อดีตทูตนริศโรจน์ เผยประสบการณ์เคยถวายงาน 'ในหลวง' ลั่นปกป้องสถาบันจากส่วนลึกในหัวใจ

26 พ.ค.2565 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์รูปภาพและข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า มีเพื่อนๆบอกว่าอยากฟังเรื่องเล่าที่ผมได้เคยถวายงานในหลวง ร.10 เมื่อครั้งเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร จริงๆแล้วผมไม่กล้าเล่า เพราะเกรงว่าจะมีคนหาว่าผมโหนสถาบัน

แต่วันนี้ได้ดูข่าวในพระราชสำนัก ในการที่ ในหลวงและสมเด็จพระราชินี เสด็จฯเยือนวัดถ้ำกลองเพล ของหลวงปู่ขาว อนาลโย จู่ๆใจก็รู้สึกเกิดปิติอย่างประหลาดที่ได้เห็นพระราชจริยาวัตรของทั้งสองพระองค์ ที่ทรงมีความนอบน้อมกราบคารวะหลวงปู่ขาว

และคงเป็นเพราะผมมีความเคารพศรัทธาในหลวงปู่ขาวด้วย ทุกวันสวดมนต์ก็ยังออกชื่อหลวงปู่ขาวเสมอ จึงคาดว่าดวงจิตของหลวงปู่ขาวคงดลใจให้ผมถือโอกาสนี้เล่าเรื่องประทับใจที่เป็นประสบการณ์ตรงของผมที่ได้มีโอกาสถวายงานพระองค์ท่านถึง 3 ครั้งด้วยกัน

ครั้งแรกในปี 2530 ตอนนั้นพระองค์ท่านเสด็จฯเยือนประเทศสเปนอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของ สมเด็จพระราชาธิบดี ฆวน คาร์โลส

ครั้งที่สองในปี 2534 พระองค์ท่านเสด็จฯ ร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิคที่นครบาร์เซโลนาประเทศสเปน

และครั้งที่สาม ในปี 2536 พระองค์ท่านเสด็จฯเยือน บราซิล เปรู และเอกวาดอร์ อย่างเป็นทางการ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมต้องถวายงานอย่างใกล้ชิดที่สุดในฐานะ ล่ามแปลภาษาสเปน

ในการเสด็จฯ ครั้งนี้ถือเป็นการเสด็จฯเยือนกลุ่มประเทศในลาตินอเมริกาใต้เป็นครั้งแรก เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการ ส่วนเปรูและเอกวาดอร์ใช้ภาษาสเปน ทาง กต.จึงได้มอบหมายให้ขรก.ที่รู้ภาษาโปรตุเกส ซึ่งเป็นรุ่นน้องผม ชื่อ กุ้ง เป็นล่ามโปรตุเกสช่วงเสด็จฯเยือนบราซิล ซึ่งเป็นประเทศแรก ส่วนเปรูและเอกวาดอร์ ผมได้รับมอบหมายให้เป็นล่ามสเปนทำหน้าที่ตลอดในสองประเทศนี้

มีเรื่องขำๆเกิดขึ้นคือ กุ้ง ซึ่งเป็นล่ามโปรตุเกสนั้น ไม่เคยมีประสบการณ์ถวายงานพระองค์ท่านมาก่อน กุ้งบอกกับผมว่าเขาประหม่ามาก มือเย็นเฉียบ ผมในฐานะรุ่นพี่ที่เคยมีประสบการณ์ถวายงานมาแล้ว 2 ครั้ง ก็พยายามปลอบกุ้งว่า ใจเย็นๆพยายามสูดลมหายใจลึกๆไว้

แต่กระนั้นก็ตาม หมายกำหนดการแรกที่บราซิล ในขณะที่พระองค์ต้องมีพระปฏิสันถารกับผู้นำบราซิล พวกเราก็ได้เห็นอาการประหม่าของกุ้ง แบบทำอะไรไม่ถูก ผมซึ่งยืนอยู่ห่างออกมาก็พยายามพยักเพยิดบอกกุ้งให้เข้าไปใกล้ๆพระองค์ พูดให้ชัดๆช้าๆไม่ต้องลนหรือประหม่า

แต่สถานการณ์ตอนนั้นเหมือนกุ้งไม่รู้ตัวเอง พอพระองค์ท่านหันมาทางขวาเพื่อทรงมองหาล่าม กุ้งก็ถอยหนีไปทางซ้าย พอพระองค์ท่านทรงหันมาทางซ้าย กุ้งก็ถอยหนีไปทางขวา เป็นแบบนี้ตลอด จนผมต้องขยิบตาและทำสัญญาณมือให้กุ้งอยู่นิ่งๆ เดชะบุญ พอกุ้งเริ่มชินก็ลดความประหม่าลง จนการเสด็จฯเยือนบราซิลผ่านพ้นไปด้วยดี

จากบราซิล พระองค์ท่านก็เสด็จฯ เปรูต่อ หมายกำหนดการแรกที่ทำเนียบประธานาธิบดีเปรู (ตอนนั้นเปรูมีประธานาธิบดีเป็นคนเชื้อสายญี่ปุ่นชื่อ Alberto Fujimori)

ผมซึ่งมีประสบการณ์ถวายงานมาแล้ว 2 ครั้ง ก็ต้องเข้าประกบใกล้พระองค์ท่านทันที วินาทีนั้นยังจำได้จนถึงบัดนี้ พระองค์ท่านทรงเอาพระหัตถ์แตะที่แขนผมเบาๆแล้วรับสั่งว่า “ล่ามอย่าหนีไปไหนนะ พูดดังๆชัดๆใกล้ๆด้วย”

ตอนนั้นผมรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หัวถึงเท้า แต่ก็พยายามถวายงานอย่างเต็มที่ ยังจำได้จนถึงบัดนี้คือ เนื่องจากต้องเข้าใกล้พระวรกายของพระองค์ท่านให้มากที่สุด เพื่อมิให้เสียงดังเกินไป หรือ ค่อยเกินไป จนผมสามารถได้กลิ่นน้ำปรุง Eau de Cologne อ่อนๆจากพระวรกายของพระองค์ท่าน

การถวายงานที่เปรูและเอกวาดอร์ก็ผ่านไปโดยเรียบร้อย หลายครั้งที่ได้เห็นสายพระเนตรที่มองมาที่ผมอย่างมีพระเมตตา เท่านี้ใจก็เอิบอิ่มยิ่งนักแล้ว

เหตุการณ์ผ่านไป 24 ปี จนถึงปี 2560 ผมได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำอาร์เจนตินา และถือเป็นคณะราชทูตไทยคณะแรกในแผ่นดินของรัชกาลที่ 10 ที่ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่เจริญสัมพันธไมตรีในนามของพระองค์ท่าน

วันที่ผมต้องเข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่อรับพระราชสาสน์ตราตั้ง ในขณะที่ทรงหลั่งน้ำจากพระมหาสังข์รดที่กลางศีรษะของผมนั้น ผมยังไม่ค่อยกล้ามองพระพักตร์พระองค์ท่าน จนถึงช่วงที่ต้องเงยหน้าเพื่อที่พระองค์จะได้ใช้พระหัตถ์เจิมหน้าผากผม ผมมองเห็นรอยแย้มพระสรวลเล็กๆ เหมือนพระองค์ทรงจำ ล่ามตัวเล็กๆ ที่เคยถวายงานพระองค์ท่านที่เปรูและเอกวาดอร์ได้ (ทางกต.จะต้องทำประวัติของ ออท.ทุกคนขึ้นถวายให้ทรงทราบก่อน)

และตอนที่พระองค์ท่านพระราชทานใบมะตูมให้ผมทัดที่หูขวาอีกครั้ง ก็ได้เห็นพระพักตร์และสายพระเนตรที่อ่อนโยนมองมาที่ผมอีกครั้ง ตอนนี้หัวใจของผมก็อิ่มพองฟูอย่างน่าประหลาดจนอธิบายเป็นตัวอักษรไม่ถูก

ผมเองได้ปฏิญานกับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเกียรติภูมิของประเทศชาติและจะรักษาพระเกียรติยศของพระองค์ท่าน ปฏิบัติหน้าที่เจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศให้สมกับที่พระองค์ทรงไว้วางพระราชหฤทัยโปรดเกล้าฯให้ผมดำรงตำแหน่งที่ทรงเกียรตินี้ครับ

การทำหน้าที่ปกป้องสถาบันของผมเกิดขึ้นจากเนื้อแท้ที่มาจากส่วนลึกของหัวใจผม ด้วยตัวของผมเอง ไม่ได้ทำในนามกลุ่มองค์กรใด และไม่เคยคิดอาจเอื้อมแม้แต่ครั้งเดียวในการแอบอ้างหรือโหนสถาบันเพื่อประโยชน์ส่วนตนของผม

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล
อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำอาร์เจนตินา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ในหลวง' ทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟ-สนามจักรยาน 'สราญจิตมงคลสุข'

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

'ในหลวง' พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ พร้อมคติธรรม ธรรมนาวา 'วัง' หลักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่ง แห่งองค์พระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระราชฐานะพุทธมามกะและองค์อัครศาสนูปถัมภก

'ในหลวง-พระราชินี' พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ทหาร-ตำรวจชั้นนายพล เฝ้าฯ ถวายสัตย์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุทิน คลังแสงรัฐมนตรีว่าการ

ในหลวง ทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุจากอินเดีย พระราชทานไฟ  ณ 4 มณฑป ถวายเป็นพุทธบูชา

ในหลวงทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุจากอินเดีย พระราชทานไฟ  ณ 4 มณฑป ถวายเป็นพุทธบูชา พสกนิกรเนืองแน่นเฝ้าฯ รับเสด็จ

'ในหลวง-พระราชินี' ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง