
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวถึงการรับประทานอาหารให้ห่างไกลโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs ว่า กลุ่มโรค NCDs ดังกล่าว เช่น โรคเบาหวาน ไขมัน ความดัน มะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมมีสาเหตุมาจาก 5 ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การไม่ออกกำลังกาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่มลภาวะทางอากาศ และการบริโภค นอกจากนี้ โรค NCDs ยังเป็นสาเหตุการตาย 3 ใน 4 หรือ 75 % ของคนไทยในปัจจุบันด้วย ถือเป็นฆาตกรเงียบที่คอยทำลายสุขภาพที่คนทั่วโลกโดยไม่รู้ตัว
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ใน 5 ปัจจัยเสี่ยงมีความสำคัญเท่ากัน เรื่องการกินให้ได้สุขภาพดีห่างไกลโรคต้องกินครบ 5 หมู่ กินอย่างพอดีไม่น้อยหรือมากเกินไป กินผัก ผลไม้ ให้ได้วันละ 400 กรัม ด้วยเทคนิคง่ายๆ แบ่งจานข้าวออกเป็น 4 ส่วน ครึ่งหนึ่งควรเป็นผัก และ 1 ใน 4 ส่วนควรเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ส่วนที่เหลือเป็นอาหารที่ให้พลังงาน เช่นข้าว ขนมปัง กินแบบนี้ทั้ง 3 มื้อรับรองว่ากินผักครบ 400 กรัมแน่นอน ทำให้ได้รับอาหารในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
“ปัญหาการกินที่ทำให้เกิดโรคที่สำคัญ ได้แก่ รสหวาน มัน เค็ม โดยเฉพาะความเค็ม ที่มีโซเดียมเป็นส่วนผสมส่งผลต่อสุขภาพค่อนข้างมาก เช่น โรคไต ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ นำไปสู่โรคอื่นๆอีกมากมาย เรื่องเค็มถือว่าเป็นประเด็นที่ สสส.รณรงค์มาแล้วกว่า 10 ปี โดยจะเห็นข้อมูลตามสื่อสาธารณะมากขึ้น ซึ่งพิษภัยที่เกิดจากความเค็มไม่ได้น้อยกว่า ความหวานเลย แต่ที่ให้ความสำคัญคือภาพรวมการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตปกติ อาหารแปรรูป การปรุงที่เกินพอดี องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในแต่ละวันควรบริโภคโซเดียม ประมาณ 2,000 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา แต่โดยปัจจุบันเรามีการบริโภคโซเดียมอยู่ที่วันละ 3,600 มิลลิกรัม ทำให้ในแต่ละปีสูญเสียเงินจากการฟอกไต หลายพันล้านบาท จึงต้องช่วยกันรณรงค์ป้องกันตั้งแต่เริ่มแรกดีกว่าแก้ไขในภายหลัง”
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่าการรณรงค์ลดเค็มลดโรคในปีที่ผ่านมาเพื่อลดโรค NCDs และลดการบริโภคโซเดียม จากข้อมูลทางวิชาการพบว่าในน้ำซุป เป็นแหล่งโซเดียมที่สำคัญ จากการสำรวจพบว่าในน้ำซุป 1 ถ้วยมีโซเดียมประมาณ 1,500 มิลลิกรัม ไม่ว่า น้ำแกง น้ำพะโล้ น้ำซุปข้าวมันไก่ น้ำก๋วยเตี๋ยว ปีนี้เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำซุป จึงได้ใช้แคมเปญว่า “ลดซด ลดปรุง ลดโรค” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนรู้ถึงพิษภัยของความเค็ม และช่วยกันลดปริมาณโซเดียมลงโดยร่วมกับเครือข่ายลดการบริโภคเค็ม รณรงค์ขับเคลื่อนสังคมด้วยองค์ความรู้ผ่านสื่อต่างๆเพื่อให้ข้อมูลและเตือนให้ประชาชนนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในแต่ละวัน โดยใช้เครื่องปรุงที่ลดโซเดียม โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นโรคแล้ว และกลุ่มที่ยังไม่เกิดโรค เราต้องป้องกันตนเองโดยรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม ทานผักผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม
สำหรับเทคนิคการเลือกรับประทานอาหารลดโซเดียมคือการกินอาหารปรุงสด ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่าเราควรดูสลากโภชนาการ ชิมก่อนปรุง ลดการปรุงเพิ่ม กินน้ำซุปแต่น้อย และเพิ่มผักให้มาก ข้อแนะนำอีกอย่างไม่ควรนำเครื่องปรุงวางบนโต๊ะอาหารจะทำให้ลดการปรุงเพิ่มได้ ส่วนอาหารที่ไม่ได้ปรุงแต่มีโซเดียมได้แก่ ขนมปัง เค้ก ไอศกรีม ควรรับประทานอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามเพื่อความมั่นใจต้องอ่านสลากโภชนาการทุกครั้ง
“จากการณรงค์ที่ผ่านมาพบว่าปัจจุบันคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากทั้งเรื่อง หวาน มัน เค็ม ส่วนเรื่องของโรคที่เกิดจากพฤติกรรมจะลดลงหรือไม่นั้นต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามการเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมในวันนี้ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน หลังการรณรงค์จะมีการสำรวจเป็นระยะช่วง 3-5 ปี เมื่อก่อนพบคนไทยบริโภคโซเดียมถึง 4,000 มิลลิกรัมในปัจจุบันลดลงเหลือ 3,600 มิลลิกรัม หลังจากนี้หวังว่าจะลดลง 10-20 % เป็นอย่างน้อย เพราะการลดความเค็มแม้เพียงเล็กน้อยจะช่วยลดภาระสุขภาพที่อาจเกิดจากโรค NCDsได้“ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขับเคลื่อน...ข้อมูลสุขภาพ กุญแจหยุดโรคเรื้อรังของสังคมไทย
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตยุคดิจิทัล โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ได้ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาเป็นภัยเงียบของคนไทยอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่โรคเบาหวาน
สสส. สานพลัง เครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก-เครือข่ายเด็ก เยาวชนภาคใต้ เดินหน้าหนุนชุมชนสร้าง “ลานเล่นอิสระ” ใกล้บ้าน
น.พ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า เหตุการณ์วิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิต เกิดผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
สสส. ปลื้ม แนวคิด “Happy Workplace” ช่วยคนทำงานอุตสาหกรรมขนส่ง 102 แห่ง สุขภาวะดี-ลดป่วย NCDs-ลดอุบัติเหตุทางถนน เดินหน้าสานพลัง สมาคมขนส่งสินค้าฯ เปิดเวที “TRUCK HERO : ฮีโร่รถบรรทุก ขับเคลื่อนความปลอดภัย ใส่ใจสุขภาวะ”
สสส. สานพลัง สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย จัดกิจกรรม “TRUCK HERO: ฮีโร่รถบรรทุก ขับเคลื่อนความปลอดภัย ใส่ใจสุขภาวะ” ภายใต้โครงการขับเคลื่อนและขยายผลการเสริมสร้างสุขภาวะในองค์กรแก่บุคลากรในธุรกิจขนส่ง ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
รัฐบาลไทยเร่งแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่น บูรณาการความร่วมมือ 3 หน่วยงาน ถอดบทเรียน 8 คู่มือปฏิบัติงานเสริมสร้างกลไภความเข้มแข็งในระดับพื้นพื้นที่
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พิธีเปิด "การประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อส่งมอบผลงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของประเทศ" โดยจัดขึ้นร่วมกันระหว่างสมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)
“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้
กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย

