เครือข่าย “ชุมชนล้อมรักษ์” ต้นแบบช่วยผู้ติดยามีความหวัง

ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาองค์รวม  การแก้ไขไม่ใช่แค่เพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่ถือเป็นปัญหาสุขภาพความเจ็บป่วย เมื่อเป็นแล้วก็เป็นใหม่ได้อีก  ...

การดำเนินงานบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดของมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลอุทัย ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่19เม.ย.2567 นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) รวมทั้งคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ดันกระบวนการทำงานเพื่อแก้ปัญหาผู้ติดยาเสพติดของมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลอุทัย ซึ่งเป็นต้นแบบที่น่าสนใจ เพราะเป็นไปตามหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ชีวิตมีความหวังต้องรักษา”

สำหรับมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลอุทัยเปิดบริการเมื่อเดือนมกราคม2567  รับเฉพาะผู้ป่วยชาย จำนวน8เตียงให้การบำบัดระยะยาว (Long Term Care) ใช้ระยะเวลาประมาณ 90-120 วัน และติดตามต่อเนื่องเป็นระยะเวลา1ปีมีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรวม 11 ราย ผู้ป่วยกลับสู่ชุมชนแล้ว 5 ราย ทุกรายสามารถประกอบอาชีพ มีรายได้300-500บาท/วัน โดยจากการติดตาม พบว่าผู้ป่วยไม่กลับไปเสพซ้ำ3ราย ส่วนอีก2รายที่กลับยุ่งเกี่ยวยาเสพติดได้ติดตามดูแลเรื่องการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดไปพร้อมกับการบำบัดรักษา เพื่อให้สามารถเลิกยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด โดยผู้ป่วยสีแดงที่มีภาวะวิกฤติด้านจิตเวชและยาเสพติด มีหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปรวม2แห่งผู้ป่วยสีส้มที่พ้นภาวะวิกฤติแล้ว มีมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลวังน้อย ให้การบำบัดระยะกลาง(Intermediate care) ผู้ป่วยสีเหลืองที่ไม่มีปัญหาซับซ้อน จะมีมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลอุทัย ให้การบำบัดระยะยาว (Long Term Care) ส่วนผู้ป่วยสีเขียว ที่เป็นผู้ใช้ยาเสพติด จะบำบัดโดย “ชุมชนล้อมรักษ์" ที่เป็นกระบวนการบำบัดโดยชุมชนมีส่วนร่วม (CBTx) ซึ่งมีครบทุกอำเภอ รวม 43 แห่ง นอกจากนี้ ยังจัดตั้งศูนย์คัดกรองผู้ติดยาเสพติ213แห่ง ครอบคลุมทุกตำบลตั้งแต่ปี2566-ปัจจุบัน คัดกรองผู้ป่วยทั้งหมด4,380 ราย พบเป็นกลุ่มสีแดง 120 ราย สีส้ม 1,314 ราย สีเหลือง 2,185 ราย และสีเขียว 761 ราย

การทำงานของชุมชนล้อมรักษ์ โดยเครือข่าย 5 เสือ คือ ทหาร ตำรวจ นายอำเภอ  นายก อบต. และสาธารณสุข ของพระนครศรีอยุธยา ปี 2566 มีผู้ป่วยสีเขียวสมัครใจบำบัดถึง 699รายซึ่งมากเป็นอันดับ 7 ของประเทศ ล่าสุด กำลังจะขยายชุมชนล้อมรักษ์เพิ่มขึ้นอีก 23 แห่ง รวมเป็น 66 แห่ง ซึ่งจะช่วยให้คืนคนสู่สังคมอย่างปลอดภัยได้มากขึ้น หากจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข นโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ไม่เปลี่ยนแปลง ยังเดินหน้าให้ได้ตามป้าหมาย”

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวถึงการสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายภาคประชาชนสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติด และเสริมสร้างชุมชนสุขภาวะ ขับเคลื่อนงานป้องกันระดับพื้นที่หมู่บ้านชุมชนว่า สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เกิดพื้นที่ต้นแบบ 25 แห่ง ใน 48 จังหวัด ป้องกันเด็ก และเยาวชนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงจรยาเสพติด เกิดแกนนำเป็นกลไกขับเคลื่อนงานป้องกันในเครือข่าย 5 ภูมิภาค  2,683 คนรวม 1,527 หมู่บ้าน/ชุมชน สู่การพัฒนาองค์ความรู้การจัดการปัญหายาเสพติดขยายผลสู่พื้นที่ชุมชนอื่นทั่วประเทศ โดย สสส. ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชม มินิธัญญารักษ์ รพ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นหนึ่งในเครือข่าย “ชุมชนล้อมรักษ์” (CBTx) บำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด โดยชุมชนดำเนินการรักษา ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย ไม่ต้องเดินทางไกล ดูแลทางการแพทย์ จิตสังคม การศึกษา และฟื้นฟู ปัจจุบันมีเครือข่ายกว่า 146แห่งรองรับผู้ป่วยยาเสพติดได้1,957เตียง ช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดให้กลับสู่สังคม ซึ่งการลดปัญหาสิ่งเสพติดทุกประเภทเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสสส.ในการลดปัจจัยทำลายสุขภาพ สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับทุกคนในสังคม

นโยบายของรัฐบาลวางไว้อย่างชัดเจนที่จะสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการอย่างมีบูรณาการทุกภาคส่วนต่างๆนับตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด เชื่อมโยงการทำงานกับนายอำเภอ ผู้กำกับ สถานีตำรวจภูธร กำนันผู้ใหญ่บ้าน เป็นความสวยงามเพื่อเชื่อมโยงรอยต่อ ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านชุมชนส่งต่อการบำบัดรักษา ไม่ใช่การจับติดคุก ส่วนสำคัญให้คนบำบัดมากขึ้น ชุมชนมีความเชื่อมั่นมีส่วนร่วมที่ดีทำให้รพ.อุทัยเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระยะยาวและยั่งยืนได้อย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้เป็นการทำงานเป็นทีมเพื่อให้ผู้ป่วยมีศักดิ์ศรีมีงานทำด้วยความภาคภูมิใจ รู้จักคุณค่าของตัวเอง

นพ.เศกสรรค์ ชวนะดีเลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุทัย  ตั้งข้อสังเกตว่าการสมัครใจเพื่อรักษาของผู้ติดยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญ บางคนไม่หายเพราะส่วนลึกแล้วไม่อยากรักษาส่งผลต่อปัจจัยไม่หาย สังคมจะต้องปฏิบัติดีต่อผู้ป่วย มินิธัญญารักษ์ใช้ยาบำบัด ครอบครัว สังคม ชุมชนมีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาผู้ป่วยเพื่อให้เขารู้สึกว่ามีความสุข มีคุณค่า โดยมีทีมบุคลากรทางด้านสาธารณสุขหมอ1พยาบาล1นักจิตวิทยา นักวิชาการด้านสาธารณสุข และคนในชุมชน3คน รวมทั้งทีม7คนทำหน้าที่พี่เลี้ยงหมุนเวียนจัดตารางเวลาตลอด24ชั่วโมง มีกิจกรรมให้ผู้ป่วย ไม่ใช้คำพูดตำหนิติเตือน แต่เป็นการพูดส่งเสริมให้กำลังใจโดยนักจิตวิทยาชุมชน การดีไซน์หลักสูตรนี้มาจากรพ.ธัญญารักษ์ซึ่งใช้เวลา90-120วัน

“ผู้ป่วยบางคนมีหน้าที่การงานมีอาชีพรับเหมาต้องตัดสินใจมารักษา เหมือนกับทหารเกณฑ์ที่จะต้องจูนความคิดบุคลากรในโรงพยาบาล คนไข้ไม่คิดหนี ถ้าอยากกลับให้บอกกับพี่เลี้ยง เราไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ ทุกสัปดาห์ให้ญาติเข้ามาเยี่ยมได้ เราต้องเปลี่ยนนิสัยจากการใช้ยาไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะยาส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพราะบางคนกินยาบ้า10เม็ด/วัน บางคนเสพยาบ้า2เม็ด/วัน  ดังนั้นเรื่องการเสพยาบ้า5เม็ด/วันจึงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในสังคม เป็นที่น่าสังเกตว่าการรักษาครั้งนี้ยังไม่มีผู้หญิงมิฉะนั้นเราต้องแยกทีมดูแล ถ้าจะจัดรักษารวมก็ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด  ผู้ชายมีโอกาสติดยาเสพติดมากถึง80% ในขณะที่ผู้หญิงติดยาเสพติดเพียง20%หากวิเคราะห์แล้วผู้หญิงมีความอดทนต่อแรงกดดันได้มากกว่าผู้ชาย และไม่พึ่งพายาเสพติด”นพ.เศกสรรค์ชี้แจง

ทั้งนี้ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาแบบค้างคืน90วันที่มินิธัญญรักษ์รพ.อุทัยสามารถออกไปซื้อของยังร้านค้า ทำบุญตักบาตร เรียนรู้ในการซ่อมแซมรถจักรยานยนต์ เมื่อออกไปใช้ชิวิตปกติสามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างดี จากการรักษาผู้ป่วยผ่านไปแล้ว2รุ่น ยังไม่พบปัญหาความเครียดเรื้อรังจนหมดพลังแต่อย่างใด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สสส. สานพลัง มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ ผนึกกำลัง 17 หน่วยงาน ชวนทำบุญวิถีใหม่ เวียนเทียนต้นไม้ ลดฝุ่น PM2.5 งดจุดธูป-เทียน ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดปี 68

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ม.ค. 2568 ที่ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ และภาคีเครือข่าย 17 หน่วยงาน     ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการทำบุญวิถีใหม่ เวียนเทียนด้วยต้นไม้ ลดฝุ่น ส่งเสริมการทำบุญวิถีใหม่ที่บูรณาการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM2.5

ชาวเชียงใหม่อุ่นใจ สสส.-มช. เดินหน้าโครงการ "Chiang Mai Greentopia" ช่วยลดสารเคมีตกค้างในเลือดได้สูง ภายใน 2 ปี ลดเหลือ 66% จาก 90%

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ม.ค. 2568 ที่สวนผักฮักร้องขุ้ม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ตัวแทนเกษตรกร ภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชน ติดตามการดำเนินงานโครงการ Chiang Mai Greentopia : ต้นแบบการสร้างความมั่นคงทางอาหาร

พลังแห่งการเล่น..พาเด็กก้าวข้ามวิกฤต ไทยเปิดตัว"สมาคมการเล่นนานาชาติ"

การเล่นเพื่อเปลี่ยนโลก!! เชื่อว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ มีปุจฉา และต้องการวิสัชนาว่า ทำไม?!? เรื่องเล่นๆ ถึงจะมาเปลี่ยนโลกได้ และท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ

สสส. สานพลัง พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม)-Mappa-กสศ.-กทม. จัดเทศกาล 'Relearn Festival 2025' ชูแนวคิด 'Intergeneration ลดช่องว่างระหว่างวัย สร้างความเข้าใจระหว่างกัน' วันที่ 11 ม.ค.-9 ก.พ.68 นี้

เปิดพื้นที่ชวนครอบครัวเปลี่ยนมุมมอง-สร้างทักษะการเลี้ยงดูเด็กยุคใหม่ ลดช่องว่างระหว่างวัยของเด็ก-ผู้ใหญ่ หลังพบเด็ก 25.6% ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ความรุนแรงในครอบครัวพุ่งสูงขึ้น 2 เท่า ในรอบ 7 ปี

เด็กไทยป่วยซึมเศร้าทะลุ 2,200 คน ต่อประชากรแสนคน เสี่ยงทำร้ายตัวเอง 17.4% ซ้ำเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพจิต

ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานพลังภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน จัดกิจกรรม “ดูแลวัยเด็กด้วยศิลปะด้านใน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2568” ภายใต้โครงการโมเดลวิทยากรต้นแบบศิลปะด้านในเชิงลึกเพื่อขยายชุมชนการเรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะเด็กก่อนวัยรุ่น เปิดพื้นที่ให้เด็ก เยาวชน พ่อแม่

กรมกิจการเด็กและเยาวชน จับมือ มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว-สสส. จัดเสวนาสะท้อนปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 68 เสริมแกร่งความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิเด็ก

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ม.ค. 2568 ที่โรงแรมแมนดาริน กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วยมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)