
‘ชัชวาล’ เตือนวิกฤต ‘ภาษีทรัมป์’ ทุบส่งออกข้าวไทยดิ่งเหว เกษตรกรเดือดร้อนหนัก ผู้ค้าข้าวส่อเจ๊งระนาว จี้รัฐบาลยกระดับความสำคัญปัญหา ก่อนไฟภาษีลามทุ่งทำลายเศรษฐกิจ-มั่นคงทางอาหาร
4 เม.ย. 2568 – นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย แสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อผลกระทบจากการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตรา 36% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้ทางการค้าหลังสหรัฐอเมริกา เสียดุลการค้าให้กับประเทศไทย โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการส่งออกข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักไปยังสหรัฐ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจในภาพรวมไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐทันที นี่คือวิกฤตครั้งใหญ่ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรชาวนาไทย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
นายชัชวาล กล่าว การขึ้นภาษีครั้งนี้จะทำให้ราคาข้าวหอมมะลิของไทยในตลาดสหรัฐพุ่งสูงขึ้นทันทีจาก 900-1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ไปอยู่ที่ราว 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน กลายเป็นราคาที่สูงเกินกว่าตลาดจะรับได้ และอาจทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐ หันไปเลือกข้าวจากประเทศคู่แข่งแทน ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำประเด็นนี้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน “รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับปัญหาที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง แทนที่จะมุ่งผลักดันแต่กฎหมายที่ส่งเสริมอบายมุข ทั้งสถานบันเทิงครบวงจรที่ซ่อนกาสิโน และพนันออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสังคมและไม่ได้เกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่และเกษตรกรเลย” นายชัชวาล ระบุ
สส.พรรคไทยสร้างไทย ได้เสนอแนวทางรับมือ 5 ประการ ดังนี้
1.ผลักดันการเจรจาทางการค้ากับรัฐบาลสหรัฐ เพื่อขอผ่อนปรนภาษีหรือนำกลับเข้าสู่ระบบ GSP
2.ขยายตลาดใหม่โดยเน้นการส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และจีน
3.สร้างมูลค่าเพิ่มให้ข้าวไทยผ่านการพัฒนาเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น ข้าวอินทรีย์
4.ลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
5.ใช้โอกาสจากจุดอ่อนของคู่แข่ง โดยชูคุณภาพข้าวไทยที่เหนือกว่า
ทั้งนี้ รัฐบาลควรทำงานเชิงรุก ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและเกษตรกร เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมข้าวไทยซึ่งเป็นทั้งแหล่งรายได้สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชาติ หากไม่มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและความมั่นคงทางอาหารของประเทศในระยะยาว
นอกจากนี้ ฤดูกาลทำนาปีกำลังจะเริ่มต้นในเดือนหน้า หากรัฐบาลยังคงนิ่งนอนใจ เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวปลายปี ราคาข้าวเปลือกจะตกต่ำอย่างแน่นอน รัฐบาลยังมีเวลาเตรียมมาตรการรับมือ แต่ต้องเร่งดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว และสินเชื่อสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรสำหรับรับซื้อข้าวจากชาวนา ควรมีความชัดเจนตั้งแต่ต้นฤดูการผลิต ไม่ใช่รอให้เกิดปัญหาราคาข้าวตกต่ำแล้วค่อยมานั่งแก้กันทุกปี ซึ่งมักจะไม่ทันการณ์และสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลา 'อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน'
นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ ก่อนหารือทวิภาคีกับนายกฯเวียดนาม
'นายกฯอิ๊งค์' เปิดทำเนียบต้อนรับ 'ปธน.อินโดนีเซีย' เยือนไทยรอบ 20 ปี
นายกฯ เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ 'ปธน.อินโดนีเซีย' เยือนไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 20 ปี 19 พ.ค. นี้ เตรียมหารือทวิภาคี พร้อมแถลงข่าวร่วมกัน
ข้องใจ 'นายกฯอิ๊งค์' รู้หลักบริหารประเทศแค่ไหน?
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊ง รู้หลักบริหารประเทศแค่ไหน?
'กรณ์' ยก 6 ข้อ มองไทยเจรจาภาษีสหรัฐช้าถือเป็นเรื่องดี
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกล่าวถึงสถานการณ์เจรจาเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาว่า ผมมองว่าการที่อเมริกาคุยกับเราช้าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกับเรา