'นิกร' เผย พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติฉบับรัฐบาลเสร็จแล้ว

'นิกร' เผย 'พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ'ของรัฐบาลเสร็จแล้ว จ่อชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า พร้อมเสนอสภาทัน 18 มิ.ย.นี้ มองเว้นแก้หมวด 1-2 ไปก่อน ชี้หากอยากแก้เฉพาะเรื่อง ทำประชามติอีกครั้งได้

23 พ.ค. 2567 - นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 แถลงสืบเนื่องจากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณายกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ในประเด็นตามรายงานของคณะกรรมการฯ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณา และหากมีร่าง พ.ร.บ.ที่มีลักษณะในทำนองเดียวกันของ สส.ที่อยู่ระหว่างการบรรจุวาระการประชุม หรือได้บรรจุวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ให้นำร่าง พ.ร.บ. ของ สส.ดังกล่าว มาประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

นายนิกรกล่าวอีกว่า ขณะนี้ สปน. ได้ดำเนินการจัดประชุมหารือกับพรรคการเมืองที่เสนอบรรจุวาระร่างกฏหมายดังกล่าวเข้าสภาฯ กกต. และสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ค. จากนั้นได้ทำการยกร่างกฏหมายฉบับดังกล่าวขึ้นมาแล้วนำไปเสนอรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 3-18 พ.ค. รวมครบ 15 วันแล้ว ซึ่งประชาชนทั่วไปที่เข้ามาส่วนใหญ่เห็นด้วยและสนับสนุนการดำเนินการแก้ไข ขณะที่ สำนักงานกฤษฎีกามีความเห็นว่า ไม่ควรกำหนดการออกเสียงประชามติส่วนที่เพื่อเป็นการให้คำปรึกษาแก่ ครม. แต่รัฐบาลไม่ผูกพันผลของการออกเสียงประชามติว่า อาจเป็นการสิ้นเปลือง ส่วนความเห็นของ กกต. ที่มีความเห็นแย้ง ในกรณีให้รวมการออกเสียงประชามติกับการเลือกตั้งอื่น และการจัดซื้อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีราคาแพง แต่ในอนาคตจะต้องมีการปรับปรุงเรื่องนี้ ซึ่งก็ได้รับฟังไว้เรียบร้อยแล้ว

“สปน.ได้ปรับปรุงร่างตามผลการรับฟังความเห็นและปรับปรุงตามความเห็นของกฤษฎีกาเสร็จเรียบร้อย พร้อมจัดเตรียมเอกสารอื่นๆ ตามกรอบ และขั้นตอนการออกกฏหมายเรียบร้อยแล้ว เช่นกัน นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้รับผิดชอบในภารกิจนี้ ก็พร้อมนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ตามขั้นตอน เพื่อให้ทันเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไป”

นายนิกร กล่าวด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติของรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินการตามกรอบและขั้นตอนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว รอเสนอเข้าสู่ขบวนการพิจารณาของ ครม.สัปดาห์หน้า และเชื่อว่าจะเสนอทันเข้าร่วมในการพิจารณาของสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 18 มิ.ย.นี้

ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติของรัฐบาล ดังนี้ 1. กำหนดให้หากมีการกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือมีการกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระแล้วแต่กรณี ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับการออกเสียงอาจกำหนดให้วันออกเสียงเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง

2.กำหนดให้การออกเสียงกระทำโดยใช้บัตรออกเสียง หรือออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนนเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือโดยวิธิอื่น และอาจใช้วิธีลงคะแนนวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธี และใช้ในเขตออกเสียงหนึ่งหรือหลายเขตออกเสียง
3.กำหนดให้การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงและต้องสูงกว่าคะแนนเสียงไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น

4.กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนให้ผู้มีสิทธิออกเสียงได้รับอย่างทั่วถึง และจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยอิสระและเท่าเทียมกันทั้งผู้ที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบในเรื่องที่จัดทำประชามติ

5.กำหนดให้การออกเสียงจะใช้เขตประเทศ เขตจังหวัด เขตอำเภอ เขตเทศบาล เขตตำบล เขตหมู่บ้าน หรือเขตอื่นเป็นเขตออกเสียงก็ได้

6.กำหนดหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง หากพื้นที่ใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระในวันเดียวกับการออกเสียง ให้ถือว่าหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งของการเลือกตั้งนั้น เป็นหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียงในพื้นที่ดังกล่าว

เมื่อถามถึงคำถามแรกในการทำประชามติ ที่ระบุว่าท่านเห็นชอบหรือไม่ ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยเว้นหมวดหนึ่ง และหมวดสอง นายนิกร กล่าวว่า คำถามดังกล่าวเป็นมติเห็นชอบไปแล้ว และเมื่อทำกฎหมายประชามติเสร็จ ก็คาดว่าจะเป็นวุฒิสภาชุดใหม่เข้ามาพิจารณา หลังจากนั้นจะมีมติ ครม. เชิญ กกต. และสำนักงบประมาณ มากำหนดวันออกเสียงประชามติ แต่ข้อกังวลว่า คนอาจจะออกมาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่งขอบผู้มีสิทธินั้น หากมีการรณรงค์ให้ดี ทั้งตนและนายภูมิธรรม ก็เชื่อว่า จะมีคนมาใช้สิทธิเกินครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ควรระบุให้เป็นการผูกมัดในกฎหมาย เพราะจะดูเป็นการบังคับ และหากมีฝ่ายที่ไม่เห็นด้ววกับการทำประชามติ อาจจะไปรณรงค์ให้คนไม่ออกมาใช้สิทธิได้

ส่วนข้อกังวลว่า หากมีการล็อกไม่ให้แก้ไขในหมวดหนึ่ง และหมวดสอง จะทำให้ประชาชนสับสนว่า จะตอบอย่างไรนั้น นายนิกร ระบุว่า ถึงจุดนั้นแล้วค่อยแถลงอีกที และจากการรับฟังความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ของนิด้าโพล ก็พบว่า เห็นด้วยที่จะให้ยกเว้นหมวดหนึ่ง และหมวดสองไว้ ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ ก็สามารถแก้ได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องไปทำประชามติโดยเฉพาะตามมาตรา 256 ซึ่งเบื้องต้นเราเห็นว่าควรทำประชามติ เพื่อแก้ไขเป็นเรื่องๆ ไป

“ไม่ใช่ว่าทั้งชาติจะแก้ไม่ได้เลย ถ้าเขามีเหตุผลพอ ก็ทำประชามติกับประชาชนอีกครั้งเป็นการเฉพาะได้ เพราะในรัฐธรรมนูญกำหนดว่า ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติเห็นชอบ แต่ไม่ให้เอามารวมในการรื้อทำใหม่ทั้งฉบับ เดี๋ยวมีปัญหาขึ้นมาการทำประชามติอาจจะไม่ผ่าน และเกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นมา ดังนั้น การเว้นหมวดหนึ่งและหมวดสองเอาไว้ อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่การไม่เว้นมีปัญหามากกว่าแน่นอน“

นายนิกรยังเชื่อว่า กระบวนการแก้ไขกฎหมายนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 45 วัน เพราะความเห็นแย้งของทุกฝ่ายได้รับการพูดคุยและรวมหลักการกันแล้ว จึงไม่น่ามีประเด็นขัดแย้งใดๆ ในการประชุม และคาดว่าในช่วงปลายเดือน ก.ค. จะพร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาชุดใหม่ จะมีก็เพียงให้ กกต. ออกประกาศกฎหมายที่นำมาใช้ประกอบ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งได้มีการหารือกันแล้วและจะทำคู่ขนานกันไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง