ชำแหละวีรกรรมปฏิรูปสถาบันของ '3 นิ้ว' ทำไมถึงเท่ากับล้มล้าง!

12 พ.ย. 2564 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง”

“ถ้าปฏิรูปคือการล้มล้าง แล้วรัฐประหารคืออะไร”

การปฏิรูปก็คือความเหมาะสม คือการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมหรือเพื่อทำให้ดีขึ้น จะค่อยเป็นค่อยไป หรือจะทำอย่างรวดเร็วก็ได้

การล้มล้างคือการทำลาย การล้มล้างไม่จำเป็นต้องใช้กำลังก็เรียกว่าเป็นการล้มล้างได้

รัฐประหารคือการใช้กำลัง หรือบีบบังคับเพื่อยึดอำนาจ ส่วนใหญ่จะหมายถึงยึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่

ไม่มีใครบอกว่า การปฏิรูปเท่ากับการล้มล้าง และไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่รู้ว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง แต่เป็นพวกที่เคลื่อนไหวกันในขณะนี้ รวมทั้งสาวก และแนวร่วม ที่ออกมาประสานเสียงกันว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างนั่นแหละที่ไม่รู้ว่าการปฏิรูปแตกต่างกับการล้มล้างอย่างไร

คำพูดที่บอกว่าไม่ใช่เป็นการล้มล้างไม่อาจบ่งบอกความจริงได้ แต่การกระทำต่างหากจึงจะบอกได้ เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ตลอดเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ลองมองย้อนกลับไปดูการกระทำและการแสดงออกของกลุ่มคนกลุ่มนี้ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง การแสดงออกในทางเหยียบย่ำ หมิ่นแคลน ข่มขู่ เช่นการโจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคาย การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ สาดสีใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งของสมเด็จพระพันปีหลวงและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ใช้กิโยตินเป็นสัญญลักษณ์ข่มขู่ ทั้งในการชุมนุม และใน social media ทำทุกวิถีทางผ่านสื่อที่เป็นพวกเดียวกันสร้างและเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ทำให้คนเชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ขัดขวางความเจริญของประเทศ เน้นย้ำเสมอว่าทุกคนในประเทศนี้ต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด ไม่มีใครควรอยู่สูงกว่าใคร ตลอดจนแสดงความต้องการให้ประเทศเป็นแบบสาธารณรัฐในหลายโอกาส

หากต้องการเพียงการปฏิรูปจริง จำเป็นต้องทำกันถึงขนาดนี้หรือ

การกระทำเหล่านี้จึงบ่งบอกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกต่อไป สังคมที่ดีกว่าของพวกเขาก็คือสังคมที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ นี่คือเจตนาของการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแจ้งชัด เพียงแต่พวกเขาหลับหูหลับตาเรียกมันว่า “ปฏิรูป” เท่านั้นเอง

แน่นอนว่าศาลรัฐธรรมนูญมิได้พิจารณาเพียงข้อเรียกร้องที่พวกเขาเรียกว่า เป็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งหากปฏิรูปทั้ง 10 ข้อ แม้ไม่เรียกว่าล้มล้าง แต่ก็เสมือนหนึ่งล้มล้าง แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาภาพรวมทั้งหมด ซึ่งหมายพฤติกรรมของทั้ง 3 คน รวมถึงผลกระทบที่เกิดตามมาหลังจากวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ด้วย

รัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ให้ความคุ้มครอง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมี 2 ส่วนคือ การปกครองระบอบประชาธิปไตย และการมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การคิดทำลายส่วนหนึ่งส่วนใดใน 2 ส่วนนี้ ย่อมถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรานี้

จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะถูกใจใคร หรือไม่ถูกใจใคร ขอบอกว่า ไม่มีใครสั่งศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ให้วินิจฉัยไปในทางใดทางหนึ่งได้แน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตรองอธิการบดี มธ. สะกิด 'สภาหอการค้า-สภาอุตฯ' หนุน 'นายกฯ' หาตลาดใหม่สู้สหรัฐ

อดีตรองอธิการบดี มธ. ขอเชียร์ให้นายกรัฐมนตรียึดมั่นในความถูกต้อง ไม่ยอมก้มหัวให้ประเทศมหาอำนาจ จัดการกับกัมพูชาให้จบให้ได้ หากทำได้โอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะเท่ากับ 100%

อดีตรองอธิการ มธ. ฟันธง 'อนุทิน' นายกฯ ชี้พรรคร่วมรบ.แทงกั๊ก แค่รอ 'ปชน.' ตัดสินใจ

พรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่ยังแทงกั๊ก ไม่ตัดสินใจ อ้างว่าจะให้สมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคตัดสินใจ แต่แท้ที่จริง รอดูว่าพรรคประชาชนจะเลือกใคร

ประชาชน รัฐบาล และกองทัพ: มายาการเมือง 'ทหารมีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ใช่ปกครองประเทศ'

เมื่อไฟชายแดนลุกโชน ประชาชนไม่ได้โอบกอดรัฐบาลพลเรือนหรือพรรคการเมือง หากแต่ทอดสายตาไปยังกองทัพ ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางการร่วงโรยของศรัทธาทางการเมือง ฝ่ายก้าวหน้าอาจเย้ยว่าเป็น “ลัทธิทหารนิยม” หากในความจริง มันสะท้อนเพียงคำถามที่ยังไร้คำตอบ ใครกันแน่ที่จะพาประเทศให้พ้นคลื่นวิกฤติ?

'ทักษิณ' ถึงศาลอาญา ฟังคำพิพากษาคดี 112 โบกมือทักทายคนเสื้อแดง

'ทักษิณ' ถึงศาลอาญา ฟังคำพิพากษาคดี 112 ในวันครบรอบ 2 ปีที่กลับประเทศไทย 'วิญญัติ' เชื่อสู้ถูกทาง เจ้าตัวยืนยันคลิปถูกตัดต่อ ย้ำมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ

อดีตรองอธิการบดี มธ. สะท้อน 10 อุปนิสัย 'ช่อ-พรรณิการ์' ต้นแบบทางความคิดชาว 3 นิ้ว

ณพรรณิการ์ วานิช เป็นหนึ่งในแกนนำคณะก้าวหน้า ที่เป็นต้นแบบทางความคิด ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชนในปัจจุบัน

อดีตรองอธิการ มธ. บอกนี่แหละ 'ระบบทักษิณ' ผิดต่อประเทศไม่ประท้วง ผิดต่อนายประท้วง

คนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย แม้เห็นกันอยู่ชัดๆว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรี เป็นความผิดต่อประเทศชาติชนิดไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยังลอยหน้าลอยตาออกมาให้สัมภาษณ์