'หมอวรงค์' สรุปผลงาน 'พรรคไทยภักดี' ปี 2564

1 ม.ค.2565 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กดังนี้

สรุปผลงานพรรคไทยภักดีในรอบปี2564

แม้พรรคไทยภักดีจะไม่มีส.ส.ในสภา แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่า พวกเราได้ทำหน้าอย่างเต็มที่ในขวบปีที่ผ่านมา

สิ่งที่จับต้องได้ พรรคไทยภักดี เป็นพรรคการเมืองที่แสดงตนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านขบวนการล้มล้างการปกครองอย่างชัดเจน ด้วยหลักคิดที่ว่า เราต่อต้านระบอบสาธารณรัฐ และประเทศไทยต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว เราขอยืนยันถึงอุดมการณ์ที่ชัดเจนในเรื่องนี้ และเราจะต่อสู้กับขบวนการล้มล้างการปกครองอย่างเต็มที่ทั้งในสภาและนอกสภา

ในช่วงโควิดที่ผ่านมา พรรคไทยภักดีได้ให้ความร่วมมือกับนายแพทย์เหรียญทอง บุคคลากรโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ และภาคประชาชน ร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ทั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยหนัก และผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ด้วยการเปิดรับเงินบริจาค สมทบในการดูแลผู้ป่วย แม้จะมีการต่อต้านจากนักการเมืองในพื้นที่ ได้จัดหาน้ำดื่มนับแสนขวดมาบริการในหลายพื้นที่ ยังไม่นับรวมการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ในภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่

สิ่งที่พรรคไทยภักดีภาคภูมิใจที่สุด นั่นคือการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ แม้จะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ แต่ถ้ามีการกระทำที่ส่อทุจริต พรรคไทยภักดี ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่เช่น

1.การตรวจสอบโครงการรถไฟทางคู่ของกระทรวงคมนาคม

2.การตรวจสอบโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศที่ส่อความไม่โปร่งใสมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และเรื่องดังกล่าวได้ฟ้องต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตแล้ว

3.การร่วมมือกับภาคประชาชน ตรวจสอบการลักหลับการอภัยโทษนักโทษโกงชาติ ในโครงการรับจำนำข้าว

นอกจากนี้พรรคไทยภักดี ยังร่วมกับนายกสมาคมฟ้าสีรุ้ง กลุ่มเครือข่ายLGBTQ+ จัดเสวนา เพื่อหาทางออกทางกฏหมายที่เหมาะ ในการรับรองความเสมอภาค เท่าเทียมในสังคมของคนกลุ่มนี้

ยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษามาจัดเสวนา เพื่อหาทางออกการปฏิวัติการศึกษา เพื่อให้มาตรฐานการศึกษาของชาติ เป็นที่ยอมรับและทัดเทียมกับต่างประเทศ

พรรคยังมีโอกาสไปร่วมปรึกษาหารือ รับฟังความคิดเห็น แนวทางการปราบการทุจริตคอรัปชั่น ถึงสองรอบ กับบุคคลากรขององค์กรต่อต้านคอรัปชั่น เพื่อหาบทสรุปแนวทางในการจัดระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต จนได้แนวทางการปราบโกง ที่คิดว่าสามารถนำมาปฏิบัติได้อย่างจริงจัง เพราะเราเชื่อว่าการทุจริตคือปัญหาใหญ่ของประเทศ ที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะสิ่งเหล่านี้คือต้นเหตุที่แท้จริงต่อความเหลื่อมล้ำในสังคม

แม้การแก้รัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งจะผ่านไปแล้ว พรรคไทยภักดีก็ยังยืนยันจุดยืนการคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้งจากบัตร1ใบ มาสู่บัตร2ใบ เพราะระบบบัตร1ใบ เป็นระบบการปฏิรูปการเมือง ที่จับต้องได้ ถ้าปล่อยให้ระบบบัตรใบเดียวทำงานไปสักระยะ ระบบการเมืองไทยจะดีขึ้นแน่นอน แต่การแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ บัตร 2 ใบในรูปแบบของปี 2540 เพื่อให้พรรคใหญ่กินรวบ จะนำประเทศย้อนอดีตไป 20 ปี และมีโอกาสเผชิญกับวิกฤติของประเทศ

นี่คือบทสรุปบางส่วนในผลงานของพรรคไทยภักดี ที่ได้ดำเนินการในรอบปี 2564 ที่ผ่านมา แม้เรายังไม่มีส.ส.ในสภา แต่เพราะความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีพลัง จึงทำให้เราเชื่อว่า เรามีผลงานมากกว่าหลายๆพรรคการเมือง ที่มีที่นั่งในสภา และเราเชื่อว่าด้วยพลังที่ทุ่มเท มุ่งมั่นตั้งใจ ความหวังที่จะมีส.ส.เพียง 1ที่นั่ง จะเป็นประกายไฟแห่งความหวัง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ดีขึ้น

ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณความห่วงใยจากหลายๆท่าน ที่กังวลว่า ทีมงานพรรคไทยภักดียังไม่มากพอ เราขอยืนยันว่า เราจะเปิดตัวทีมงานชุดใหญ่ทุกตำแหน่ง เพื่อให้เห็นความพร้อมของเรา ที่จะรับภาระดูแลประเทศนี้ต่อไปในเร็วๆนี้แน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุทิน' ร่ายยาวครั้งแรกหลังมีชื่อพ้นครม. แจงดราม่า 'ทักษิณ' เมินมาลัย

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพอใจผลงาน 6-7 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี

นายกฯ ยัน ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับ 'เอกนัฏ'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะ

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

'ไชยา' ลั่นปรับครม.กี่ครั้งก็ตาม ก.เกษตรฯต้องอยู่กับเพื่อไทย

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อถูกปรับออก ว่าตนทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่