
8 ต.ค.2568 - นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง [ MOU44 เป็นข้อตกลงที่จัดทำขึ้นตามกฎหมายทะเลสากล ซึ่งมีความซับซ้อนมาก หากประชาชนยังเข้าไม่ถึงข้อมูลที่ครบถ้วน จะทำประชามติได้อย่างไร ] มีใจความดังนี้
……………………………………………………
ในปี 2515 กัมพูชา โดยจอมพลลอน นอล ได้ประกาศเขตไหล่ทวีป และอ้างสิทธิเหนือไหล่ทวีปในอ่าวไทย นอกชายฝั่งกัมพูชา และในปี 2516 ประเทศไทยได้ประท้วงแนวเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และได้ประเทศแนวเส้นไหล่ทวีปของไทย ทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลประมาณ 26,000 ตร.กม. ทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาเรื่องเขตแดนทางทะเลหลายครั้งเริ่มตั้งแต่ปี 2513 จนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2544 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไทย และกัมพูชา ได้มีการลงนามใน MOU44
.
MOU44 เป็นบันทึกความเข้าใจที่กำหนดกรอบและกลไก ในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปเรื่องการปักปันเขตแดนทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน (OCA-Overlapping Claim Area) ส่วนบนที่อยู่เหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ โดยมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ตร.กม. รวมทั้งการหาแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกัน สำหรับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่อยู่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ ในลักษณะพื้นที่พัฒนาร่วม (JDA-Joint Development Area) โดยมีพื้นที่ประมาณ 16,000 ตร.กม. โดยต้องดำเนินการทั้งสองเรื่องในลักษณะที่ไม่แบ่งแยกออกจากกัน (indivisible package) โดยมีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC-Joint Technical Committee) ทำหน้าที่เจรจาร่วมกันในเรื่องนี้
.
วัตถุประสงค์สำคัญของ MOU44 มีอยู่ 2 ประการ ก็คือ 1) ต้องการแบ่งอาณาเขตทางทะเล สำหรับทะเลอาณาเขต (12 ไมล์ทะเลจากเส้นฐาน) ไหล่ทวีป (พื้นดินใต้ทะเลในระดับน้ำลึกไม่เกิน 200 เมตร) และเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (200 ไมล์ทะเลจากเส้นฐาน) ที่ไทย และกัมพูชาอ้างสิทธิทับซ้อนให้มีความชัดเจน 2) เพื่อทำความตกลงในการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (JDA-Joint Development Area) สำหรับทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ ที่ต้องดำเนินการสำรวจ และผลิตต่อไป
.
MOU44 เป็นบันทึกความเข้าใจที่จัดทำขึ้นโดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน โดยในข้อ 3 (ข) ได้ระบุว่า การแบ่งเขตทะเลอาณาเขต ไหล่ทวีป และเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ ให้แบ่งตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น หากมีการยกเลิก MOU44 ประเทศไทยจะอ้างสิทธิอะไรให้กัมพูชามาเจรจากันในเรื่องเขตแดนทางทะเลภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และจะใช้กลไกอะไรในการจัดการกับเส้นไหล่ทวีปที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูด ซึ่งขัดกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS-United Nations Convention on the Law of the Sea) โดยกัมพูชาอาจกลับไปอ้างอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958 ในการกำหนดไหล่ทวีป เนื่องจากแม้ว่ากัมพูชาจะเข้าเป็นภาคี UNCLOS แล้วตั้งแต่ปี 2526 แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันจนถึงปัจจุบัน
.
นอกจากนี้ หากมีการยกเลิก MOU44 สัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะจะไม่มีกรอบทางกฎหมายคุ้มครองการดำเนินการอีกต่อไป
.
ซึ่งรัฐบาลไทยจำเป็นต้องเตรียมหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับบริษัทที่ได้รับสัมปทานไปแล้วจากรัฐบาลไทยเมื่อปี 2511 ซึ่งประกอบด้วย
1.แปลง B5 B6 พื้นที่ 10,155 ตร.กม.ผู้รับสัมปทาน คือ Idemitsu Oil 50% (Operator) , Chevron E&P 20% ,Chevron Block 5 and 6 10% และ Mitsui Oil Exploration 20%
2.แปลง B7 B8 B9 พื้นที่ 10,420 ตร.กม. ผู้รับสัมปทาน คือ BG Asia 50% , Chevron Overseas Petroleum 33.33% และ Petroleum Resources 16.67%
3.แปลง B10 B11 พื้นที่ 2,785 ตร.กม. ผู้รับสัมปทาน คือ Chevron Thailand E&P 60% และ Mitsui Oil Exploration 40%
4.แปลง B12 B13 (บางส่วน) พื้นที่ 890 ตร.กม.ผู้รับสัมปทาน คือ Chevron Thailand E&P 80% และ Mitsui Oil Exploration 20%
5.แปลง G9/43 พื้นที่ 2,619 ตร.กม.ผู้รับสัมปทาน คือ บริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 100% ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท ปตท.ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
6.แปลง B14 พื้นที่ 133 ตร.กม.ผู้รับสัมปทาน คือ บริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 80%, Chevron Thailand E&P 16% และ Mitsui Oil Exploration 4%
.
รวมทั้งอาจจะต้องคิดถึงมาตรการ ที่จะต้องดำเนินการกับบริษัทผู้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี 2540 ด้วย ซึ่งประกอบไปด้วย
1.พื้นที่ I & II 20,576 ตร.กม. ผู้รับสัมปทาน คือ Conoco Inc 66.667% (Operator) และ Idemitsu 33.333%
2.พื้นที่ III 2,785 ตร.กม. ผู้รับสัมปทาน คือ Total EP Cambodge
3.พื้นที่ IV 3,642 ตร.กม. ผู้รับสัมปทาน คือ CNOOC 63% , Ministry of Mines & Energy 10% และ Resourceful Petroleum 27%
.
สิ่งที่ประชาชนคนไทยทุกคนควรรับทราบตรงกัน ก็คือ กรอบในการสำรวจ และปักปันเขตแดนระหว่างไทย และกัมพูชา แนวเขตแดนทางบก และแนวเขตแดนทางทะเลข นั้นแยกเป็นอิสระต่อกัน โดย MOU43 นั้นเป็นเรื่องของเขตแดนทางบก ส่วน MOU44 นั้นเป็นเรื่องของเขตแดนทางทะเล ต่อให้หลักเขตแดนทางบกที่ดำเนินการตาม MOU43 จะขยับ ก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเขตแดนทางทะเล ที่ดำเนินการตาม MOU44 ดังนั้นข้อกล่าวอ้างที่ว่า หากหลักเขตแดนที่ 73 ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีการขยับย้าย ก็จะส่งผลกระทบต่อเขตแดนทางทะเลของประเทศไทย จึงเป็นสมมติฐานที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
.
สำหรับประเด็นในเรื่องเกาะกูด ก็ต้องยืนยันว่า MOU44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด เพราะสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ระบุชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย โดยระบุในข้อที่ 2 ว่า “รัฐบาลฝรั่งเศสยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราดกับทั้งเกาะทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้แก่กรุงสยาม” แต่การยกเลิก MOU44 ต่างหาก ที่อาจทำให้กัมพูชากลับมาอ้างเส้นไหล่ทวีปเดิมที่พาดผ่านเกาะกูด ที่อ้างอิงตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958 ให้ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมา
.
คำถามสำคัญ ก็คือ ในเมื่อ MOU44 เป็นบันทึกข้อตกลงที่ทำขึ้นสอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 และเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ใช้ในการบังคับให้กัมพูชาอยู่ยอมอยู่ภายใต้กฎหมายทะเลสากล ถ้ายกเลิกไปแล้ว เราจะใช้อะไรบังคับกัมพูชา
.
เรื่องเขตแดนทางทะเล เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดที่ซับซ้อนมาก การจะตัดสินใจทำประชามติ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ประชาชนเข้าถึง และเข้าใจข้อมูลข้อเท็จจริง ตลอดจนผลกระทบ ทั้งข้อดี ข้อเสียต่างๆ อย่างรอบคอบรอบด้าน จะให้ประชาชนตัดสินใจโดยทันทีทันใด โดยปราศจากข้อมูลไม่ได้ เหมือนกับหมอเวลาที่จะผ่าตัดรักษาคนไข้ อยู่ดีๆ จะให้คนไข้เซ็นยินยอม โดยที่ไม่อธิบายอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้ครับ
.
ผมยืนยันว่า การยกเลิก MOU43 และ MOU44 นั้นน่าจะเป็นคนละประเด็นกับการจัดการกับกัมพูชา เพื่อให้กัมพูชาได้รับกับผลของการกระทำของตนอย่างสาสม ผมคิดว่าการจะจัดการเอาคืนกัมพูชาที่สาสมที่สุด ก็คือ การร้องเรียนต่ออัยการ ICC ให้ดำเนินการสอบสวนฮุน เซน ในฐานะอาชญากรสงคราม เนื่องจากกัมพูชาเป็น ภาคีของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court) พร้อมกับประสานงานกับหน่วยงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ของประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น FinCEN, OFAC, FATF Egmont Group และ INTERPOL ในการปราบปรามเครือข่ายเงินทุนสกปรกของฮุน เซน ที่พัวฟันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการหลอกลวงออนไลน์ ให้สิ้นซาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
3 เรื่องที่ต้องทำ! ก่อนปล่อยตัว 18 เชลยศึกเขมร
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีไทยจะปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่เป็นเชลยศึก
'ฮุนเซน' เตรียมเฮ! กองทัพปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา 12 พ.ย.นี้
กองทัพบก ได้ประสานไปยังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กป.ชต.) ให้เตรียมความพร้อม สถานที่ ที่พัก เตรียมการปล่อยตัวเชลยศึก
ระวังขัดรธน.! ปฏิบัติตาม 'ถ้อยแถลง' เหตุเขมรยังเป็นภัยมั่นคงของไทย
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "คนไทย Shock…อนุทิน!" โดยระบุว่า 27 ตุลาคม 2568 วันแห่งความอัปยศของคนไทย
'วิโรจน์' แฉธุรกิจหน้าใหม่ เปิดตัวทุบราคา 'ถูกผิดปกติ' ฟอกเงินสกปรก หวั่นเศรษฐกิจพังทั้งระบบ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ในหลายจังหวัด เราเริ่มเห็นธุรกิจหน้าใหม่เปิดตัวพร้อมราคาที่ “ถูกผิดปกติ” จนชวนให้สงสัย .
โคตรร้ายกาจ! เสธ.นิด ชี้เล่ห์ 'ฮุนเซน' ดึงสหรัฐเข้ามาเล่นเกมใช้บีบไทย
เสธ.นิดชี้เล่ห์กลฮุน เซน นั้นร้ายกาจ ประสบการณ์มากหลายและชำชองมากๆ ดึงสหรัฐฯเข้ามาเล่นเกมนี้

