ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง สว.สำรอง ขอวินิจฉัยสมาชิกภาพ สว. 'ศตวรรษ' และคณะ สิ้นสุดลง

"ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง "คำรบ-สว.สำรอง" ปมขอวินิจฉัยสมาชิกภาพ สว. "ศตวรรษ" สิ้นสุด ชี้ขาดผู้ร้องไร้สิทธิยื่นตาม รธน. มาตรา 82 และ พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ 2561"

2 มิถุนายน 2568 - ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันไม่รับพิจารณาคำร้อง พลตำรวจโทคำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ กรณีกล่าวอ้างเป็นคณะบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 41 มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพวุฒิสภาของพลตำรวจตรี ศตวรรษ แสงเพชร และคณะ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 158 (1) หรือไม่ และขอให้มีคำสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องต่อเนื่องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า การที่ผู้ร้องขอให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111(7) และขอให้มีคำสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย มีลักษณะเป็นการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ที่กำหนดให้เฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภาหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น

นอกจากนี้คำร้องมีลักษณะเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ไม่มีบทบัญญัติให้บุคคลมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องจึงไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ประกอบกับไม่ปรากฏสาระสำคัญเพิ่มเติมจากคำร้องเดิมที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา

ส่วนกรณีที่ผู้ร้องโต้แย้งว่าตนและคณะไม่ประสงค์ยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 แต่เป็นการยื่นคำร้องโดยอ้างสถานะความเป็นคณะบุคคล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 41 มีสิทธิยื่นคำร้องตามกฎหมายเพื่อขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยให้สมาชิกภาพวุฒิสภาของพลตำรวจตรีศตวรรษและคณะสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญนั้น

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 7 (5) และมาตรา 41 ไม่ได้เป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว บัญญัติว่าผู้ที่จะขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามมาตรา 7 จะต้องเป็น "บุคคล คณะบุคคลหรือองค์กรตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น" เมื่อไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องได้ ดังนั้นจึงไม่อาจยื่นคำร้องโดยอาศัยช่องทางดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' มั่นใจแจงศาลรัฐธรรมนูญได้ทุกเรื่องปมให้อำนาจแทรกแซงคดีฮั้ว สว.

ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานและผู้เกี่ยวข้อง คดีสถานะ อดีตรองนายกฯและอดีตรัฐมนตรียุติธรรม แทรกแซงคดีฮั้วเลือก สว. 'ภูมิธรรม' มั่นใจชี้แจงได้ทุกประเด็น

'อดีตผู้พิพากษา' ข้องใจคดี 'ฮั้วเลือกสว.' อยู่ที่ไหน แสงที่ปลายอุโมงค์จะสว่างขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ยังจำได้ไหม…คดีฮั้วเลือก สว. อยู่ที่ไหน และแสงที่ปลายอุโมงค์ จะสว่างขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน 'ภูมิธรรม-ทวี' แทรกแซงคดีฮั้ว สว.

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่ ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญคาด 2 ปีได้เห็นการเปลี่ยนผ่านประเทศ!

ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญยันหลักการปรับกลไกทำรัฐธรรมนูญ เพื่อปลดล็อกสู่ รธน.ฉบับใหม่ คาด 2 ปีเศษจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านประเทศ