
กรมชลประทาน นำคณะลงพื้นที่ จ.เลย กางแผนความคืบหน้าผลการศึกษาโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน้ำหมัน แจงรายละเอียดมาสเตอร์แพลนต่อหน่วยงานราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บริหารระดับสูง มุ่งแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำน้ำหมัน ผ่านการเปิดเวทีระดมความคิดเห็น เดินหน้าพัฒนา 90 โครงการที่เหมาะสม ภายใต้แผน 20 ปี สู่เป้าหมายการกักเก็บน้ำ 145.805 ล้านลบ.ม. พร้อมดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สร้างความเข้าใจ และความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการ สร้างประโยชน์สูงสุดให้คนในพื้นที่ และไม่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้มีการจัดกิจกรรมสื่อสัญจร และการประชุมปัจฉิมนิเทศในขั้นการจัดทำแผนหลัก โครงการจัดทำแผนพัฒนาลุ่มน้ำ โครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลำน้ำน้ำหมัน จ.เลย ระหว่างวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2565 เพื่อนำเสนอความคืบหน้าผลการศึกษาและข้อสรุปการจัดทำแผนพัฒนาลุ่มน้ำหมันของบริษัทที่ปรึกษา ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเลยและคณะผู้บริหาร จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ ในขั้นตอนการดำเนินงานจัดทำแผนหลักการพัฒนาแหล่งน้ำ (Master Plan) รวมทั้งการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการพัฒนาโครงการมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับภาคเกษตร และบรรเทาอุทกภัย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำให้มีเพียงพอสำหรับทุกกิจกรรม อีกทั้งได้ตระหนักถึงความสำคัญในการฟื้นฟู รักษาระบบนิเวศ คุณภาพสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์และมวลชนสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในการที่จะสร้างความเข้าใจและเชื่อมั่นในแผนการพัฒนาลุ่มน้ำ ซึ่งคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้จากผลการศึกษาความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำน้ำหมัน มีพื้นที่ครอบคลุม 64 หมู่บ้าน ใน 11 ตำบล 4 อำเภอ ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ อ.ด่านซ้าย และอ.นาแห้ว จ.เลย รวมถึง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จำนวนประชากร 38,248 คน คิดเป็น 13,861 หลังคาเรือน โดยประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีความต้องการใช้น้ำรวม 93.72 ล้านลบ.ม./ปี แบ่งเป็น เขตลุ่มน้ำน้ำหมันตอนบน 36.40 ล้านลบ.ม./ปี และเขตลุ่มน้ำน้ำหมันตอนล่าง 57.32 ล้านลบ.ม./ปี มีสัดส่วนใช้น้ำที่แบ่งเป็น ภาคการเกษตร 92.46 ล้านลบ.ม./ปี, ภาคการอุปโภค-บริโภค 0.89 ล้านลบ.ม./ปี ภาคอุตสาหกรรม 0.046 ล้านลบ.ม./ปี ภาคการท่องเที่ยว 0.07 ล้านลบ.ม./ปี และภาคปศุสัตว์ 0.25 ล้านลบ.ม./ปี

ด้วยสภาพพื้นที่ลุ่มน้ำน้ำหมันเป็นแนวเขาสูงเกือบตลอดพื้นที่ลุ่มน้ำ และมีพื้นที่ราบเป็นส่วนน้อย ซึ่งอยู่บริเวณตอนกลางของพื้นที่ลุ่มน้ำ ในช่วงมรสุมที่มีปริมาณฝนเป็นจำนวนมาก จะก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากสร้างความเสียหายให้กับชุมชน ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่อ.ด่านซ้าย ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฤดูแล้ง มักเกิดปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องในทุกๆปี เนื่องจากไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ที่สนับสนุนการทำการเกษตร คิดเป็นมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณปีละ 800,000 บาท” นายเฉลิมเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้มีการรวบรวมผลความเสียหายที่เกิดขึ้น ของประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2560-2562 พบว่า ในปี 2561 อ.ด่านซ้ายได้รับผลกระทบด้านพืชผลทางการเกษตรเสียหายสูงสุด มีเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนถึง 924 ราย เป็นพื้นที่พืชไร่ จำนวนทั้งสิ้น 390.50 ไร่ พื้นที่นาข้าวเสียหาย 2,358 ไร่ และพืชส่วนเสียหาย 21.25 ไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ในปี 2562 เกษตรกรที่เลี้ยงปศุสัตว์ได้รับความเสียหาย 15 ราย ประมงเสียหาย 57 ราย
ดังนั้นจากการศึกษาและความเป็นไปได้ ในการพัฒนาโครงการลุ่มน้ำน้ำหมัน จ.เลย เป็นผลมาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ที่ต้องการให้เกิดการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และป้องกันความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยมีเป้าหมายต้องพัฒนาแหล่งน้ำรวมทั้งสิ้น 90 โครงการ มีขีดความสามารถกักเก็บน้ำทั้งสิ้น 145.805 ล้านลบ.ม. ภายใต้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 9,554.640 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินงาน 20 ปี แบ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง จำนวน 39 โครงการ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก 51 โครงการสำหรับแผนการพัฒนาโครงการแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ แผนระยะสั้น ปีที่ 1-5 เป็นโครงการที่มีความสำคัญสูงสุดและต้องพัฒนาเร่งด่วน จำนวน 5 โครงการ ภายใต้งบประมาณ 1,150 ล้านบาท เก็บกักน้ำได้ 1.10 ล้านลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 7,485 ไร่ คิดเป็น 3.92% ของพื้นที่ทำการเกษตรในลุ่มน้ำน้ำหมันแผนระยะกลาง ปีที่ 6-10 เป็นระยะที่เริ่มดำเนินการโครงการเต็มศักยภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ จำนวน 10 โครงการ ภายใต้งบประมาณ 4,306.080 ล้านบาท เก็บกักน้ำได้ 86.495 ล้านลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ขึ้นอีก 49,607 ไร่ รวมเป็น 57,092 คิดเป็น 29.90% ของพื้นที่ทำการเกษตรในลุ่มน้ำน้ำหมันแผนระยะยาว ปีที่ 11-20 เป็นระยะเวลาที่ดำเนินการพัฒนาโครงการที่มีลำดับความสำคัญรองลงมา จำนวน 24 โครงการ ภายใต้งบประมาณ 3,525.26 ล้านบาท เก็บกักน้ำได้ 55.53 ล้านลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 38,080 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 49.85% ของพื้นที่ทำการเกษตรในลุ่มน้ำหมันเมื่อพัฒนาโครงการตามแผนพัฒนาลุ่มน้ำน้ำหมัน อีก 20 ปี ข้างหน้า จะสามารถลดความเสี่ยงของปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาอุทกภัย สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของลุ่มน้ำ โดยการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรม รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะนำไปสู่สภาพเศรษฐกิจของชุมชนที่ดีขึ้น และมีแหล่งอาหารที่สามารถส่งออกสู่ตลาดภูมิภาคได้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ดันเมกะโปรเจกต์ คลองระบายน้ำ 'ป่าสัก-อ่าวไทย' เร่งอนุมัติก่อนยุบสภา
"อนุทิน" ลั่นไม่ใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน เดินหน้าเข็นเมกะโปรเจกต์โครงการป่าสักอ่าวไทย ผันน้ำขนาดเจ้าพระยา ออกแก้น้ำท่วมซ้ำซาก เร่ง อนุมัติก่อนยุบสภา
โฆษกเกษตรฯ เตือนริมเจ้าพระยา รับระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม
นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาขณะนี้ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กรมชลฯ อัปเดตสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา แนวโน้มเพิ่มขึ้น เร่งหน่วงน้ำลดผลกระทบ
กรมชลประทาน อัปเดตสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา เวลา 06.00 น. สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์
ฝนตกตอนบนอีกระลอก เขื่อนเจ้าพระยาหน่วงน้ำเหนือเขื่อน ลดผลกระทบด้านท้าย
จากสถานการณ์ฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำเหนือและท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
เตือน11จังหวัด ท้ายเขื่อนรับมือ สถานการณ์นํ้า
"ภราดร" ยกเครื่องระบบ สทนช. ทำงานให้ถึงท้องถิ่น บี้ปรับปรุงระบบสารสนเทศเตือนภัย Cell Broadcast ให้ทันสถานการณ์ดูแล ปชช.พื้นที่เสี่ยง ขีดเส้นเงินเยียวยาห้ามต่ำกว่าเพดานรัฐบาลก่อน "กรมชลประทาน" เตือน 11 ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเตรียมรับมือ "ปภ." ผละบัวลอยจับตา "แมตโม" ใกล้ชิด
'พึ่งพา อาศัย แบ่งให้ แบ่งรับ' ความยั่งยืนของการบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วม
น้ำมีความสำคัญต่อพืชมากที่สุด เรียกได้ว่า "เป็นหัวใจของเกษตร" หากไม่มีน้ำไม่มีทางที่พืชจะอยู่รอดได้ แต่การพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอกับความต้องการไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคปัจจุบัน กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องน้ำของประเทศ ไม่ได้คิดจะพัฒนาแหล่งน้ำในการแก้ปัญหาน้ำเท่านั้น แต่ได้นำแนวทางอื่นๆมาใช้ในการแก้ปัญหาควบคู่ไปด้วย

