ดีเอสไอมีหนาว! โฆษก ยธ.ข้องใจจุดเริ่มต้นทั้งคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว.

'ศุภชัย' ตั้งคำถาม 'ดีเอสไอ' เริ่มต้นสืบสวนคดีที่ดินเขากระโดงถูกต้องหรือไม่ ย้ำต้องสืบสวนคดีด้วยหลักนิติธรรม ชี้อาจต้องย้อนกลับจุดเดิม เหน็บ 'ทวี - ภูมิธรรม' กรณีถูกศาล รธน.คุ้ยต่อแสดงว่ามีมูล

02 ต.ค.2568 - นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. ว่า ขออนุญาตชี้แจงในสิ่งที่ท่านรัฐมนตรีได้ชี้แจงไว้ชัดเจนแล้วว่าในส่วนของท่านเองท่านนั้น ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องคดีทั้งสองคดีนี้ แต่สิ่งที่สื่อมวลชนได้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องเขากระโดงก็ดี เรื่องฮั้ว สว. ก็ดีท่านก็ได้ตอบชัดเจนแล้ว

นายศุภชัย ได้กล่าวถึงกรณีเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า สถานะตอนนี้เป็นเรื่องของ 3 ฝ่าย คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกรมที่ดิน ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่ศาลปกครอง ในเรื่องของการฟ้องครั้งแรกก็เป็นการยื่นฟ้อง และศาลก็ได้มีคำวินิจฉัยว่าให้กรมที่ดินไปดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดินตามมาตรา 61 ในเรื่องของการไปพิจารณาว่า การออกโฉนดที่ดินมีการคลาดเคลื่อนหรือผิดกฎหมายหรือไม่ และผลจากการพิจารณาของคณะกรรมการ ตามมาตรา 61 ที่มีการตั้งขึ้นมาโดยใช้ระยะเวลาถึง 8 เดือน ก็ได้ข้อสรุปว่า การออกโฉนดที่ดินที่มีผู้เป็นเจ้าของ 995 รายนั้น ไม่ได้คลาดเคลื่อน และผิดกฎหมายคณะกรรมการจึงมีมติว่า ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน เมื่อตรงนั้นไม่เพิกถอนอธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้นก็เห็นชอบตามคณะกรรมการ

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า วันนี้สถานะมันเป็นอย่างนั้น และวันนี้ รฟท. ก็ยังเห็นว่า ตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ดังนั้นวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นสถานะ ณ ตอนนี้ก็คือการรถไฟก็ดำเนินการในการฟ้องคดีกับเจ้าของที่ดิน 995 ราย ตอนนี้เริ่มฟ้องไป 2 ราย ก็เป็นกระบวนการ ซึ่งเราเห็นว่ามันเป็นหนทางที่ถูกต้อง ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรมสิ่งที่อาจจะเกี่ยวกับกระทรวงยุติธรรมที่ผ่านมาก็คือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ท่านได้ไปดูว่าการเข้าไปยึดครองของประชาชนบริเวณนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาถึงขนาดที่ต้องนำไปเป็นคดีพิเศษ หรือมีการพูดถึงเรื่องการฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเป็นเรื่องที่ทางดีเอสไอต้องพิจารณาอย่างที่ท่านรัฐมนตรีได้มีการชี้แจงไปแล้ว

นอกจากนี้ นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ ต้องยึดหลักนิติธรรม การบริหารของหน่วยงานก็ต้องยึดหลักธรรมภิบาล แต่ทุกกระบวนการต้องดำเนินการไปอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ฉะนั้นวันนี้ถ้าหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม หรือดีเอสไอดำเนินการถูกต้องตามหลักนิติธรรมบังคับใช้กฎหมายโดยเป็นธรรมแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าต่อ แต่หากปรากฏว่าไม่ใช่หลักนิติธรรม ไม่ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายก็ต้องพิจารณาว่าต้องมีการย้อนกลับไปจุดเดิมหรือไม่

นายศุภชัย ยังกล่าวถึงคดีฮั้วสว. ว่า วันนี้ในเรื่องของฮั้ว สว. นั้น เป็นกระบวนการที่ดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ซึ่งตรงนี้อาจจะเกี่ยวข้องตอนเริ่มต้น ก็คือคณะมีดีเอสไอไปร่วมเป็นคณะอนุกรรมการอยู่ด้วย 3 คน แต่ตอนนี้คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ได้มีการส่งต่อไปยังคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 36 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณา ซึ่งข่าวที่ออกไปกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนนั้น จะตรงหรือไม่ตรงอย่างไร ไม่มีใครรู้ เพราะความจริงแล้วเรื่องนี้สำนวนนั้นเป็นความลับ แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือไม่จริง และเนื้อหาจริงเป็นอย่างไร

“แต่ทั้งหมดทั้งปวงมันจะต้องอยู่ในหลักนิติธรรม มันไม่มีทางที่จะเกินได้ หรือเรื่องหลักธรรมาภิบาลเพราะวันนี้หน่วยราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องของกระทรวงยุติธรรม ผมตอบได้ว่า ถ้าอะไรก็ตามที่มันไม่ใช่หลักตรงนี้ คำถามคือก็ต้องย้อนกลับมายังจุดเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่” นายศุภชัย กล่าว

เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไร เมื่อ กกต. ได้มีการทำสรุปสำนวนเตรียมส่งฟ้อง 138 ราย โดยคนของพรรคภูมิใจไทยรวมอยู่ในจำนวนนี้ด้วยนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทน กกต. เพราะท่านเป็นองค์กรอิสระ ขอให้ไปถาม ทางกกต. เอง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากถามว่าดีเอสไอเข้าไปร่วมเพื่อที่จะไปสอบสวน หรือหากกระบวนการขั้นตอนการเข้าไปนั้นถูกต้องตามกฏหมายท่านก็มีสิทธิ์ได้เดินต่อได้

เมื่อถามต่อว่า กำลังมองว่าสำนวนคดีสืบสวนเรื่องเขากระโดง ดีเอสไอได้เริ่มต้นทำอย่างถูกต้องใช่หรือไม่ และถ้าหากมีการดำเนินการอย่างถูกต้องมาตั้งแต่ต้น กระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปสนับสนุนสำนวนนี้ใช่หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า “แน่นอนครับ หากถามว่าตรงนั้นเป็นหน้าที่ของท่านหรือไม่ เพราะชาวบ้านที่เขาครอบครองมาตั้งแต่ปี 2491 แล้ววันดีคืนดีมาบอกว่า มีการฟอกเงิน แล้วหากท่านเห็นว่ามีการฟอกเงินจริง ก็ถือเป็นอำนาจของดีเอสไออยู่แล้ว ไม่มีใครแทรกแซงได้“

ส่วนจะดูย้อนแย้งหรือไม่นั้น เพราะดีเอสไอก็ยืนยันมาตลอด นายศุภชัย กล่าวว่า ตนเองก็ตั้งคำถามว่า ท่านคิดว่าท่านมีหน้าที่จริงหรือไม่ เพราะหากท่านเห็นว่ามันมีหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งคดีทั้งหมดที่มีการพูดถึงนั้น เราไม่มีการแทรกแซงอยู่แล้ว แต่ถ้ามีเรื่องของการแทรกแซงอำนาจทางการเมือง เพื่อให้ฝ่ายประจำต้องไปบิดเบือนหน้าที่อำนาจของตัวเอง เพื่อสนองอำนาจความต้องการของฝ่ายการเมือง ไม่ว่าที่ไหนก็ตามรัฐบาลนี้ไม่เอาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสบายใจได้ แต่ทั้งหมดข้าราชการไม่สามารถทำงานตามอำเภอใจ โดยนอกเหนือจากหน้าที่อำนาจตามกฎหมาย ข้าราชการจะไม่สามารถทำ เพื่อสนองฝ่ายการเมืองได้

“หากถามว่าอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านที่แล้ว ท่านรองนายกฯ ท่านที่แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญสั่งดำเนินคดีต่อนั้น เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีที่มาของมัน มันมีเชื้อ มีมูล มีเรื่องราว คุณทวีก็โดน คุณภูมิธรรมก็โดน โดนเรื่องเข้าไปแทรกแซงดีเอสไอ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็เห็นว่ามันมีอยู่จริง” นายศุภชัย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเอสไอ เปิดขั้นตอนสืบสวน ‘นักการเมือง ช.’ ปมฟอกเงินเว็บพนัน 2,500 ล้าน

ดีเอสไอเผยแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีการร้องเรียนโยง “นักการเมือง ช.” พัวพันเงินเครือข่ายเว็บพนัน–ยาเสพติ

DSI บุกตึก 'ซิโน-ไทย' สอบปากคำ 2 ผู้ถือหุ้นปรินซ์ฯ ไขปมโยง 'เฉินจื้อ'

'ดีเอสไอ' เข้าตึก 'ซิโน-ไทย' สอบปากคำพยาน '2 ผู้ถือหุ้นชาวไทย บ.ปริ้นซ์ อินเตอร์ฯ' ไขปมโยง 'เครือข่ายปริ้นซ์ กรุ๊ป - เฉิน จื้อ'

กำนันนกอ่วม! 'ดีเอสไอ' แจ้งเพิ่ม 4 ข้อหา ฮั้วประมูล e-bidding 2 โครงการสร้างถนน

"ดีเอสไอ" บุกเรือนจำคลองเปรม แจ้งข้อหาเพิ่ม "กำนันนก" คดีฮั้วประมูล 2 โครงการถนนนครปฐม มูลค่าความเสียหายพันล้าน พบพิรุธหลีกเลี่ยงแข่งขันราคา-เอาเปรียบรัฐ