกล' งุบงิบขายหุ้นไอทีวี ทุบโต๊ะ 'พิธา' ไม่รอด

6 มิ.ย.2566 – ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 7 กรณีการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้มีการให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปในทิศทางต่างๆ ตรงข้อเท็จจริงบ้าง ไม่ตรงบ้าง มีการเบี่ยงเบนข้อกฎหมายบ้าง ซึ่งเป็นความเห็นที่ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คิดว่าคงไม่ได้เข้าไปสู่สำนวนของ กกต.เท่าไหร่นัก แต่จากการติดตามพบว่ามีการพูดกันว่า บริษัทไอทีวีเลิกประกอบกิจการเป็นเด็ดขาดแล้วหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไอทีวีมีสัญญาเข้าร่วมงานกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี​ (สปน.)30 ปี ตั้งแต่ ก.ค. 2538 ต่อมาถูกบอกเลิกในปี 2550 ไอทีวีจึงยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการ โดยในชั้นแรก บริษัทไอทีวีแพ้

จากนั้นจึงร้องเป็นครั้งที่ 2 และ อนุญาโตฯ วินิจฉัยว่าการบอกเลิกสัญญาของสปน.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้สปน.ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้บอกเลิกคำชี้ขาดของอนุญาโตฯ เพราะสปน.เห็นว่าอนุญาโตฯ รับคำฟ้องซ้อนกับเรื่องแรกที่มีคำวินิจฉัยไปแล้ว จึงขอให้เพิกถอน ซึ่งศาลปกครองมีคำพิพากษาว่า อนุญาโตฯ ชี้ขาดครั้งที่ 2 ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลปกครองไม่มีอำนาจไปเพิกถอนตามคำร้องของ สปน. ทั้งนี้เมื่อศาลยกคำพิพากษาดังกล่าว ต่อมาสปน.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และอยู่ระหว่างการพิจารณา ตนจึงนำข้อมูลมาให้กกต.ประกอบการพิจารณา

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่านายพิธาได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในงาน Pride month ที่มีการถามว่ามีการขายหุ้นหรือไม่ แต่นายพิธาไม่ได้ตอบคำถามจึงเป็นเหตุว่าต้องมีการเพิ่มคำร้อง ให้กกต.มีการตรวจสอบประเด็นนี้ว่านายพิธาได้มีการขายหุ้นหรือไม่ อีกทั้ง นายพิธาเคยให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่า กรณีที่แย่ที่สุดอาจจะพ้นจากการเป็นส.ส. แต่บัญชีนายกรัฐมนตรียังคงอยู่ รวมถึงเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายพิธา ยังตอบคำถามสื่อมวลชนในกรณีขายหุ้นนั้น เลขาธิการพรรคได้ให้ข้อมูลไปแล้ว ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะตอบเช่นนั้น ควรบอกให้ชัดเจนว่าขายหรือยังไม่ขาย เพราะสิทธิในการขายหุ้น เมื่อนายพิธามีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีมา 16 ปี หลักฐานปรากฏชัด เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ แล้วถือมาเกินวันสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน เพราะรายชื่อผู้ถือหุ้น ปรากฏวันที่ 16 เม.ย. 2566 แต่วันที่รับสมัครส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ คือวันที่ 3-7 เม.ย.

ดังนั้นขอให้ตรวจสอบการโอนหุ้นที่เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ เพราะคงไม่ทำให้การสมัครส.ส. หรือการยอมรับเป็นบัญชีนายฯ นั้นเสียไป ที่ไม่เสียไป เพราะเมื่อหากยื่นไปแล้วมีลักษณะต้องห้าม ถ้าศาลตัดสินว่านายพิธาถือหุ้นสื่อ นายพิธาจะหมดสิทธิเป็น ส.ส. และบัญชีนายกฯ ด้วย ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 14 ที่ระบุว่าถ้ามีลักษณะต้องห้าม หรือไม่มีหนังสือยินยอม ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องสอบถามถึงกรณีการขายหุ้นของนายพิธา หากมีการซื้อขายก็ต้องมีการส่งสำเนาการโอนหุ้น ซึ่งตามพ.ร.บ.บริษัทจำกัดมหาชน 2535 หมวด 5 เรื่องผู้ถือหุ้นระบุชัดเจนว่าการโอหุ้นต้องแจ้งใน 7-14 วัน หากไม่แจ้งจะถือว่าไม่มีการโอนหุ้น ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าน่าจะโอนแล้ว และน่าจะโอนหลังจากที่ตนร้อง ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา และเข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต.เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา น่าจะมีการขายในช่วงนี้ ขณะที่บริษัท จะต้องจดแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการโอนโดยตราสาร ใบหุ้นสลักหลัง หรือขอให้ออกใบหุ้นใหม่ เขียนเอาไว้หมด

“ขอเรียกร้องไปยังนายพิธา ขอให้เปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนไปเถอะ หากยังไม่ได้โอน ก็ตอบมาเลยว่ายังไม่ได้โอน ถ้าโอน ก็ขอให้แสดงหลักฐานว่าโอนแล้ว และจดแจ้งต่อบริษัทไอทีวีแล้ว แค่นั้นเอง ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ที่ผมพูดเช่นนี้เพราะเว็บไซต์พรรคก้าวไกล ย้ำเสมอถึงคำว่าโอเพ่นดาต้าของท่านนั่นแหละที่ผมเอามาเรียกร้องว่าทำไมข้อมูลของตัวท่าน ในฐานะที่แสดงตนเป็นหัวหน้าพรรค แต่ทำไมไม่เปิดเผย ทำไมต้องให้กกต.รับคำร้องผม แล้วถามไป แล้วการที่ขายไปแล้วเจตนาคืออะไร ผมคงไม่ก้าวล่วง แต่ถ้าคิดว่าโอนแล้วจะทำให้กลับมาเป็นบัญชีนายกฯ โดยชอบ ผมคิดว่าก็คงไม่ใช่ เพราะเป็นไปตามข้อกฎหมาย” นายเรืองไกรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ปรากฏว่านายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้ยืนรับฟังการให้สัมภาษณ์ด้วย ทำให้นายเรืองไกรให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ากังวล และระแวดระวังตัวเอง ก่อนจะจบการสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนซักถาม ขณะที่ทนายได้เดินปรี่พยายามเข้าไปประชิดตัวนายเรืองไกร พร้อมตะโกนถามว่า “ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม พี่เป็นคนบุรีรัมย์หรือเปล่า” แต่นายเรืองไกร ไม่เผชิญหญ้า แล้วเดินไปยื่นหนังสือต่อกกต.ต่อไป

จากนั้น นายภัทรพงศ์ และ นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ เขายื่นหนังสือต่อกกต.คัดค้านคำร้องของนายเรืองไกรลีกิจวัฒนะอดีตผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐรวมถึงบุคคลอื่นที่มายื่นร้องขอให้กกตตรวจสอบการถือหุ้น itv ของนายพิธา โดยเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส มาตรา 42 (3 )เท่านั้น จะขายหรือไม่ขายหุ้นไม่มีปัญหาเจตนาที่กฎหมายห้ามไม่ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งถือหุ้นสื่อเพราะไม่ต้องการเห็นให้ผู้สมัครนำสื่อที่ตนเองเป็นเจ้าของมาใช้ในการโฆษณาหาเสียงสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้กับคู่แข่งขันซึ่งทั้งสองมาตราเป็นกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ เราต้องดูบรรทัดฐานสังคม ซึ่งพึ่งจะมีคำพิพากษาศาลฎีกาในกรณีของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัครส.สพรรคประชาธิปัตย์นครนายกซึ่งมีข้อเท็จจริงที่เสี่ยงว่าจะผิดมากกว่านายพิทาอีกเพราะกิจการสื่อที่นายชาญชัยถือหุ้นอยู่ยังประกอบกิจการอยู่แต่บริษัทไอทีวี ได้ยุติการออกอากาศ มาตั้งแต่ปี51

นอกจากนี้สัดส่วนหุ้นไอทีวีที่นายพิธาถือก็เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นไอทีวีทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่งทำให้ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการใดๆในการจะให้สื่อนั้นมาช่วยหาเสีนยงให้กับตนได้ และไอทีวีก็ได้หยุดกิจการไปแล้ว การที่นายเรืองไกร หรือใครที่มาร้อง ส่วนใหญ่ก็จะหน้าเดิมๆ ซึ่งสังคมก็ตีหน้าตีตราอยู่แล้วว่าเป็นพวกร้องไร้สาระ และเขาก็รู้ตัวว่าสังคมมองตัวเองอย่างไรแต่มีเหตุจูงใจในการร้องก็พูดเพราะเป็นเกมอำนาจทางการเมืองที่ต้องการขัดขวาง ซึ่งก็หวังว่ากกต.จะปัดตกคำร้องของนายเรืองไกรและผู้อื่นๆที่มายื่นร้องเรื่องการถือหุ้นของพิธา เหมือนกับที่ปัดตกคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกรณีร้องนโยบายหาเสียงกระเป๋าเงินดิจิตอล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ที่ตนก็ได้มายื่นคัดค้านคำร้องของนายศรีสุวรรณ และกกต.ก็ปัดตกตามที่ตนยื่นร้อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยุ่งแน่! ‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ครม.เห็นชอบดิจิทัลวอลเล็ต ฝ่าฝืนกม.หรือไม่

จากการติดตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐมนตรีพึ่งมีมติให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 นั้น

คณะก้าวหน้า เชื่อสัญญาณจากผู้มีบารมี  กกต.ประกาศเตือนรณรงค์สมัคร สว.   

กรณี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกประกาศเตือน กรณีมีกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญ ให้มีการจูงใจ

'ธนกร' แนะ 'ธนาธร-ช่อ' ระวังข้อกฎหมายให้ดีผลักดันแคมเปญชวนคนสมัครสว.

“ธนกร” แนะ “ธนาธร-ช่อ” ระวังข้อกฎหมายให้ดี หลังเปิดแคมเปญชวนคนสมัครสว.กรอกประวัติผ่านเว็ป ส่อชัดจัดตั้ง ชี้ กกต.ออกโรงเตือนแล้ว อาจขัดระเบียบ หวั่นที่มาไม่สุจริต ร้องเรียนกันวุ่น คลอดสว.67ล่าช้า จี้ หยุดเคลื่อนไหวถ้าอยากได้สว.อิสระเป็นประชาธิปไตยลั่น หากพบนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง เจอคุก-ปรับ อ่วมแน่

กกต.เริ่มขยับ พร้อมงัด 'กฎเหล็ก' คุมเข้มเลือก สว. 2567

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา