นักวิ่งเคนยาทุบสถิติอาเซียน 'สัญชัย'ครองถ้วยพระราชทานฯ4สมัย 'บุรีรัมย์ มาราธอน'

ไตตัส คิปกอสไก ปอดเหฃ็กเคนยา คว้าแชมป์ประเภทชาย

ปอดเหล็กเคนยา ไตตัส คิปกอสไก ทำผลงานกระหึ่ม ทุบสถิติ“บุรีรัมย์ มาราธอน 2023” ทำเวลาเร็วที่สุดในประเทศไทยและถือเป็นเวลาที่เร็วที่สุดของอีเว้นท์มาราธอนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   รับเงินโบนัสรวมกว่า 1 ล้านบาท ขณะที่ สัญชัย นามเขต คว้าแชมป์คนไทยสมัยที่ 4 ควงคู่ ลินดา อินทะชิต ที่ได้แชมป์อีกสมัย ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

สัญชัย นามเขต และลินดา อินทะชิด แชมป์คนไทยชาย-หญิง

การแข่งขัน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2023 พรีเซนเต็ด บาย เครื่องดื่มตราช้าง” ปีที่ 7 ชิงเงินรางวัลสูงที่สุดในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท ออกสตาร์ท ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยมีพิธีเปิดการแข่งขัน ซึ่งมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ร่วมด้วย นายไชยวัฒน์  จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง ในฐานะไตเติ้ลสปอนเซอร์ ร่วมงาน โดยใช้เส้นทางวิ่งจากสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ออกสู่ถนนหลักผ่านตัวเมือง และเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล ช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ พร้อมทัพกองเชียร์ตลอดเส้นทาง 42.195 กม.

สำหรับรายการนี้ เป็นการแข่งขันในรูปแบบ Night Run (ไนท์ รัน) ภายใต้แนวคิด “สวรรค์ของนักวิ่ง” ที่สุดของงานวิ่งมาตรฐานโลกฝีมือคนไทย รับรองโดย สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ World Athletics Road Race โดยมีนักวิ่งทั้งหมดกว่า 30,000 คน เป็นนักวิ่งจากต่างชาติ นักวิ่งอีลิท และ expat ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จำนวน 1,063 คน จาก 46 ประเทศทั่วโลก

การแข่งขันแบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ มาราธอน ระยะทาง 42.195 กม.ฮาล์ฟ มาราธอน ระยะทาง 21.1 กม.มินิมาราธอน ระยะทาง 10 กม. และ ฟันรัน ระยะทาง 4.554 กม.

ด้านผลการแข่งขันประเภทมาราธอน ชาย ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก นักวิ่งอีลิท ไตตัส คิปกอสไก(เคนยา)ทำเวลาได้ 2.08.57 ชม. ทำลายสถิติบุรีรัมย์มาราธอนเดิม ที่เคยทำไว้ 2.11.46 ชม. และทำลายสถิติในกลุ่มอายุ 18-29 ปี ชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 2.14.36 ชม. พร้อมทำลายสถิติเร็วที่สุดในประเทศไทย และ ถือเป็นเวลาที่เร็วที่สุดของอีเวนท์มาราธอนในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมรับรางวัลโบนัสรวมกว่า 1 ล้านบาท ที่ 2 ฟิกาดู เดเบเล (เอธิโอเปีย) 2.10.49 ชม. ทำลายสถิติ กลุ่มอายุ 30-39 ปี ชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 2.54.05 ชม.ที่ 3 เบนสัน เอ็มวานกี (เคนยา) 2.11.24 ชม.

มาราธอนหญิง ที่ 1 แอกเนส ไคโน (เคนยา) 2.28.08 ชม.ทำลายสถิติบุรีรัมย์มาราธอนเดิม 2.32.41 ชม. และทำลายสถิติ กลุ่มอายุ 30-39 ปี หญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 2.54.05 ชม. 2 ลูซี่ คาริมี (เคนยา) 2.28.36 ชม.ที่ 3 อาเบรุ เซนเนเบ (เอธิโอเปีย)  2.29.07 ชม.ทำลายสถิติ กลุ่มอายุ 40-49 ปี หญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 3.20.46 ชม.

ส่วนคนไทยที่เข้าเส้นชัยคนแรก มาราธอนชาย “สัญชัย นามเขต” เจ้าของเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทำเวลาได้ 2.30.00 ชม.คว้าแชมป์คนไทยและครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นสมัยที่ 4 พร้อมรับเงินรางวัล 50,000 บาทเช่นเดียวกับ ฝ่ายหญิง ลินดา อินทะชิต ได้แชมป์อีกสมัย ทำเวลาได้ 2.51.51 ชม.

ด้าน สัญชัย นามเขต เปิดเผยว่า ถือว่าปีนี้ประสบความสำเร็จ ทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ รู้สึกพอใจกับสถิติที่ทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว ด้วยอากาศที่ดี มีกองทัพกองเชียร์เป็นกำลังใจตลอดเส้นทาง ทำให้ทำสถิติได้ดีขึ้น ปีหน้าตั้งใจจะทำสถิติให้ดีขึ้นกว่าปีนี้

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน ชาย ที่ 1 เจมส์ คารันจา (เคนยา) 1.05.02 ชม.ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 30-39 ปี ชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 1.09.29 ชม. ที่ 2 คินดู ทิรันเนห์ (เอธิโอเปีย) 1.05.34 ชม. ที่ 3 “บิ๊ก” ณัฐวุฒิ อินนุ่ม ที่เป็นคนไทยที่เข้าเส้นขัยฮาล์ฟมาราธอนเป็นคนแรก 1.06.05 ชม. ทำลายสถิติ กลุ่มอายุ 18-29 ปี ชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 1.07.58 ชม

ฮาล์ฟมาราธอน หญิง ที่ 1 อรอนงค์ วงศร 1.21.27 ชม. สถิติ กลุ่มอายุหญิง 30-39 ปี ที่สถิติเดิมทำไว้ 1.24.29 ชม ที่ 2 อรนุช เอี่ยมเทศ 1.28.47 ชม. ที่ 3 ดอร์คัส ทารัส (เคนยา) 1.30.09 ชม.

ด้าน  “บิ๊ก” ณัฐวุฒิ อินนุ่ม เปิดเผยว่า อากาศปีนี้ดีมาก เส้นทางวิ่งก็ดี สำหรับรายการนี้  ผมทำเวลาได้ดีมากๆ แต่เสียดายมาก เพราะชวดโอกาสทำลายสถิติประเทศไทย เกินไป 40 วินาที แต่สามารถทำลายสถิติของกลุ่มอายุได้ ก็ถือว่าพอใจครับ สำหรับอนาคตในการรับใช้ทีมชาติ รอเก็บความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เพื่อขยับขึ้นไปแข่งมาราธอนต่อไป

ประเภทมินิมาราธอน ชาย ที่ 1 “เบล” ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม น้องชายฝาแฝดของ “บิ๊ก” ณัฐวุฒิ อินนุ่ม 32.10 นาที ที่ 2 อีน็อค คีเกน (เคนยา) 32.21 นาที ทำลายสถิติเดิม รุ่นอายุ 30-39 ปี ชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 33.03 นาที ที่ 3 อาทิตย์ โสดา 32.24 นาที

มินิมาราธอน หญิง ที่ 1 “น้องดิว” เขมจิรา เชื้ออินทร์ วัย 16 ปี ทำสถิติได้ 39.20 นาที ทำลายสถิติ กลุ่มอายุ 13-17 ปี หญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 41.09 นาที ที่ 2 ณัฐธิดา เถาหน้อย 40.25 นาที ที่ 3 ณัฏฐพร สมิทธิวิโรจน์ 41.24 นาที

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กระหึ่ม ‘บุรีรัมย์ มาราธอน 2024 โกลด์เลเบิ้ล’ นักวิ่งปอดเหล็กไทย-เทศเข้าร่วมงานกว่า 3 หมื่นคน

ทัพปอดเหล็กไทย-เทศ ร่วมจารึกประวัติศาตร์ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2024 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตรา ช้าง" สุดยอดไนท์รัน ระดับโกลด์ ไม่มีพลิกโผ สัญชัย นามเขต ปอดเหล็กทีมชาติ ควง ลินดา จันทะชิด คว้าแชมป์คนไทย สมัยที่ 5 ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขณะที่นักวิ่งอีลิทจาก เคนยา กวาดแชมป์ทั้งมาราธอนชาย-หญิง และฮาล์ฟมาราธอนชาย โดย มาราธอนชาย แชมป์เป็นของ “แมทธิว ซัมเปรู” ทำเวลา 2.09.54 ชม. ส่วนฝ่ายหญิง “ชารอน เชลิโม อารูโช” ทำเวลาได้ 2.27.59 ชม. ทุบสถิติเดิมของบุรีรัมย์มาราธอนในรุ่นอายุ 30-39 ปี

ปอดเหล็ก'เคนย่า' ชนะเลิศ'ยูเมะพลัส ลำพูน ฮาล์ฟฯ' ส่วน'อนุชา'ดีสุดชายไทย

Umay+ จับมือแน่น RUNRIO Thailand ส่งท้ายงานวิ่งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ยูเมะพลัส ลำพูน ฮาล์ฟฯ ประสบความสำเร็จล้นหลาม ท่ามกลางบรรยากาศหนาวสมการรอคอย โดย เอียน วาเวรู นักวิ่งจอมแกร่งชาวเคนยา ผงาดแชมป์โอเวอร์ออล ขณะที่ อนุชา พาดา ควงแขน ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ เข้าป้ายอันดับ 1 นักวิ่งไทยสุดเจ๋งฝ่ายชาย-หญิง

'สัญชัย'แชมป์แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน วิ่งลดโลกร้อน ในแหล่งผลิตไฟฟ้าภาคเหนือ

แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 30 งานวิ่งยิ่งใหญ่ประจำปีของจังหวัดลำปาง นักวิ่งทั่วประเทศ สุดประทับใจเส้นทางสายกรีน วิ่งลดโลกร้อนด้วยแนวคิด Ready to Zero Carbon ผ่านแลนด์มาร์คแหล่งผลิตไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ

ด่วนเลย..'บุรีรัมย์ มาราธอน 2023' เปิดรับสมัครแล้ว

“บุรีรัมย์ มาราธอน 2023 พรีเซนเต็ด บาย เครื่องดื่มตราช้าง” พร้อมแล้วที่จะให้นักวิ่งมาร่วมสัมผัสประสบการณ์งานวิ่ง Night Run มาตรฐานระดับโลก ด้วยทัพกองเชียร์สุดอลังการ เส้นทางวิ่งสวยงาม แสงสีเสียง สนุกสนาน กลับมาสร้างความสุขความประทับใจอีกครั้ง กำหนดวันวิ่งในวันที่ 21 มกราคม 2566 และเปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 13-14 สิงหาคม 65 โดยให้สิทธิ์นักวิ่งเก่าได้สมัครก่อน