‘จตุพร’เชื่อ’เศรษฐา’ เหลี่ยมจัดลาพักร้อน คาดหลบภัยรับทราบ 120 วัน ไม่อยากยุ่งเกี่ยวมติราชทัณฑ์เปลี่ยนบ้านเป็นคุก เชื่อ ‘นช.ทักษิณ’ หวังได้ฉลองปีใหม่ที่บ้านก่อนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจครบ 120 วัน ถาม ปชช.ทนเห็นระบบยุติธรรมถูกย่ำยีหรือ?
17 ธ.ค.2566-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ระบุให้จับตาการลาพักร้อนตั้ง 19-24 ธ.ค. 66 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เพราะอาจมีนัยยะการเมืองเพื่อต้องการหลีกหนีการรับรู้ในสถานการณ์นักโทษชั้น 14 อยู่ครบ 120 วัน และจะแปรเปลี่ยนให้ไปคุมขังที่บ้าน
นายจตุพร กล่าวว่า นายเศรษฐา ลาพักร้อนเป็นช่วงตั้งแต่การประชุม ครม.วันที่ 19 ธ.ค. จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะคาบเกี่ยวกับนักโทษชั้น 14 อยู่ รพ.ตำรวจครบ 120 วันในวันที่ 22 ธ.ค. 66 ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับรู้กันตามลำดับ ตั้งแต่กรมราชทัณฑ์ ไปถึงปลัดกระทรวง กระทั่งไปสู่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้รับทราบด้วย
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนถึง 22 ธ.ค. 66 หรือก่อนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจครบ 120 วันคณะกรรมการที่รองอธิบดีราชทัณฑ์เป็นประธานตามระเบียบราชทัณฑ์ให้คุมขังนอกเรือนจำ อาจมีมติให้นักโทษทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านได้ เพราะกรมราชทัณฑ์ต้องหลีกเลี่ยงรายงาน 120 วันก็เป็นได้ ดังนั้น นายกฯ จึงลาพักร้อนในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเช่นนี้ คงไม่ต้องการรับรู้รับทราบการรายงาน 120 วัน และมติให้เปลี่ยนจากคุกไปอยู่บ้านก็ได้
“จังหวะและช่วงเวลาลาพักร้อน (19-24 ธ.ค.) ของนายกฯ จึงไม่ธรรมดา จัดเป็นลีลาการเมืองแพรวพราว เพราะคงไม่ต้องการรับรู้การตัดสินใจให้ทักษิณ เปลี่ยนจากคุกไปเป็นคุมขังอยู่บ้านได้เฉลิมฉลองวันปีใหม่ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า คงเป็นดีลหนึ่งในยุทธการฟ้าใสให้กลับบ้าน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วประชาชนจะว่าอย่างไร”
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ประชาชนจะยอมให้กระบวนการยุติธรรมถูกกระทำย่ำยีจนสูญสิ้นความยุติธรรมกันหรือเปล่า เพราะต่อไปคำพิพากษาของศาลจะไม่มีความหมายในคดีทุจริตคอร์รัปชัน เนื่องจากระเบียบราชทัณฑ์ได้เปิดประตูให้คุมขังนอกเรือนจำได้
“อะไรก็ตามถ้าไม่เดินตรงไปตรงมา ย่อมมีร่องรอยทิ้งไว้ให้เห็นเส้นทางทั้งหมดว่ามีเป้าประสงค์เช่นไร (กับการเร่งรีบออกระเบียบราชทัณฑ์เมื่อ 6 ธ.ค. 66) อย่างไรก็ตาม (นักโทษทักษิณ) ถ้าอยู่ในเรือนจำสามารถให้เหตุผลล้นคุกได้ แต่อยู่ รพ.จึงไม่เข้าเหตุเป็นนักโทษล้นคุก”
นายจตุพร กล่าวว่า ในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ถ้านักโทษทักษิณ มีความมั่นใจในการกระทำก็ไม่ว่ากัน แต่ที่ผ่านมา ทักษิณ ได้ผ่านความมั่นใจแบบสุดๆ จนให้ออกนิรโทษกรรมสุดซอยมาแล้วยังไปไม่รอด แล้วเมื่อถึงบทจะเลี้ยวก้ทิ้งมวลชน ไปสมคบคิดกับกลุ่มอำนาจ โดยมีเหตุการณ์ยึดอำนาจปี 57 เป็นบทเรียนการสมประโยชน์อำนาจกัน โดยสมคบกำจัดเบี้ยที่ชุมนุมถนนอักษะจนสิ้นซาก
นอกจากนี้ การเมืองที่ผ่านมาล้วนเป็นการแสดงละคร ส่วนนักการเมืองแค่คนรับสั่งให้เล่นไปตามบทที่กำหนดไว้เท่านั้น แล้วสุดท้ายฝ่ายอำนาจเบื้องหลังก็สมคบคิดแลกเปลี่ยนบทบาทกันเล่น เพื่อกำจัดเบี้ยที่จะเป็นขวากหนามกันเรื่อยมา กระทั่งมาถึงยุทธการดีลฟ้าใสให้กลับบ้าน และสว.โหวตได้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จตุพร' ลั่นถ้ามั่นใจก็แบ่งประโยชน์ 50:50 เลย เชื่อ 'กิตติรัตน์' วืดเข้าครม. รัฐบาลลังเล
'จตุพร' ท้าอำนาจเอาแต่ได้ ลั่นถ้ามั่นใจก็แบ่งประโยชน์ 50:50 เลย เอาตามลูกพี่สบายใจ แล้วจะได้วัดกัน ส่วน 'กิตติรัตน์' วืดเข้าครม. เชื่อรัฐบาลลังเล หวั่นเป็นปัญหาหัวเชื้อคนค้านขย่ม แม้กฤษฎีการะบุคุณสมบัติไม่เข้าข่ายข้าราชการการเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อ้างในศาล รธน.จะชนะทุกกรณีไป
เตือน 'ยิ่งลักษณ์' เลือกกลับไทยแบบพี่ชาย ยิ่งทำให้อารมณ์คนไทยพลุกพล่านระอุขึ้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับพักโทษคดีจำนำข้าวนั้น กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์
จับตา! เพื่อไทยเสนอชื่อ 'กิตติรัตน์' เข้าครม. พรรคร่วมรัฐบาลไม่สบายใจ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ช
ระทึก!'ทักษิณ'ขาสั่น 'จตุพร' เผยอนุไต่สวนชั้น 14 มติเอกฉันท์ชี้มูลผิด ยื่น ปปช.ฟ้องศาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุถึงความคืบหน้าคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
'สมคิด' เผย 'ทักษิณ' ไปอุบลฯ ให้กำลังใจผู้สมัครนายก อบจ. ไม่ขึ้นเวทีปราศรัย
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะอดีตสส.อุบลราชธานี เปิดเผยว่าการเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แค่สีสัน! 'เท้ง’ เสียงแข็งไม่หวั่น ‘ทักษิณ’ ลงช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.อุบลฯ หาเสียง
หัวหน้าพรรคปชน.มองทักษิณ เป็นสีสัน เป็นสิ่งที่ดีที่มีคนลงมาช่วยหาเสียง ทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจในการเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น