กาหัวเพื่อไทย! กกต.ออกโรงเตือน หลังหาเสียงบัตรเลือกตั้งใกล้เคียงบัตรจริง

แฟ้มภาพ

เตือนแล้ว ! กกต.ออกโรงเตือนพรรค-ผู้สมัคร หลังเพื่อไทยหาเสียงโพสต์หราบัตรเลือกตั้งใกล้เคียงบัตรจริง   อาจเป็นเหตุนำไปสู่การวินิจฉัย 

16 เม.ย.2566 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.)​ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยร่วมใจกันโพสต์บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ผ่านโซเชียลมีเดียปรากฎลักษณะ สี ของบัตรใกล้เคียงกับบัตรเลือกตั้งจริงเพื่อใช้ในการหาเสียง ซึ่งเป็นการดำเนินการภายหลังจากที่ คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ เปิดเผยสีบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต

 ทำให้สำนักงาน กกต.ออกมาย้ำเตือนผู้สมัครและพรรคการเมืองให้ควรพึงระวังในการหาเสียง โดยผู้สมัครและพรรคสามารถจัดทำเอกสารที่มีการกากบาทในช่องลงคะแนนเลือกตั้งให้กับตนเองได้เพื่อใช้ในการหาเสียง แต่ต้องไม่มีขนาด ลักษณะหรือสีที่คล้ายกับบัตรเลือกตั้ง

ทั้งนี้ กกต.อาจนำมาเป็นเหตุในการสืบสวนหรือไต่สวนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน  การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาดได้   โดยสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการหาเสียงได้จากระเบียบกกตว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) 2565. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยเปิดตัวผู้สมัครนายกอบจ. ฟุ้ง 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรม 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายกอบจ.) พรรคเพื่อไทยจำนวน 9 คน โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน

เลขา กกต.โยนบาปรัฐธรรมนูญ! บอกการคัดเลือก สว.แก้ไขไม่ได้

'เลขา กกต.' มองคงแก้อะไรไม่ได้ แม้ถูกทักท้วง รูปแบบ’คัดเลือก สว. เหตุ รธน.กำหนดไว้ ชี้ไทม์ไลน์ ไม่เหมือน เลือกตั้ง สส. ยันมีมาตรการป้องกันการฮั้วทุกพื้นที่

หน้าที่และอำนาจของ สว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่สาระน่ารู้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา 20 กลุ่มอาชีพร่วมใจ ขับเคลื่อนประเทศไทย ไปพร้อมกัน

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ถามสภาฯ-กกต. ปมร้องสอบผู้สมัครสว.เลือกกันเอง ขัดรธน.หรือไม่

พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยเกี่ยวกับกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาวินิจฉัยเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 23 (1)