'2 นายกฯ' ไทย-ลาว ร่วมพิธี เปิดสถานีรถไฟเวียงจันทน์

‘เศรษฐา’ หารือ ‘ประธานประเทศลาว – ปธ.สภาแห่งชาติ’ ก่อนร่วมกับเป็นประธานพิธีร่วมกับนายกฯ ลาว เปิดสถานีรถไฟเวียงจันทน์

30 ต.ค. 2566 – เมื่อเวลา 09.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นของนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเท่ากับประเทศไทย ที่ทำเนียบประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป. ลาว และเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และต่อมาในเวลา 10.25 น. ณ สภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายกรัฐมนตรีได้ พบหารือกับ นายไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติ สปป. ลาว โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

ในการเข้าเยี่ยมคารวะนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป. ลาว นายกฯ ได้สรุปผลการหารือกับสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ให้รับทราบ เช่น เรื่องการค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านพลังงาน ความเชื่อมโยง ทั้งระบบราง ถนนและสะพาน การขนส่ง Logistics ความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง ปัญหาหมอกควัน เป็นต้น

โดยประธานประเทศ สปป.ลาว แสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับนายกฯ ในการเยือนอย่างเป็นทางการ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาว ที่มีความร่วมมืออย่างแนบแน่นใกล้ชิด ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือที่ได้คุยกันในวันนี้จะก้าวหน้าเป็นโอกาสให้ได้พัฒนา เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ

ในส่วนของการพบหารือประธานสภาแห่งชาติ สปป. ลาว นายกรัฐมนตรีพร้อมร่วมมือกับฝ่าย สปป. ลาว ในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้มีความคืบหน้า โดยเฉพาะในประเด็นการเพิ่มปริมาณการค้าชายแดน การส่งเสริมความเชื่อมโยง การคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศ ทั้งทางถนนและรถไฟ ตลอดจนความร่วมมือเพื่อการพัฒนา พร้อมหวังว่า ประธานสภาแห่งชาติ สปป. ลาว จะให้การสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างไทยกับ สปป. ลาว อย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งฝ่ายประธานสภาแห่งชาติ สปป. ลาว กล่าวว่า ลาวชื่นชมนายกรัฐมนตรี และให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ไทย-ลาวในทุกระดับ ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเสมอมา และพร้อมกระชับความร่วมมือกับไทยต่อไป

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานร่วมพิธีเปิดสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) กับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ซึ่งสถานีรถไฟดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนสองฝ่าย และสนับสนุนการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ และกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขึ้น 'รถไฟฟ้า-รถเมล์' ฟรี 7 วัน! รัฐบาลล้วงงบกลางแก้ฝุ่น PM2.5

นายกฯ สั่งคมนาคม ให้ประชาชนขึ้น 'รถไฟฟ้า - รถขสมก.' ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค. แก้ปัญหา PM 2.5 เตรียมชงครม.ใช้งบกลางชดเชย 140 ล้านบาท พร้อมตั้ง 8 จุตรวจจับควันดำ

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'อำนาจนอกระบบของทักษิณ'

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “อำนาจนอกระบบของทักษิณ" มีเนื้อหา ดังนี้

บี้ 'อิ๊งค์' ปกป้อง 'เอกนัฏ' ล่าไอ้โม่งลงขันเปลี่ยนตัว รมว.อุตสาหกรรม

24 ม.ค. 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ปกป้อง เอกนัฏ" โดยระบุว่า ติดตามข่าวการตอบกระทู้ถามสด ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ถึงการเลือกปฏิบัติในการรับซื้ออ้อยเผาของ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย รู้สึกตกใจกับคำตอบของนายเอกนัฏ ตอนหนึ่งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีการลงขันจำนวนเงิน 200- 300 ล้านบาท เพื่อย้ายนายเอกนัฎ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการเมืองไทย ที่มีกลุ่มทุนอิทธิพลเหนือการเมือง ใช้เงินลงขันด้วยเงินหลักร้อยล้านบาท เพื่อเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้กำลังใจนายเอกนัฎ ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และควรจะเปิดเผยชื่อตัวการลงทุนย้ายนายเอกนัฎออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่สามารถเปิดเผยชื่อต่อสังคมได้ ก็ควรนำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือการเมือง สามารถใช้เงินทุนโยกย้ายเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ หากนางสาวแพทองธาร ยังเอาไม่อยู่ เพราะไม่มีอำนาจที่แท้จริง ก็ต้องนำเรื่องนี้ให้ถึงมือของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุด เป็นเจ้าของรัฐบาลตัวจริง และสามารถสั่งการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีได้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง นางสาวแพทองธาร จะต้องปกป้องนายเอกนัฎ เพราะการดำเนินนโยบายห้ามไม่ให้โรงงานน้ำตาลรับซื้ออ้อยเผา เป็นมาตรการป้องกันมลพิษ PM 2.5 ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร แต่ถ้าเมื่อนายเอกนัฎได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของนางสาวแพทองธารแล้ว แต่ไปสะดุดต่อ นางสาวแพทองธารในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องรับผิดชอบ และสืบหาตัวไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังการลงขัน เพื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีอุตสาหกรรมให้ได้ ขอให้สังคมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล เปิดโปงขบวนการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีออกมาให้สังคมรับรู้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุนใดๆ ทั้งสิ้น.

'นายกฯอิ๊งค์' ขอบคุณผู้นำอาร์เมเนีย หนุนเริ่มต้นเจรจา FTA ไทย-ยูเรเชีย

'นายกฯอิ๊งค์' ขอบคุณผู้นำอาร์เมเนีย สนับสนุนเริ่มต้นเจรจา FTA ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย พร้อมเพิ่มพูนการค้า ดึงศักยภาพ ศก. ร่วมกัน

'เท้ง' ลั่น 'อุ๊งอิ๊ง' ไปหาโอกาสใหม่ใน ตปท.ได้แต่ควรแก้ปัญหาในบ้านก่อน

'เท้ง' ชี้ 'นายกฯ' ไปหาโอกาสใหม่ต่างประเทศทำได้ แต่ควรแก้ปัญหาฝุ่นในไทยก่อน เชื่อ ปชช.เรียกร้อง-รอคอยอยู่ เผย 'ปชน.' เตรียมเสนอ มาตรการที่เป็นรูปธรรม หวังรัฐบาลรับไปดำเนินการ

นายกฯ ยินดีคู่รัก LGBTQIA+ สมรสถูกต้องตามกฎหมาย

นายกฯ แสดงความยินดีคู่รัก LGBTQIA+ สมรสถูกต้องตามกฎหมาย จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ สร้างความเท่าเทียมให้ทุกเพศ เคารพในความแตกต่างทั้งเพศสภาพ เพศวิถี เชื้อชาติ ศาสนา