เปลี่ยนสถานะเป็น ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไร้กังวล เมื่อนายจ้างขึ้นทะเบียนให้ภายใน 30 วัน

แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้เกิดธุรกิจการค้ากลับมาเปิดทำการ ส่งผลให้เกิดการจ้างงานได้เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นหากเกิดกรณีผู้ประกันตนมาตรา 39 หรือมาตรา 40 ที่ส่งเงินสมทบเองเป็นประจำทุกเดือน ได้กลับเข้าไปเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักประกันสังคมในฐานะผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยนายจ้างหรือสถานประกอบการจะเป็นผู้ดำเนินการหักเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมให้แก่ผู้ประกันตนเอง ซึ่งทำให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เริ่มทำงานวันแรกทันที

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ระบุว่า สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 หรือมาตรา 40 ที่กลับเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สมัครใจส่งเงินสมทบเอง หากได้งานประจำที่สถานประกอบการใหม่ นายจ้างหรือสถานประกอบการจะดำเนินการขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เข้าทำงาน โดยผู้ประกันตนไม่ต้องทำเรื่องลาออกจากการเป็นผู้ประกันตน มาตรา 39 เอง แต่ถ้ากรณีผู้ประกันตนมาตรา 39 มีการค้างชำระเงินสมทบ แนะนำให้ติดต่อสำนักงานประกันสังคมที่สะดวก เพื่อตรวจสอบข้อมูลและชำระเงินสมทบงวดที่ค้างจ่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 แล้วจะได้รับความคุ้มครองด้วยสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม นั่นคือกรณีว่างงาน

ทั้งนี้ หากเป็นกรณีของผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ประกอบอาชีพอิสระ ได้ทำงานประจำกับนายจ้างหรือสถานประกอบการ และเปลี่ยนมาเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ก็ไม่ต้องแจ้งลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เช่นกัน โดยนายจ้างหรือสถานประกอบการ จะดำเนินการแจ้งเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้และผู้ประกันตนไม่ต้องส่งเงินสมทบตามมาตรา 40 แต่หากวันใดออกจากการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และต้องการส่งเงินสมทบต่อ สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้ ภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกจากงาน หรือ สามารถส่งเงินสมทบมาตรา 40 ต่อได้โดยไม่ต้องสมัครใหม่อีกครั้ง

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการแจ้งเปลี่ยนมาตราของผู้ประกันตนในฐานะลูกจ้างใหม่นั้น เป็นหน้าที่ของนายจ้างหรือสถานประกอบการที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลูกจ้างเข้าทำงาน ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมได้ออกมาย้ำเตือนถึงนายจ้างเป็นประจำทุกปีถึงเรื่องการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างสัญชาติไทยหรือลูกจ้างชาวต่างชาติ/ต่างด้าว นายจ้างหรือสถานประกอบการ ต้องแจ้งให้สำนักงานประกันสังคมทราบอย่างละเอียด ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองตามสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วนทั้ง 7 กรณีตามมาตรา 33 ทั้งนี้หากนายจ้างหรือสถานประกอบการ แจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนล่าช้า ทางสำนักงานประกันสังคมจะออกหนังสือเชิญ เพื่อชี้แจงให้นายจ้างปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งหากนายจ้างยังมีเจตนาหลีกเลี่ยง ก็จะมีผลตามกฎหมาย โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากผู้ประกันตนหรือนายจ้างมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ทาง Line@ssothai และทางเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th

Website: www.sso.go.th
Facebook: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
Instagram: sso_1506
Twitter: @sso_1506
YouTube: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
Hotline: 1506 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
LINE: @SSOTHAI
TikTok: @SSONEWS1506

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ สั่ง 'สปสช.-สปส.' ร่วมยกระดับหลักประกันสุขภาพ

นายกฯ สั่งการเดินหน้าบูรณาการการทำงาน สปสช.- สปส. ร่วมมือการทำงาน เริ่ม 1 เม.ย.2567 ยกระดับหลักประกันสุขภาพตรวจสุขภาพเพิ่มเติมตามกลุ่มช่วงอายุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

รู้ยัง! ผู้ประกันตนมาตรา 33-39-40 ส่งเงินสมทบประกันสังคม นำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมสรรพกรเปิดให้ผู้มีรายได้ยื่นแบบแสดง

รมว. "พิพัฒน์" ดูแลแรงงานอิสระ รับจ้าง เกษตรกร กว่า 1.8 แสนคน จ.พัทลุง สร้างหลักประกัน ม.40 ประกันสังคม เจ็บป่วยนอนพัก ได้เงินทดแทนขาดรายได้

รมว. "พิพัฒน์" ลงพื้นที่ จ.พัทลุง พบเครือข่ายผู้ประกันตน ชูมาตรา 40 สร้างหลักประกันให้แรงงานนอกระบบ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ

"บุญสงค์" เลขาธิการ สปส. ห่วงใย ผู้ประกันตน เสียชีวิตเหตุพลุระเบิด สุพรรณบุรี มอบ ผู้ตรวจราชการกรม ตรวจสอบข้อมูลเร่งจ่ายสิทธิประโยชน์โดยเร็ว

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 15.30 น. เกิดเหตุพลุระเบิด ที่บ้านข่อยงาม ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี