23 มิ.ย. 2567 – นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า [ บทสรุป #งบ68 : สิ่งที่ประชาชนต้องการอาจไม่ใช่พายุหมุน แต่คือ “ลมใต้ปีก” ]
ปี 2568 ยังคงเป็นปีที่ทั้งยากและเสี่ยงสำหรับประชาชน มีความลำบากทั้งแง่เศรษฐกิจและปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดังนั้นงบประมาณที่รอบคอบ มีการบริหารความเสี่ยง และมีความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและความกินดีอยู่ดีของประชาชน จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ในช่วงหยุดถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผมได้ศึกษาวิธีการทำงบประมาณขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงบประมาณของไทย ซึ่งน่ายินดีที่ตอนนี้ OECD รับไทยเข้าสู่กระบวนการเป็นสมาชิก
สิ่งที่ OECD นำเสนอ “งบประมาณ” คือการเรียงลำดับความสำคัญ เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด ต้องจัดความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนที่จ่ายภาษีกับรัฐที่ใช้ภาษี ทั้งนี้จากการศึกษาการจัดทำงบประมาณของหลายประเทศ ผมประทับใจของนิวซีแลนด์เมื่อปี 2019 ที่ใช้คำว่า the Wellbeing Budget หรือการจัดงบที่ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี พูดถึงความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการลดความเหลื่อมล้ำ การทำงบประมาณที่ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ระยะสั้น แต่คำนึงถึงความเสี่ยงระยะยาว ไม่ได้คิดแค่การโปรยเงินจากบนลงล่าง แต่จากล่างขึ้นบน
บางครั้งสิ่งที่ประชาชนคนเดินดินกินข้าวแกงต้องการ อาจไม่ใช่พายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่ต้องการลมใต้ปีกให้คนตัวเล็กๆ ผ่านการทำงบประมาณและยุทธศาสตร์อย่างละเอียด มีโครงการที่ใส่ใจ
ผมอยากจะสรุปการอภิปรายงบประมาณปี 68 ออกเป็น 3 วาระด้วยกัน คือ
ประมวล : ภาพรวมของ “รายรับ+การกู้ = รายจ่าย” ของงบประมาณ ด้วยตอนนี้รายได้ของรัฐไม่เพียงพอต่อรายจ่ายจึงต้องกู้เพิ่ม เพื่อให้พอต่อการจับจ่ายใช้สอย แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมรายได้ของรัฐมีความผันผวนและสัดส่วนการเก็บรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับ GDP จึงต้องถามรัฐบาลว่ามีแผนงานอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ารายได้ในอนาคตจะสามารถนำมาใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องกู้มากขึ้น และ อยากให้รัฐบาลอธิบายแผนรายได้ของประเทศว่าจะทำอย่างไรกับการปฏิรูปภาษี การขยายฐานภาษีที่ทำให้คนตัวเล็กไม่ลำบากมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นภาษีแนวดิ่งอย่างภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีแนวราบ รวมถึงการสร้างรายได้ใหม่ๆ เช่นภาษีจากสุราก้าวหน้า ซึ่งรัฐบาลสามารถผลักดันได้เลย หรือภาษีมรดก ภาษีที่ดิน
การที่รายได้รัฐไม่พอแล้วต้องกู้เพิ่ม เสมือนนำเงินจากอนาคตมาใช้ แต่เราจะมั่นใจในอนาคตได้แค่ไหน ดังนั้นควรมีความรอบคอบก่อนกู้ เช่นที่จะกู้กว่า 8 แสนล้านบาท ประชาชนต้องการทราบว่าตกลงต้องคืนเมื่อไร ใครต้องคืน ดอกเบี้ยเท่าไร
ขยาย : เพื่อสะท้อนความสมดุลของการแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้งบประมาณกับกลุ่มคนที่ถูกมองข้าม การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสำคัญแน่นอน แต่ต้องแลกด้วยอะไรบ้าง รัฐบาลต้องหาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการลดความเหลื่อมล้ำ การหาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ระยะสั้นกับความเสี่ยงระยะยาว และการหาสมดุลระหว่างการกระตุ้นกับประชาชนที่ถูกมองข้าม
การแจกเงินที่จะทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น เป็นการเกาถูกที่คันหรือไม่ เพราะเมื่อดูปัญหาของ GDP ตอนนี้ที่รัฐบาลบอกว่าต้องกระตุ้น ไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 1.5% การบริโภค หรือตัว C โต 7 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหาอยู่ที่การลงทุน (I) การใช้งบประมาณแผ่นดิน (G) และการต่อสู้กับการขาดดุลทางการค้า
ดังนั้นรัฐควรใช้งบประมาณแผ่นดินให้ลงทุนถูกจุด ไม่ว่าจะเป็น ปลดล็อกที่ดิน แหล่งน้ำ และเครื่องจักรทางการเกษตร การลงทุนในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของการท่องเที่ยว และเพื่อที่จะไม่ทำให้คนที่ถูกมองข้าม เพราะด้วยการตัดงบประมาณของรัฐ ทำให้
เด็กเล็ก 0-6 ปี ที่หลุดออกจากระบบ 1.5 ล้านคน
สวัสดิการผู้พิการที่งบหายไปอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ทำให้ผู้พิการราวแสนคนไม่ได้รับความช่วยเหลือ
งบดูแลไฟป่าของท้องถิ่น ถูกตัดไปพันกว่าล้านบาท ทำให้ป่า 7.5 ล้านไร่ ไม่ได้รับการดูแล
เสนอแนะ ขอให้ฟัง OECD ที่เสนอมาทั้งหมด 10 ข้อ เป็น Best practice ของการจัดทำงบประมาณ ผมขอเน้นเพียง 3 ข้อคือ ข้อ 5 การมีส่วนร่วมของรัฐสภาและสาธารณะ ต้องมี Gender Budgeting และ Green Budgeting ซึ่งจะทำให้คนชายขอบไม่ถูกมองข้าม ข้อ 9 คือความเสี่ยงทางการคลังและความยั่งยืนระยะยาว และข้อ 10 การประกันคุณภาพและการตรวจสอบซึ่งเป็นเรื่องความโปร่งใส
ทั้งนี้ ขอเสนอ 5 สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน
(1) ความชัดเจนเกี่ยวกับแผนรายได้กับแผนหนี้ของประเทศ
(2) แผนการปฏิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม
(3) แผนการช่วยเหลือประชาชนที่งบประมาณไม่ครอบคลุมในครั้งนี้ เช่นประชาชนที่เสียภาษี VAT อาจอยากถามว่าเขาอยู่ตรงไหนของแผนงบประมาณนี้
(4) การเปิดเผยกระบวนการพิจารณางบต่อสาธารณะ และ
(5) การปรับกระบวนการงบประมาณตามมาตรฐาน OECD
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ค้าน ‘VAT’15% ‘พิธา’ สอน ‘อิ๊งค์’ ต้องปฏิรูปภาษี
"พิธา" แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ดีกว่าเจาะจงที่แวต ถามตัวเลข 15% มาจากไหนไม่เข้าใจ ด้านประธานหอการค้าขอนแก่นระบุการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มควรขึ้นไม่เกิน 10%
'พิธา' แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ มากกว่าปรับขึ้น VAT 15% สงสัยอยู่ดีๆก็โพล่งมา
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวรัฐบาลมีแนวคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ว่า ภาษีในประเทศ มีทั้งภาษีทางตรง
'พิธา' ลุยช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.อุบลฯ หวังเป็นตาอยู่ ศึก 2 ขั้วใหญ่ชนกันเอง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี
'เอ็ดดี้ อัษฎางค์' มีคำตอบให้! 'พิธา' ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย
เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้
'พิธา' คุยพรรคประชาชนแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้
ที่จ.อุดรธานี แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2567 ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก
'พิธา' เย้ยกลับทักษิณอย่าลืมผลเลือกตั้ง 66 ลั่นอุดรฯคือเมืองหลวงประชาธิปไตย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจากพรรคประชาชน