‘บางแสน’ ..ปลอดเหล้า-บุหรี่ ต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ชายหาดบางแสน ณ เทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี ..แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีภูมิทัศน์และบรรยากาศที่แตกต่างจากรุ่นพ่อรุ่นแม่โดยสิ้นเชิง หลังจากที่มีการขับเคลื่อน "โครงการพัฒนาพื้นที่ชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวต้นแบบ" มาเป็นเวลาติดต่อกัน 2 ปี โดยพลังชุมชนของบางแสน ร่วมด้วย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ผศ.ดร.เกศรา สุกเพชร อาจารย์สาขาอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว คณะจัดการท่องเที่ยว นิด้า กล่าวว่า ชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร มีค่าใช้จ่ายไม่สูง ที่ผ่านมาพบนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยว พบแต่ละปีชายหาดบางแสนมีนักท่องเที่ยว 1,800,000 คน โดยปี 2558 มีรายได้เฉลี่ย 5,846 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 มีรายได้เพิ่มเป็น 10,230 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะมีรายได้มากขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ จึงต้องร่วมมือและสร้างความเข้าใจจากทุกฝ่าย เพื่อให้ชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ  ตามเป้าหมายที่ต้องการผลักดันให้เป็นชายหาดต้นแบบปลอดอบายมุข

"Bangsaen No Smoking No Alcohol ถือเป็นงานท้าทาย เพราะชายหาดบางแสนเป็นชายหาดเปิด การได้รับความร่วมมือจากนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม  ให้ความสนใจและร่วมมือเต็มที่ ทำให้งานยากลำบากค่อยเป็นค่อยไป โดยที่ความสำเร็จส่วนสำคัญต้องยกให้กับความร่วมมือจากร้านค้า เพราะโดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวกว่า 80% ไม่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า มีเพียง 20% ที่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว หากไม่ควบคุมจะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากบุหรี่มือสอง  งานนี้จึงท้าทาย ที่ทำได้สำเร็จถือว่า win-win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ได้รับผลตอบแทนทางสังคม นักท่องเที่ยวที่เข้ามาไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ นั่งดูทะเล เล่นน้ำทะเลกันทุกเสาร์-อาทิตย์เป็นเรื่องปกติ” ผศ.ดร.เกศราเปิดเผย

ปีที่สองของการขับเคลื่อน "โครงการพัฒนาพื้นที่ชายหาดบางแสนเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวต้นแบบ" ล่าสุด นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. ได้จัดรวมพลังคนรุ่นใหม่ ทีมอาสาสมัคร พร้อมนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา มากกว่า 1,000 คน เดินรณรงค์ขับเคลื่อนร่วมดูแล ‘ชายหาดบางแสน’ ปลอดเหล้า-บุหรี่ สู่ต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ห่างไกลปัจจัยเสี่ยง สร้างสุขภาวะที่ดี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

"ที่นี่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ส่งต่อความรู้ สร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว ปัจจุบันขยายผลไปถึงเครือข่ายเยาวชน นักเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพากว่า 1,000 คน ให้มาร่วมดูแลชายหาดบางแสน เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการให้มีบทบาทเรื่องการลดปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น และสนับสนุนนโยบายพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยกระดับให้ชายหาดบางแสนสามารถลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 ได้จริง และส่งต่อให้ทุกคนช่วยกันดูแลจากรุ่นสู่รุ่น" นางสาวรุ่งอรุณกล่าว และเปิดเผยอีกว่า

หลังคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 พบนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชายหาดบางแสนวันธรรมดาและวันหยุดจำนวนมาก คาดว่าเกิดจากความรู้สึกปลอดภัย อากาศสะอาด ไม่มีควันบุหรี่ลอยฟุ้งในอากาศ เพราะมีมาตรการควบคุมให้เป็นพื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์และยาสูบ ทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ครอบครัวที่พาเด็กๆ มาเที่ยวก็รู้สึกปลอดภัย เพราะลดโอกาสพบผู้ที่เมาแล้วก่อความรำคาญ รวมถึงไม่มีควันบุหรี่รบกวน

"ข้อมูลปี 2564 พบผู้เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสอง 8,278 คนต่อปี และยังพบพบเยาวชนอายุ 15-24 ปี มีอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1.9 ล้านคน ขณะที่พบการดื่มแล้วขับกว่า 30% ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน 25% ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และมีส่วนทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว การลงพื้นที่ครั้งนี้ สสส.เน้นไปที่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา เพราะเชื่อว่าเป็นกำลังสำคัญในการทำให้เกิดชายหาดปลอดเหล้า บุหรี่ สู่พื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อสุขภาวะที่ดีของทุกคนอย่างยั่งยืนได้” นางสาวรุ่งอรุณกล่าว

กิจกรรมหนึ่งที่ดำเนินการสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเหล้า บุหรี่ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ด้วยการนำนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพาเข้าร่วมกิจกรรม ต่อไปจะเข้าไปทำในพื้นที่ชายหาดชะอำ เพชรบุรี พื้นที่สัตหีบซึ่งเป็นพื้นที่ของทหารเรือ ส่วนพัทยาทำได้ค่อนข้างยาก เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

นายไพศาล ศรีนาคล้วน ปลัดเทศบาลเมืองแสนสุข กล่าวว่า การรณรงค์ลดเหล้า บุหรี่บริเวณชายหาดบางแสนเป็นเรื่องดีต่อเทศบาลเมืองแสนสุข ทำให้ได้นักท่องเที่ยวมีคุณภาพมากขึ้น ปัญหาการทะเลาะวิวาทลดน้อยลง เกิดความปลอดภัย การแพร่ระบาดของโควิดลดน้อยลง จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวบางแสนเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม เทศบาลเมืองแสนสุขหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการมาท่องเที่ยวชายหาดบางแสน

การดำเนินการที่ผ่านมา พบเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแสนสุข ผู้ประกอบการร้านค้า ให้ความร่วมมือจดทะเบียนกับเทศบาล เพราะเห็นความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องการงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่มากขึ้น ซึ่งหลังจากภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จึงเร่งเดินหน้าให้เกิดชายหาดปลอดภัยเพื่อสุขภาวะ ส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่ ให้เข้ามามีบทบาทดูแลรักษาชายหาดบางแสนเป็นสถานที่ปลอดภัยให้ได้อย่างแท้จริง

“เป็นเรื่องดีที่เราได้ทำงานร่วมกับนักเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพากว่า 1,000 คน จะมาร่วมดูแลชายหาดบางแสน เพราะบุคคลกลุ่มนี้บางคนอาจไม่ใช่คนในพื้นที่ทั้งหมด แต่เป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาเรียนใน จ.ชลบุรี ทำให้แนวคิดนี้กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขาได้ในอนาคต เพื่อช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยง เช่น เหล้า บุหรี่ ที่ผ่านมาพบว่าหลังการรณรงค์ขอความร่วมมืออย่างจริงจัง   พบการฝ่าฝืนสูบนอกพื้นที่อนุญาตประมาณร้อยละ 10-15 พบว่าการแอบดื่มแอลกอฮอล์ช่วงกลางคืนหลังเก็บเตียงและที่นั่งประมาณร้อยละ 20 โดยแอบใช้ภาชนะอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงแทน จึงอยากเสนอให้ภาครัฐประชาสัมพันธ์ห้ามดื่มและห้ามสูบในชายหาดทั่วประเทศ” นายไพศาลกล่าว

***

จากใจ..คนชายหาดบางแสน

นายวุฒิชัย ชื่นวจีธรรม วัย 44 ปี เจ้าของแผงอาหารตามสั่ง ล็อก 16 เตียงผ้าใบ ชายหาดบางแสน กล่าวว่า ทำอาชีพนี้มาแล้ว 20 ปี เมื่อเทศบาล สสส. รณรงค์ให้เลิกขายเหล้าและบุหรี่ ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี พร้อมทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวให้เข้าใจกฎเกณฑ์นี้ด้วย แม้ในทางปฏิบัติรายได้จะลดลงบ้าง แต่ก็ขายอาหารได้มากขึ้น ปัญหาการทะเลาะวิวาทเพราะเหตุมึนเมาก็ลดลงมาก นักท่องเที่ยวก็ชอบ ไม่มีกลิ่นเหม็นของควันบุหรี่แต่อย่างใด และส่วนตัวก็ไม่ได้สูบบุหรี่อยู่แล้ว วันนี้ชายหาดบางแสนสะอาดน่าเที่ยว มีความสวยงาม ยิ่งช่วงนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวบางแสนมากเหมือนๆ กับก่อนโควิดแล้ว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เตียงผ้าใบเต็มเกือบทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ออมสุขภาพ” รับวัยเกษียณ เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัย

สังคมไทยเดินเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ขณะนี้มีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12 ล้านคน จากจำนวนคนไทย 66 ล้านคน และในอนาคตคืออีก 60 ปีข้างหน้า

เด็กไทย 1 ใน 10 น้ำหนัก/ส่วนสูงหลุดเกณฑ์ กระทบสมอง เสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต ป่วย NCDs

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2566 โดยกรมอนามัย

วิจัยพบสังคมไทยเหลื่อมล้ำทุกมิติ สื่อสารในครอบครัวลดช่องว่างได้

ผลสำรวจเด็กและเยาวชนไทยปลอดภัยจากความรุนแรงออนไลน์ รั้งท้ายโลกเป็นอันดับที่ 29 เหนือกว่าอุรุกวัยเพียงประเทศเดียวเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบ 30 ประเทศทั่วโลกเมื่อปี 2022

กทม.เนรมิตเมือง 15 นาทีเป็นจริง สร้างพื้นที่สีเขียวอิ่มเอมใจทั่วกรุง

กทม.ทวีความรุนแรง เมืองจมฝุ่น การจราจรติดขัด ขาดแหล่งอาหาร สำรวจคนกรุงเผชิญรถติดเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง หรือใน 1 ปีชีวิตติดหนึบอยู่บนรถเท่ากับ

ไขคำตอบ..ออกกำลังกายเป็นนิจ ตัวช่วยอายุยืนยาวห่างไกล NCDs

อุบัติการณ์โรคในยุคนี้ปรากฏว่า "โรคไม่ติดต่อ (NCDs)" กลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คิดเป็น 75% ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด หรือเกือบ 4 แสนคนต่อปี

เปิดผลสำรวจวัยโจ๋ ขีดเส้นสนามกีฬาฟุตซอล ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน

เครือข่ายงดเหล้า และสสส. ส่งเสริมกีฬาเยาวชนจัดฟุตซอล No-L ชิงถ้วยพระราชทานฯ รร. ราชวินิต มัธยม คว้าแชมป์ไปครองสมัยที่ 2 ด้วยสกอร์ 6:0 ในขณะที่ผลสำรวจร้อยละ 90 ต้องการให้สนามแข่งไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่พนัน และร้อยละ 84.8 คิดว่ากีฬาฟุตซอลทำให้เยาวชนเห็นคุณค่าของตัวเอง