ถกประชามติเดือด! เพื่อไทยจวกพรรคร่วมฯตัวถ่วงประชาธิปไตย ภูมิใจไทยสวนกลับอย่ามักง่าย

รออีก180วัน! สภาฯโหวต 326 เสียง ยึดหลักการเดิมเกณฑ์แก้รธน. ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว “ลิณธิภรณ์” ซัดใครสนับสนุนเสียงข้างมาก 2 ชั้น ถูกครหาขัดขวางกฎหมายแม่ “อดิศร” จวกพรรคร่วมรบ.ตัวถ่วงประชาธิปไตย ดักคองดออกเสียง

18 ธ.ค.2567 - เวลา 17.20 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ(ฉบับที่ …) พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการร่วมกัน พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมีมติเห็นชอบตามร่างแก้ไขของวุฒิสภาให้ยึดเกณฑ์ประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นแบบ 2 ชั้น คือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงทั้งหมด และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ สส.ของพรรคเพื่อไทย และสส.พรรประชาชน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยขอให้ยืนยันการใช้เกณฑ์ประชามติด้วยเสียงข้างมากชั้นเดียว

น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การทำประชามติถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในมือของประชาชน ที่จะไขประตูบานใหญ่ของประเทศ เข้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในคำแถลงของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต่อรัฐสภา ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนพร้อมด้วย สส.จากพรรคเพื่อไทยยืนยันไม่เห็นด้วยกับระบบสองมาตรฐานนี้ เพราะมันแปลกแยกจากระบบที่เป็นอยู่ ในเมื่อระบบการลงคะแนนเสียงของประชาชนคืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย การใช้เสียงข้างมากปกติโดยตรงจึงเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น เพราะยุ่งยากและกีดกันเสียงที่แท้จริงของประชาชนออกไป

“เมื่อพิจารณาสิทธิ์ไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามด่านพิสดารของเสียงข้างมาก 2 ชั้นก็อาจทำให้สิทธิ์เสียงข้างมากของประชาชนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ตามกระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือนไปได้ เว้นเสียแต่ว่าผู้ที่สนับสนุนหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ปรารถนาอยู่ลึกๆในใจว่าให้การใช้สิทธิ์ออกเสียงของประชาชนเป็นไปได้ยากขึ้น พูดง่ายๆ คือใครที่ยังคิดสนับสนุนเสียงข้างมาก 2 ชั้นอาจจะถูกครหาได้ว่าขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ 2560” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นตัวถ่วงประชาธิปไตย กฎหมายทุกฉบับและรัฐธรรมนูญแก้ไขได้ ทั้งนี้การแก้รัฐธรรมนูญจะทำได้ ต้องผ่านประชามติก่อน ทั้งนี้ สว. และสส. หากมีปัญหาเห็นไม่ตรงกัน อำนาจให้ไว้ที่รากแก้ว คือ สส. ส่วน สว. เปรียบเสมือนรากฝอย เมื่อขัดแย้งกันต้องใช้ สภาฯ ยืนยันตามสภาฯ เพราะเป็นสภาฯ ตัดสิน แต่เสียเวลา เพราะต้องรอเวลา 180 วันหรือ 6 เดือน ในที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แก้ไม่ทันในสมัยนี้ อย่างมากเสนอได้แค่ สภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)เท่านั้น

“ใครคือจำเลย สภาผู้แทนฯไม่ใช่ อีกสภาหนึ่งใช่หรือไม่ ต้องใช้วิจารณญาณ สภาผู้แทนฯเห็นด้วยให้มีชั้นเดียว ทุกพรรคการเมืองร่วมตั้งกรรมาธิการ แต่ผมผิดหวัง ที่อยู่ๆ ไปงดออกเสียง กลับลำสิ่งที่ตนเองลงมติไว้ และทราบข่าวว่าจะงดออกเสียงอีก จะบั่นทอนอำนาจสูงสุดที่ประชาชนให้ไว้ ไปร่วมกับสภารากฝอยได้อย่างไร ผมพูดด้วยน้ำตา พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แถลงนโยบายด้วยกัน ว่าจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยยึดโยงประชาชนและหลักการประชาธิปไตย พรรคร่วม ทุกพรรคต้องปฏิบัติตามนี้ ไม่เช่นนั้นจะลงเรือลำเดียวกันได้อย่างไรต่อไป” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวด้วยว่า ประธานกมธ.ร่วม รวมถึง สส.ที่ได้รับอำนาจจากสภาฯ แล้วไปกลับลำที่สภาสูง ขอให้กลับใจ แก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่นี่เป็นที่แก้ไข ไม่ใช่ที่ถ่วงความเจริญของประชาธิปไตย ใครคนใดที่ไม่แก้รัฐธรรมนูญหรือถ่วงความเจริญ ถือว่าคนนั้นทำลายประชาธิปไตย

ขณะที่นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นในสิ่งที่พรรคได้เสนอในร่างพรบ.ประชามติ ต้องมีเกณฑ์แบบ 2 ชั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด แม้เราเห็นต่างกันแต่ไม่ได้ยึดติดหรือยึดมั่นโดยไม่มีหลักการและเหตุผล เราเห็นว่ามีความจำเป็นว่าต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น เหตุผลเพราะประชาชนตระหนักดีว่าทุกเรื่องที่ต้องทำประชามติสำคัญและมีผลกระทบทั้งประเทศ จึงต้องการความมั่นใจว่าผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์มีปริมาณเพียงพอที่น่าเชื่อถือจริงๆ

นายไชยชนก กล่าวอีกว่า ข้อกังวลว่าหลักเกณฑ์แบบ 2 ชั้นจะนำไปสู่การรณรงค์เพื่อไม่ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ หากมีการกระทำเช่นนั้นประชามติจะเป็นโมฆะได้ แต่ตนคิดว่าไม่น่าเกิดขึ้นได้ นอกจากการรณรงค์เช่นนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตนและพรรคเชื่อว่าวันนี้ความรู้สึกของประชาชนเกี่ยวกับการเมืองมีความตื่นรู้ ตระหนักรู้สิทธิของตัวเอง ไม่เชื่อว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าการทำประชามติรอบที่ผ่านมา ซึ่งออกมาใช้สิทธิ์สูง60กว่าเปอร์เซ็นต์ ตนไม่เชื่อว่าคนไทยจะถูกใครบางครั้งหรือบางพรรคชักจูงให้สละอำนาจที่พึงมีของเขาได้อีกต่อไป เรากำลังดูถูกประชาชนและวิวัฒนาการประชาธิปไตยมากไปหรือไม่

“วันนี้มีเพื่อนสมาชิกพาดพิงมาถึงพรรคภูมิใจไทยแล้วบอกว่าเสียใจที่เราจะงดออกเสียง ไม่ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง และมีการพูดว่าพรรคภูมิใจไทยอาจจะมีความต้องการหรือเจตนาจะขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการจริงๆอย่างเห็นได้ชัด พรรคภูมิใจไทยไม่มีทางหรอกครับ ผมขอแจ้งให้ทุกท่านสบายใจว่าวันนี้เราไม่งดออกเสียงแน่ ๆ และไม่ว่ามติของการประชุมในวันนี้จะเป็นอย่างไร เราจะเคารพในเสียงส่วนมาก ผมในฐานะตัวแทนพรรคภูมิใจ ขออนุญาตยืนยันจุดยืนเดิมที่พรรคเคยนำเสนอ ในการทำประชามติ เพราะคิดว่าเป็นการคืนอำนาจจากสภาตัวแทนไปสู่เจ้าของอำนาจประชาธิปไตยตัวจริง ที่คำนึงถึงเสียงของทุกคน และถูกตัดสินใจในเสียงส่วนมาก เราจึงมองว่ากระบวนการที่จะนำไปสู่การตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศ จำเป็นต้องมีเกณฑ์ถึงจะสามารถสะท้อนความเห็นของชาวไทยทั้งประเทศได้ และมีความศักดิ์สิทธิ์เพียงพอ พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการทำให้กระบวนการทำประชามติควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนไทยทุกคน แต่ไม่ควรจะมักง่ายในวิธีการ” นายไชยชนก กล่าว

กระทั่งเวลา 20.25 น. ที่ประชุมสภาฯ โหวตไม่เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่คณะกรรมาธิการร่วมกัน พิจารณาเสร็จแล้ว ด้วยคะแนน 326 ต่อ 61 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา137 (3) และมาตรา138(2) กำหนดว่าร่างกฎหมายที่ถูกยับยั้งจะพิจารณาใหม่ได้เมื่อพ้น 180 วันนับแต่ที่สภาฯไม่เห็นชอบ จากนั้นได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 20.30 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธนกร-สส.รวมไทยสร้างชาติ' ผวาข้อเสนอ 'ยุบสภา' อัด 'ปชน.' เอะอะก็จะล้มกระดาน!

'ธนกร วังบุญคงชนะ' อัดพรรคประชาชน ที่กดดันนายกฯยุบสภาหลังองค์ประชุมไม่ครบ ติงการเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญไม่ฟังเสียงประชาชน ขัดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เตือนประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น เอะอะก็จะล้มกระดาน

เปิด 4 ทางเลือก! ความเป็นไปได้ หลังสภาล่ม-ร่างแก้ไขรธน.จะเดินหน้าอย่างไร?

การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมสองฉบับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา แต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกิด “ล่ม” ขึ้นอีกครั้งเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ

'นิกร' ผ่าทางตัน แนะถอน 2 ร่างแก้รธน. ทำประชามติก่อนเดินหน้าครั้งใหม่

ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับสภาล่มต่อเนื่องส่งผลเสียหายหนัก ชี้หากยังดึงดันเดินหน้าชนกันไปก็ไม่มีใครชนะ เสนอผ่าทางตันถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ แล้วรอประชามติถามประชาชนก่อนเดินหน้าครั้งใหม่

'ความผิดสำเร็จ' ปมร้อนเพิ่มหมวด 15/1 'ปชน.-เพื่อไทย-วันนอร์' ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.?

การประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ซึ่งมีวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การแก้ไขมาตรา 256 และการเพิ่มหมวด 15/1 ต้องปิดประชุมไปโดยปริยาย หลังองค์ประชุมไม่ครบ มีผู้แสดงตนเพียง 175 คน จากสมาชิกทั้งหมด 620 คน

'ไอลอว์-เครือข่ายประชาชน' ขว้างกล้วย สาดสี ผิดหวังสภาล่ม แก้รธน.สะดุด

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ และภาคีเครือข่าย นำนำโดยกลุ่ม ไอลอว์จัดกิจกรรม “อยากเลือกตั้ง สสร. ชวน สว.ทำเรื่อง กล้วยๆ”

'ปิยบุตร' ปลุกประชาชน เลือกตั้งครั้งหน้า ต้องสั่งสอน สส.ที่เกาะใบอนุญาตที่ 2

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า ในระบอบประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต แบบที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ พวกเจ้าของใบอนุญาตที่ 2 ขีดวงกลมล้อมกรอบว่า