MEA ระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เป้าหมายลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดบิตคอยน์จำนวน 3,471 จุด พบการลักลอบใช้ไฟฟ้า 35 จุด ประเมินมูลค่าความเสียหายจากการลักลอบใช้ไฟฟ้าทั้งหมดประมาณ 74.9 ล้านบาท พร้อมย้ำผู้ลักลอบมีความผิดทางอาญา และเสี่ยงเกิดไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัย และไฟดูดไฟช็อต จากการปรับแต่งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
จากกรณีการตรวจพบผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดบิตคอยน์จำนวน 38 จุด และยึดเครื่องขุดบิตคอยน์ได้กว่า 3,500 เครื่อง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวถึงความคืบหน้าจากการระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบว่า MEA ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติมในสถานที่เป้าหมายที่เข้าข่ายต้องสงสัยในพื้นที่ให้บริการของ MEA รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,471 จุด ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 1 - 18 ธันวาคม 2565 พบว่า มีการลักลอบใช้ไฟฟ้า 35 จุด โดยแบ่งเป็นการลักลอบในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงเขตบางขุนเทียน 15 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตลาดกระบัง 5 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตนนทบุรี 4 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตนวลจันทร์ 3 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตธนบุรี 3 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตบางบัวทอง 2 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตบางเขน 1 จุด, การไฟฟ้านครหลวงเขตมีนบุรี 1 จุด และการไฟฟ้านครหลวงเขตราษฎร์บูรณะ 1 จุด โดย MEA ได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในขยายผลการจับกุมเพิ่มเติมต่อไป
รองผู้ว่าการ MEA กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ลักใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดบิตคอยน์ทั้งหมด มีลักษณะการเลือกใช้สถานที่เป็นอาคารพาณิชย์ที่อยู่รอบนอกเมือง ประชาชนไม่พลุกพล่าน ปิดบ้านในลักษณะคล้ายไม่มีผู้อยู่อาศัย ทำให้ไม่เป็นจุดสังเกตของผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง และมีการต่อเติมฝ้าด้านหน้าอาคารเพื่อปกปิดจุดเชื่อมต่อสายไฟฟ้าที่มีการลักลอบใช้ไฟฟ้าจาก MEA นอกจากนี้ จากจำนวนการตรวจพบการลักลอบใช้ไฟฟ้า 35 จุด แบ่งเป็นการตรวจพบพร้อมกับอุปกรณ์บิตคอยน์ 22 จุด ตรวจไม่พบอุปกรณ์บิตคอยน์แต่มีร่องรอยคล้ายเคยมีการติดตั้ง 8 จุด และตรวจไม่พบอุปกรณ์บิตคอยน์แต่มีลักษณะการเตรียมพื้นที่รองรับที่จะขุดบิตคอยน์ 5 จุด ประเมินมูลค่าความเสียหายจากการลักลอบใช้ไฟฟ้าทั้งหมดประมาณ 74.9 ล้านบาท โดยบางแห่ง MEA ตรวจสอบพบร่องรอยสายไฟฟ้าชำรุด มีคราบรอยไหม้ที่พื้นผิวอาคาร ซึ่งมาจากประกายไฟหรือความร้อนจากจุดต่อเชื่อมสายไฟ รวมถึงพบแคลมป์สำหรับยึดสายไฟเสียหายผิดรูป โดยทั้งหมดเป็นผลที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้
นอกจากนี้ MEA ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าทุกรายที่ตรวจสอบพบ โดยจะประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในขยายผลการจับกุมเพิ่มเติม ทั้งนี้ MEA มีการตรวจสอบจากฐานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจจับ และเปรียบเทียบจากพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า มีการใช้อุปกรณ์ตรวจจับค่ากระแสไฟฟ้า การรับแจ้งจากผู้พบเห็น ไปจนถึงความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทางกายภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมกันนี้ MEA ยังใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าโดยในระยะยาวได้ดำเนินโครงการ Smart Meter และ ระบบบริหารจัดการใช้งานหม้อแปลงจำหน่าย หรือ Transformer Load Monitoring (TLM) ซึ่งจะทำให้ MEA ตรวจสอบการลักลอบใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากพบการลักลอบใช้ไฟฟ้าจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา ในข้อหาลักทรัพย์ มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
นับตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน MEA ดำเนินคดีกับผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าแล้วทั้งสิ้น 1,949 ราย ในจำนวนนี้ มีการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อการขุดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีจำนวนทั้งสิ้น 28 ราย ซึ่งการลักลอบใช้ไฟฟ้านอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ไฟฟ้า เนื่องจากการปรับแต่งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัย และไฟดูดไฟช็อต ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ ส่งผลเสียหายต่อทั้งชีวิต และทรัพย์สินผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งในกรณีที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ใช่ผู้ปรับแต่งระบบไฟฟ้าด้วยตนเอง แต่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในสถานที่ที่มีการลักลอบ ก็จะมีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันการติดตั้งสิ่งกีดขวางอุปกรณ์จำหน่ายไฟฟ้าของ MEA ยังเป็นการกีดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ยากต่อการตรวจสอบและบำรุงรักษา ซึ่งอาจทำให้ ไม่สามารถตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้า และเกิดการชำรุด ลัดวงจรจนเป็นอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้ใช้ไฟฟ้าได้
สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอาคารปล่อยเช่า ควรตรวจสอบผู้เช่าว่ามีการใช้งานอาคารในลักษณะใด มีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากผู้ใดพบเห็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนระบบ iOS และ Android ของ MEA ดาวน์โหลดฟรี คลิก https://onelink.to/measmartlife หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter: @mea_news และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
MEA แจ้งเตือนย้ายบ้าน อย่าลืม! ยกเลิก-เปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า ลดเสี่ยงค้างค่าไฟไม่รู้ตัว
MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ในฐานะหน่วยงานให้บริการด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ
MEA เขตสามเสน แจ้งย้ายที่ตั้งงานบริการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 2566 เป็นต้นไป
MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เขตสามเสน แจ้งย้ายที่ตั้งงานบริการด้านไฟฟ้าชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
โปรแรงรับกระแสมอเตอร์โชว์! ติดตั้ง EV Home Charger กับ KEN by MEA ฟรี Central Gift Card 2,000 บาท
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างต่อเนื่องนั้น นอกจากการดำเนินงานด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว ยัง
คนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฟังไว้! ต้องไปลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำ-ค่าไฟใหม่ด้วย
'รัชดา'เตือนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องไปลงทะเบียนรับสิทธิเรื่องค่าไฟและค่าน้ำด้วย หากสำเร็จบิลเดือนแรกจะมาใน เม.ย.
"Marine MEA" ทีมปฏิบัติการทางน้ำ พร้อมยกระดับบริการผู้ใช้ไฟฟ้าพื้นที่ริมน้ำ ชายฝั่งทะเล
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า MEA ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการทางน้ำ Marine MEA เพื่อรองรับการให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีพื้นที่ติดริมน้ำ และชายฝั่งทะเล ดูแลระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง ปลอดภัย รองรับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
MEA เปิดบูทนิทรรศการงาน Digital Governance Thailand 2023 ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล ตอบสนองการบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี
วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2566) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน Digital Governance Thailand 2023 (DGT 2023) ภายใต้แนวคิด “Happiness Creation”