ช่อเฮ! ได้ต่อพาสปอร์ตมิวายอัดการเมืองทำให้ตัวเองเหมือนเป็นอาชญากร

น้องช่อเฮตำรวจถอนคำสั่งระงับพาสปอร์ต โวเป็นนักการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศแต่เหมือนเป็นอาชญากร เหนื่อยใจอยู่มากกว่า 30 ปีไม่มีคดี แต่เข้าสู่การเมืองโดนกว่า 10 คดี

21 เม.ย.2565 - ที่ สน.พญาไท น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวภายหลังเข้าพบตำรวจ สน. พญาไท เพื่อขอทราบเหตุผลที่ทำเรื่องไปยังกรมการกงสุลระงับการต่อหนังสือเดินทางว่า ได้พูดคุยกับตำรวจ โดย ผกก.สน.พญาไท ชี้แจงว่า เป็นมาตรฐานการปฏิบัติงานของตำรวจในคดีความมั่นคง โดยเฉพาะ มาตรา 112 และมาตรา 116 จะมีการปฏิบัติแบบนี้ เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบกพร่องต่อหน้าที่ แต่ก็เป็นดุลพินิจของอธิบดีกรมการกงสุล โดยตำรวจชี้แจงว่าทำหนังสือขอความร่วมมือไป ไม่ได้มีอำนาจไปบังคับขึ้นอยู่กับอธิบดีกรมการกงสุล เช่นหนังสือของตนเอง นายธนาธร และ อ.ปิยบุตร แม้หนังสือจะแจ้งไปว่าขอให้เพิกถอน และไม่ให้ต่อใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น อ.ปิยบุตร และนายธนาธรยังสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่ของตนเองหนังสือเดินทางหมดอายุ จะไปต่อไม่สามารถทำได้ ตำรวจยืนยันว่ากลัวว่าจะบกพร่องต่อหน้าที่ ถ้าผู้ต้องหาหลบหนีนำตัวมาดำเนินคดีไม่ได้จะมีความผิด แต่เมื่อมายื่นหนังสือกับตำรวจและชี้แจงไปแล้วเรามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีที่อยู่ชัดเจนไม่มีพฤติกรรมหลบหนี มีความจำเป็นเดินทางไปต่างประเทศต้องมีพาสปอร์ตจึงทำหนังสือให้ตำรวจเพิกถอน ทาง ผกก.ยืนยันว่า เมื่อมีหนังสือมาก็จะดำเนินการให้ทันทีเสร็จภายเที่ยงนี้และจะเอาหนังสือไปส่งให้กรมการกงสุลเพิกถอนฉบับนี้ และจะสามารถต่อหนังสือเดินทางได้ในวันพรุ่งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับกงการกงสุลจะดำเนินการให้เมื่อไหร่

“แม้ตำรวจจะแก้ไขปัญหาให้อย่างรวดเร็วแต่ต้นเหตุปัญหาละ เราก็เข้าใจตำรวจ แต่ทุกวันนี้คดีความมั่นคงกลายเป็นคดีการเมือง ไม่ใช่ความมั่นคงต่อชาติ กลายเป็นคดีความมั่นคงต่อรัฐบาล ผู้ที่โดนคดีแบบนี้กลายเป็นเยาวชน นิสิตนักศึกษาจำนวนมาก นักศึกษาจะไปเรียนต่อต่างประเทศทำไม่ได้ เราเข้าใจตำรวจกลัวบกพร่องแต่ตำรวจเข้าใจประชาชนไหม ถูกละเมิดสิทธิ์เกินกว่าเหตุ เพราะคดียังไม่ถึงชั้นศาล เป็นการแลกเปลี่ยนความเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย อ.ปิยบุตร ก็ฝากความห่วงใยมาในฐานะ อ.นักกฎหมาย เป็นมาตรฐานการละเมิดสิทธิ์ประชาชน ถ้าเป็นไปได้ตำรวจต้องคำนึงถึงสิทธิ์ประชาชนมากกว่านี้”

น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ประเทศนี้เป็นของประชาชนไม่ใช่ประเทศของข้าราชการ สิทธิของประชาชนย่อมเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงกว่าสิทธิข้าราชการ ไม่ใช่เฉพาะเราก่อนหน้านี้มีคนถูกละเมิดสิทธิ์มาจำวนมากใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะทำเรื่องเสร็จ ส่วนตัวถือว่าโชคดี ผกก.มีประสิทธิภาพตอบสนองรวดเร็ว มันคงไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับการบริการอย่างนี้ การปฏิบัติแบบนี้เลิกได้ก็เลิก คดีที่เกิดขึ้นมองว่าการทำงานของเราไปกระทบกับผู้มีอำนาจขนาดไหน ถ้าช่วงการเมืองเรียบๆ ไม่มีอะไร คดีความของพวกเราก็จะเรียบๆ ไปด้วยไม่มีอะไร แต่ถ้าใกล้เลือกตั้ง คดีความต่างๆ ของพวกเราก็จะแอคทีฟเคลื่อนไหวฉับไวมาก ส่วนคดีความเพื่อปกป้องตัวเองของพวกเราจะช้ามาก คนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลต้องตระหนักว่าคือ สิ่งที่เราต้องจ่ายเพื่อแลกกับการทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่ผ่านมาอยู่มากว่า 30 ปีไม่เคยมีคดี แต่พอเข้ามาทำงานการเมืองมีกว่า 10 คดี เป็นเรื่องที่มันชัดเจนอยู่ในตัว ล่าสุดถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมฯ โพสต์เฟซบุ๊กกว่า 10 ปีแล้ว แต่พึ่งมาเกิดตอนมาทำงานการเมือง ส่วนคดีมาตรา 116 ที่ถูกระงับหนังสือเดินทางก็คือ อดีตพระพุทธอิสระ ฟ้องข้อหามาตรา 116 ก็รู้ว่าเป็นคดีการเมือง

“เราต้องพิสูจน์ตัวเองขนาดไหนว่าเราไม่ใช่อาชญากร เหนื่อยใจมาเป็นนักการเมืองประเทศนี้ สุดท้ายเหมือนเป็นอาชญากรถูกติดตามตัวโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดนตามถึงบ้าน โดนถอนพาสปอร์ต ให้ศาลตัดสินก่อนถึงมาตัดสินพวกเรา ส่วนการต่อหนังสือเดินทาง ถ้าตำรวจทำเรื่องไปแล้วก็จะไปตรวจสอบว่าสามารถต่อได้วันไหนซึ่งเป็นดุลพินิจอธิบดีกรมการกงสุล แต่ถ้าไม่ยอมต่อให้คงต้องมีการร้องไปยังศาลปกครอง”น.ส.พรรณิการกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำลายสถิติ! ผู้ต้องขังยังเพิ่มพุ่ง 46 คน คดี ม.112 เกินครึ่ง ผู้อดอาหารประท้วงยังถูกขังต่อ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ปัจจุบัน (4 เม.ย. 2567) มีผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก อย่างน้อย 46 ราย ในจำนวนนี้เป็นคดีมาตรา 112 เกินกว่าครึ่ง เป็นจำนวน 28 คน

เปิดเบื้องหลัง สว.ตีตก สกัด”วิษณุ”นั่งเก้าอี้ ประมุขศาลปกครอง

มติการออกเสียงของที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันจันทร์ที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ที่สมาชิกวุฒิสภาหรือสว. ลงมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 158 เสียง ต่อ 45 คะแนน

ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับฟ้องเพิกถอนควบรวม ทรู-ดีแทค

ศาลปกครองสูงสุด กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น โดยให้รับคำฟ้องของผู้บริโภค 5 รายในคดีขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) กรณีรับทราบ

ลั่นต้องไม่เลือกปฏิบัติ นิรโทษกรรมต้องครอบคลุมคดี ม.112

ที่รัฐสภา น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพร้อมด้วย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เดินทางเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ