‘อดีตรองอธิการบดี มธ.’ บอกน่าเสียดายหาก ‘ไอติม’ หลานชายร่วมอยู่ในขบวนปฏิรูปแบบล้มล้างสถาบัน

‘รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร’ โพสต์ถาม ‘ไอติม’ หลานชาย ร่วมอยู่ในขบวนที่พยายามปฏิรูปแบบล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ บอกถ้าใช่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง

21 พ.ย.2564-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า ผมไม่เคยได้พบกับไอติมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่เห็นปรากฏอยู่ในข่าว ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะถ้านับญาติกันจริงๆ ไอติมก็นับเป็นหลาน เพราะคุณยายของไอติมเป็นลูกผู้พี่ของผม คือเป็นลูกของคุณอาแท้ๆหรือน้องแท้ๆของคุณพ่อผม นับว่าเป็นญาติที่ค่อนข้างใกล้กันไม่น้อย

อย่างที่ผมเคยเขียนหลายครั้งว่า ผมไม่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็เข้าใจดีว่า นั่นเป็นวิธีที่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลและไม่ให้พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณกลับมาครอบงำประเทศได้อีก แต่ผมก็ยังเลือกไม่ลงอยู่ดี

เมื่อไอติมลงสมัครรับเลือกตั้งในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พอดีลงสมัครในเขตผม ผมและทุกคนในครอบครัวจึงไม่ลังเลเลยที่จะพากันไปลงคะแนนให้ไอติม ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นญาติ แต่เป็นเพราะเชื่อว่าไอติมคือคนหนึ่งที่เป็นความหวังของการเมืองไทย เป็นคนรุ่นใหม่ พื้นฐานครอบครัวดี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกที่เข้ายากแสนยาก แต่ไอติมก็สอบตก และผู้ที่ชนะในเขตนั้นก็คือผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ

ทำไมไอติมจึงสอบตก ทั้งที่มีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่าง ทำไมคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ในเขตที่ลงสมัครจึงไม่เลือกไอติม แต่พากันไปเลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ คงไม่ใช่เพราะมีความนิยมชมชอบในตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่นิยมชมชอบพลเอกประยุทธ์ก็ตาม นั่นเพราะสมการการเมืองไทยไม่ง่ายเหมือน 1+1 = 2 แต่ในโลกของความเป็นจริงมันซับซ้อนกว่านั้นมาก คนส่วนใหญ่ไปลงคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะเขาหมดหวังในพรรคประชาธฺปัตย์ และเชื่อว่า หากไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยต้องกลับมาเป็นรัฐบาลแน่ และระบอบทักษิณที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการชุมนุมประท้วงครั้งประวัติศาสตร์จนนำไปสู่การรัฐประหาร 2557 ก็จะกลับมาพร้อมกับพรรคเพื่อไทย คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมเชื่อว่าทักษิณยังคงครอบงำพรรคเพื่อไทยอยู่ บัดนี้น่าจะเริ่มเชื่อแล้ว

เข้าใจดีว่า รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ไม่ใช่รัฐบาลในฝันของประชาชน แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า หลังจากลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ไอติมกลับไปนิยมชมชอบพรรคและกลุ่มการเมืองที่มีจุดหมายไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ เและป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทยและผู้ที่อยู่เหนือพรรคเพื่อไทย ทั้งยังมีความคิดไปในทิศทางเดียวกันกับพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองเหล่านั้น  ไม่ยอมรับผลการลงประชามติรัฐธรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มีคนลงคะแนนให้ถึง 16 ล้านเสียง อ้างอยู่ร่ำไปว่า การลงประชามติครั้งนั้นไม่ได้ทำอย่างเสรี และไม่เป็นธรรม อ้างว่าผู้ประท้วงคัดค้านไม่ให้คนไปลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ ถูกจับกุมเนินคดี  ทั้งที่รู้ดีว่าการจับกุมดำเนินคดี เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ 2559

การดำเนินการตามกฎหมาย จึงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งคำถามแนบท้ายซึ่งเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลผ่านการทำประชามติด้วยคะแนนเสียงกว่า 16 ล้านเสียง เหตุผลหลักที่ทำให้ร่างรัฐธรรนูญ รวมทั้งคำถามแนบท้ายซึ่งเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลผ่านการทำประชามติ ก็เป็นเหตุผลเดียวกับการที่คนจำนวนมากจำใจต้องลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐนั่นเอง

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับไอติมและปิยบุตร ที่ถูกคว่ำไปแล้วในสภา คำชี้แจงของไอติมในสภา แสดงถึงความคิดของไอติมที่ยึดหลักการและทฤษฎี จนไม่มองสภาพความเป็นจริงของการเมืองไทยและสังคมไทย การมีสภาเดียวในหลักการก็อาจจะดีและประหยัด เพราะไม่ต้องจ่ายเงินเดือนวุฒิสมาชิกและไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆสำหรับการมีวุฒิสภา แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรต้องมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ความเป็นจริงคือ การที่เราคิดว่าเมื่อประชาชนได้เรียนรู้และได้รับบทเรียนเรื่องการเลือกตั้งแล้ววันหนึ่ง ประชาชนก็จะเลือกแต่คนดีมีความสามารถเข้าสภาเป็นเพียงความเพ้อฝัน เป็นความเพ้อฝันที่ฝันกันมานานถึง 90 ปีแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริงได้ การมีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว และยังให้มีอำนาจมากมายขนาดนั้น เพราะเหตุผลว่าได้รับเลือกตั้งมา จึงเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเกินไป และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อประเทศชาติได้

หากไม่มีวุฒิสภา และไม่มีวุฒิสมาชิกประเภทสรรหา  กฎหมายนิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง ซึ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรแบบฉลุยเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 1 พ.ย. 2556 ก็คงมีการประกาศใช้ไปแล้ว คนที่ต้องการกลับบ้านแบบไม่มีความผิดอาจได้กลับมาแล้ว แต่จะมีความวุ่นวายตามมาอย่างไรแค่ไหน ไม่มีใครทราบได้

เมื่อพูดถึงวุฒิสภา สมาชิกวุฒิภาชุดปัจจุบัน หากเราดูเป็นคนๆไป จะเห็นว่าวุฒิสมาชิกที่ได้รับเลือกเข้ามา ก็มีเป็นจำนวนมากที่เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ และมีความหวังดีต่อประเทศชาติไม่แพ้ใคร การไปกล่าวหาว่าวุฒิสมาชิกทั้งหมดเป็นพวกรับใช้เผด็จการ และเป็นคนไม่ดีเสียทั้งหมด จึงไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อวุฒิสภาชุดนี้

อย่างไรก็ตาม ยังคงอยากเชื่อว่า สิ่งที่ไอติมทำครั้งนี้ ก็เป็นความหวังดีต่อประเทศชาติอย่างจริงใจ แต่ก็มีข้อกังขาว่า เมื่อไอติมไปร่วมมือกับกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองดังกล่าวอย่างเหนียวแน่น จึงมีคำถามว่า ไอติมร่วมอยู่ในขบวนที่พยายามปฏิรูปแบบล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยหรือไม่ ซึ่งก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอดมาไม่เคยได้ยินไอติมให้สัมภาษณ์ตำหนิการกระทำที่เป็นการล่วงเกิน หยาบคาย และรุนแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของคนเหล่านี้แต่อย่างใดเลย

หากคำตอบคือใช่ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รทสช.' ปล่อยของต่อ 'ทำเยอะ-หวย' ชูผลงานโบว์แดงลุงตู่ทำสำเร็จ 

พรรครวมไทยสร้างชาติ ปล่อยทีเด็ดคลิปหาเสียงใหม่ล่าสุด  ชุด "ทำเยอะ" และ "หวย" ผ่านเพจของพรรคต่อจากคลิป"ไอติม"ที่สร้างความฮือฮามาแล้ว ชูผลงานลุงตู่ที่ทำสำเร็จ

รทสช. เปิดแคมเปญเด็ดชุด 'ไอติม' เทียบสวัสดิการรัฐลุงตู่ ถึงมือไม่ละลายเหมือนประชานิยมในอดีต

พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) เปิดแคมเปญใหม่ชื่อชุด “ไอติม” ภายใต้แนวคิด “มา 100 ได้ 100” โดยเป็นแคมเปญใหญ่ของพรรค ที่เปิดตัวต่อสาธารณชนผ่านเพจของพรรคในเวลา 13.00 น.วันนี้

แนะ ‘ก้าวไกล’ เลิกหมกมุ่น ม.112 มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพคนดีกว่า

อยากบอกพรรคก้าวไกลว่า หากต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีจริง อย่าได้หมกมุ่นอยู่กับการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

สอน 'เศรษฐา' ให้รู้จักคำว่า 'วิสัยทัศน์' ของจริง

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สำนักข่าวแห่งหนึ่งรายงานข่าวเกี่ยวกับการเข้าสู่การเมืองของคุณเศรษฐา ทวีสิน

เลวร้ายเกินจริง! เปิดข้อมูลอีกด้าน สวนซักฟอกฝ่ายค้าน

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตลอดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติที่ผ่านมาของฝ่ายค้าน มีเนื้อหาที่สามารถสรุปได้ 2 ข้อ ดังนี้