ลากไส้กันนัวเนีย! 'ตั้ง อาชีวะ' โต้ 'ศิลป์ชัย' เปล่าชวนเที่ยวซ่อง ตอกกลับมั่วนิ่มขนาดชักโครกยังลืมกด

25 เม.ย.2566- ตั้งอาชีวะ หรือนายเอกภพ เหลือรา ผู้ลี้ภัยคดี ม.112 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โพสต์เฟซบุ๊ก Eakapop Luara ว่าด้วยเรื่อง อ.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ ศาสนวิทยา dr.Sinchai Chaojaroenrat โดยระบุว่า ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความยินดีด้วยที่ตอนนี้ได้รับรองสถานะเป็นผู้ลี้ภัยจากรัฐบาลNZโดยสมบูรณ์แล้ว(อันที่จริงผมทราบมาพักใหญ่แล้วแหละ)

เอาหล่ะครับเข้าเรื่องกันเลย ตามจากโพสต์ของอาจารย์แกเลยนะครับไล่ๆ ตามบรรทัดที่เขาเขียน

เรื่องแรก เรื่องที่"สาวน่านเสียชีวิต" อันนี้ผมรู้อยู่แล้วว่าข่าวไม่จริง พร้อมเตือน อ. แกไปหลายครั้งอยู่ แต่เหมือนเขาจะไม่ฟัง สุดท้ายก็แบบที่เห็นครับ โดนหลอกกันเพียบเลย

ที่อาจารย์ศิลป์ชัยแกโพสต์ว่า

"ส่วนคุณตั้ง อาชีวะนั้น ติดต่อมาทางเมสเซนเจอร์และทางไลน์ และได้พูดคุยกันมากเสียจนกระทั่งจากที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยกลายเป็นสนิทมาก ๆ (ขอย้ำว่าผู้เขียนรู้สึกสนิทสนมมากๆ)"

อันนี้ผมทราบอยุ่แล้วว่าแกไปทางยุโรปช่วงปี2019 ซึ่งปกติผมจะชอบโทรไปหาผู้ลี้ภัยที่ฝรั่งเศสอยู่แล้ว ก็เลยได้มีโอกาสคุยกับแก คุยไปคุยมาแกบอกว่า แกไม่ชอบอากาศหนาว ผมก็เลยส่งข้อความไปหาแกว่าที่นิวซีแลนด์ไม่ได้หนาวมาก มาทางนี้ไหมครับ และก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้คุยกันมากขึ้นและนำไปสู่ให้แกเดินทางมาNZครับ

ท่อนที่อาจารย์เขาบอกว่า

"คุณตั้งยังบอกอีกว่า พวกผู้ลี้ภัยที่ฝรั่งเศสช่วยอะไรผู้เขียนไม่ได้ เพราะงานก็ยังไม่มีทำกัน ไม่เหมือนเขาที่ตั้งตัวได้แล้ว และฝันอยากมีธุรกิจส่วนตัว ก็อยากให้อาจารย์มาเป็นเหมือนพ่อของครอบครัวเขา และมาเป็นคุณตาให้กับลูกเขา ภรรยาก็กำลังตั้งครรภ์ลูกอีกคน และเขาพร้อมจะดูแลอาจารย์ให้มาอยู่แบบผู้เกษียณไปจนตาย"

อันนี้ผมพูดจริงเพราะในช่วงเวลานั้นประมาณปี2019ผู้ลี้ภัยที่ฝรั่งเศษสบางคนยังไม่ได้สถานะ ยังทำงานไม่ได้ และผมก็เชิญให้แกมาอยู่NZจริง เพราะสงสารแกที่แกแพ้ความหนาว อีกอย่างผมไม่เคยเรียกแกว่าพ่อ ส่วนมากเรื่องว่า"จารย์"มากกว่า

อาจารย์แกบอกว่ามีนายตำรวจระดับสูงที่คอยแอบช่วยเหลือผู้ลี้ภัย และรู้จักกับผมเป็นอย่างดี

ตอบครับอันนี้ผมไม่รู้ว่าแกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตอนผมลี้ภัยเข้าเขมรก็ออกมาแค่ 2 คนกับแฟนครับ

ส่วนเรื่องที่แกอ้างว่าจะโดนอายัดบัญชี โดนยึดทรัพย์นั่นตามที่แกโพสต์ว่า

"วันรุ่งขึ้นเล่าให้คุณตั้งฟัง คุณตั้งบอกว่าเขามีวิธีแก้ โดยให้โอนเงินไปเข้าบัญชีลูกน้องเขาที่ไทย แล้วเขาก็จะโอนมาเข้าบัญชีคุณตั้งที่นิวซีแลนด์ แล้วเขาจะเบิกเงินสดออกมาให้ แล้วให้ผู้เขียนซื้อตู้เซฟมาไว้เก็บเงินสดที่บ้านเขา ผู้เขียนก็เริ่มทำโดยตั้งใจจะค่อย ๆ ทยอยโอนทีละก้อน และคอยฟังข่าวจากคุณตำรวจลับที่คอยช่วยเหลืออยู่ไปด้วย

อันที่จริงผมไม่มีลูกน้องในไทย และอาจารย์แกเองนั่นแหละที่ไปเจออะไรมาแล้วกลัวไปเองในหลายๆเรื่อง ถ้าจำไม่ผิดเรื่องที่แกอ้างว่าแกจะโดนยึดทรัพย์ มันเกิดขึ้นช่วงที่แกใกล้จะออกไปจากบ้านผมแล้ว และผมก็ติดต่อพี่คนนึงที่เคยมาเที่ยวหาผมที่ NZ เพราะเขามีบัญชีธนาคารที่นี่ ซึ่งอาจารย์แกก็คงบอกให้ลูกศิษย์แกจัดการเรื่องนี้

ท่อนนี้

"ตอนอยู่กับคุณตั้งช่วงแรกผู้เขียนรู้สึกสนิทกับคุณตั้งมาก ๆ เขาน่ารัก พูดเพราะ เรียกผู้เขียนว่าพ่อ กราบลงกับพื้นบ่อย ผู้เขียนก็ให้ใจหมด เปิดใจหมด เราต่างคนต่างเล่าอะไรให้ฟังกันสารพัด เขาก็เล่าเรื่องสมัยที่เขาเป็นเสื้อแดง ขึ้นปราศรัยบนเวทีเสื้อแดง เขาพูดหมิ่นสถาบันฯยังไง แล้วโดนคดี 112 เพราะไปด่าในหลวง (ร.9) อย่างหยาบคายบนเวทีเสื้อแดงยังไง"

ผมไม่เคยเรียกแกว่าพ่อ ส่วนมากจะเรียกว่า "จารย์"มากกว่า ส่วนการกราบที่เท้า คือการล้อเลียนเจ้าที่ต้องคลานเข้าไปเพื่อเข้าเฝ้าครับ แต่อาจารย์แกก็ชอบนะ พร้อมขำแหะๆ

ท่อนที่บอกว่า

คุณตั้งยังเล่าให้ฟังเพิ่มเติมภายหลังอีกว่า สมาชิกหญิงของวงไฟเย็น ไม่ได้รู้เรื่องการเมืองอะไร แต่เอาอวัยวะเพศเข้าแลกเพื่อให้ได้เข้าสู้วงการผู้ลี้ภัย)

อันนี้ผมไม่ได้พูดครับ แต่ผมบอกแกไปว่า มีสมาชิกวงไฟเย็นหญิง 1 คน เป็นแฟนกับหนึ่งในสมาชิกวงไฟเย็น(ในขณะนั้น) พร้อมบอกว่า เขาอาจจะไม่รู้ลึกเท่าสายการเมืองโดยตรง แต่เขาก็สู้เต็มที่

ท่อนนี้ที่อาจารย์แกโพสต์ว่า เรื่องกล้องวงจรปิด คือบ้านหลังนั้นผมติดกล้องวงจรปิดตั้งปี 2017 นอกบ้านและในบ้าน บริเวณในบ้านพึ่งมาติดช่วงปลายปี 2018 เพราะเป็นบ้านสองชั้น และที่บ้านผมมีเด็ก เอาไว้ดูว่าลูกๆไปเล่นกันตรงไหน แต่ไม่ได้ติดในห้องน้ำ และเอาไว้ดูว่า Workshop ยังอยู่ดีหรือไม่ เวลาออกไปรับของที่ท่าเรือ กล้องมีการจับความเคลื่อนไหวของสิ่งของได้มันจะเด้งเข้ามาที่มือถือ ซึ่งกล้องวงจรติดก่อนที่อาจารย์แกจะมาอยู่กับผมครับ (แกมา 2019 ปลายปี)

ท่อนที่แกบอกว่า

"ตอนคุณตั้งเล่าว่า ตอนมาอยู่นิวซีแลนด์ใหม่ ๆ ไปเห็นคนไทยทำป้ายนิทรรศการเทิดพระเกียรติในหลวง ก็เลยแอบไปทำลายป้ายนิทรรศการดังกล่าว "

อันนี้ไม่เป็นความจริงครับ ถ้าผมทำจริงๆเหล่าคนรักสถาบันสามารถแจ้งความเรื่องทำลายทรัพย์สินได้ เพราะส่วนมากกิจกรรมแบบนี้จะจัดตามสถานทูต วัดไทย หรือบ้านประธานชุมชนคนไทย ซึ่งไม่เป็นความจริงครับ ผมเป็นคนที่ห่างจากสถานที่แบบนั้นมากๆ เพราะตัวเองลี้ภัยจากรัฐไทย ถ้าผมไปทำแบบนั้น ผมโดนแจ้งความไปแล้ว หรือไม่ก็เป็นข่าวออกมาให้เห็นกัน

เรื่องนี้สำคัญเพราะไม่รู้ว่าแกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน แต่แกอ้างว่าว่าผมพูด ท่อนที่แกเขียนว่า

"หรือคุณตั้งเล่าว่า ตอนที่หลบหนีคดี 112 จากไทยไปเขมรใหม่ ๆ ก็ไปอยู่รวมกับกลุ่มเสื้อแดงที่ลี้ภัยที่ลี้ภัยไปด้วยกัน แล้วแกนนำกลุ่มมาบอกว่า ทางกลุ่มจะช่วยฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีเขมร ด้วยการทำลายการประท้วงของพวกนักศึกษาเขมรที่มาประท้วงฮุนเซนเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วก็ขอให้คุณตั้งเป็นผู้ทำระเบิด เนื่องจากคุณตั้งเป็นคนสายอาชีวะ และมีความสามารถในการทำระเบิดเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว ซึ่งคุณตั้งก็ดำเนินการให้ ส่วนคนเอาไปใช้ก็เป็นอีกกลุ่ม "

ตอบเลยนะครับ ผมปลีกตัวเองออกจากบ้านที่ลี้ภัยกันเป็นกลุ่มออกมาอยู่กับแฟนสองคน และการทำระเบิดอะไรนั่น รวมถึงการทำลายการประท้วงของนักศึกษาที่กัมพูชานั้น ไม่เป็นความจริงครับ เพราะมันเข้าข่ายคดีอาญาสากล ผิดคุณสมบัติผู้ขอลี้ภัยชัดเจน และองค์การสหประชาชาติที่นั้นเขาก็เฝ้าจับตาผมกับแฟนอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงครับอาจารย์แกมั่ว

ส่วนเรื่องการใช้ให้เด็กช่างไปพ่นสเปรย์อาจารย์แกไปเอามาจากไหน อันนี้มั่วครับ ถึงถ้าจะทำจริงๆในตอนนั้น คงไม่มีใครทำให้แน่นอนเพราะเสี่ยงด้วย งงอยุ่แกเอาเรื่องนี้มาพูดได้ยังไง??

ท่อนนี้ที่แกบอกว่า

"แต่คุณตั้งเล่าว่า เขาพาแฟนจากไทยมาอยู่ด้วย และไม่อยากให้รอนาน กลัวจะเบื่อ เขาเลยเผาค่ายที่พักจนเกิดการโกลาหลกันใหญ่ รวมทั้งยังขโมยรถของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติไปใช้ แต่ผลที่เขาได้รับคือ เจ้าหน้าที่สหประชาชาติดังกล่าวทนเขาไม่ไหว เลยเร่งทำเรื่องให้เขากับแฟนได้เดินทางไปประเทศที่สามก่อนคนอื่น ๆ"

อันนี้ขอตอบเลยครับว่า ที่กัมพูชาไม่มีค่ายผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ซึ่งในทางปฏิบัติมันทำไม่ได้อยู่แล้ว และผิดกฎหมายร้ายแรงด้วย ส่วนเรื่องขโมยรถของเจ้าหน้าที่ UN ถ้าผมทำจริงๆ ผมติดคุกอยู่กัมพูชาแน่นอนครับ รวมถึงไม่ได้สถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองด้วยเพราะคุณสมบัติไม่ผ่าน

ท่อนที่อาจารย์แกบอกว่า

"ตั้งอาชีวะ มีความอำมหิตสูง มีทักษะการใช้ความรุนแรงสูง ถ้าลองจะเป็นศัตรูกับใครก็พร้อมจะทำความเสียหายได้ทุกอย่าง ตรงนี้ก็ทำให้ผู้เขียนลึก ๆ ก็อดกลัวเขาไม่ได้ ภรรยาเขาซึ่งตอนแรกที่ยังรักนับถือกับผู้เขียนดีอยู่ก็บอก “อาจารย์ระวัง ตั้งมันเป็นคนรุนแรง ขนาดตอนที่เธอทำอะไรไม่ถูกใจ เขายังโกรธจนถึงกับจะขับรถพุ่งชนต้นไม้ นี่ยังกลัว มันบอกมันอยากชกหน้าอาจารย์”

เรื่องความรุนแรงตัดไปได้เลย อันนี้ผมงงไปเอามาจากไหน เพราะความรุนแรงในครอบครัวที่ NZ เขาไม่ยอมรับอยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าแกจำสลับกับที่ผมเป็นคนแรงๆหรือเปล่า เช่นด่าแสบๆ เล่นสลิ่ม หรือคำปราศรัยในอดีตที่เป็นชนวนให้ผมโดน 112 ส่วนขับรถชนต้นไม้อันนี้ไม่ทราบว่าแกเขียนมันมาได้อย่างไร รวมถึงการชกต่อยด้วย

ท่อนที่แกบอกว่า

"เรื่องหนังสือรับรองการลี้ภัย คุณตั้งบอกว่าปกติเขาจะคิดสองแสน (อันนี้เดาว่าคงหมายถึงสองแสนบาท) ผู้เขียนตอบตัวเองในใจว่า เราสู้ไม่ไหว และยิ่งอยู่นานก็จะยิ่งเป็นการรบกวนคุณตั้ง รู้สึกเกรงใจ "

อันนี้ขอตอบครับ ผมไม่เคยเรียกเงินใครจากการทำหนังสือรับรอง แกน่าจะไปจำสลับหรือจำผิดกับเคสของนาย "วินัย บุญส่ง" ที่เขาจะจ้างผมให้ออกหนังสือรับรองการลี้ภัยให้เขา เพราะเขาหนีคดีช่อโกงเชื้อพระวงศ์ที่ไทยมาอยู่นิวซีแลนด์ ส่วนเรื่องหนังสือรับรองจากหลายๆคน อาจารย์แกก็โชว์ให้ผมดู ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเองสารเหล่านั้น และไม่เคยกล่าวพาดพิงผู้ใหญ่ที่ลี้อยู่ที่นู้นด้วยครับ

ส่วนเรื่องความสะอาดอาจารย์แกมีปัญหาจริงๆครับ ในส่วนของเรื่องเงินหรือเรื่องการช่วยกันขั้นพื้นฐานมันต้องพูดถึงกันอยู่แล้ว เช่นการหาของกินมาเติมเข้าตู้เย็น ค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องถามไถ่และคุยกัน

เรื่องตำรวจปริศนา ที่แกบอกว่า

"แต่ปรากฏว่าคืนนั้น คุณตำรวจลับคนเดิมที่หายไปพักนึง ติดต่อแชทมาหากลางดึก บอกว่า ได้ข่าวมาว่าจะแยกออกจากคุณตั้ง ขอให้เปลี่ยนใจ อย่าแยกออกไป คุณตั้งเป็นคนเดียวที่สามารถปกป้องได้ เขามีความสามารถสูงเป็นที่ประจักษ์"

ผมไม่รู้จริงๆว่าตำรวจอันนี้คือใคร เกี่ยวข้องกับแก๊งค์ที่ร่วมกันหลอกอาจารย์แกหรือไม่ เพราะทุกๆครั้งที่อาจารย์แกอยู่กับผม แกมักจะพูดเรื่องหลานสาวของก้อยที่คุยอยู่กันเป็นประจำอยู่เสมอ ซึ่งถ้าทีมทางที่หลอกแกจะรู้เรื่องก็ไม่แปลก เพราะทีมที่หลอกแกก็แอดเฟสมาเนียนคุยหลอกถามนู่นนี่นั่นเช่นกัน.

มีหลายเรื่องครับที่ทำให้ผมกับแกอยู่ร่วมกันไม่ได้ มีเรื่องนึงถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่จะให้แกออกไปก็คือ อาจารย์แกแอบเอาที่อยู่ของผมไปทำธุรกรรม ส่งพัสดุเอกสารบางอย่างจากที่ไทยมายังที่อยู่ของผม ซึ่งทำให้ผมกับแฟนไม่พอใจมากๆ เพราะปกติที่อยู่ของผมจะไม่เคยรั่วไปไหนเลย แม้แต่คนไทยที่มาเที่ยวหาผม ก็จะรับรู้ที่อยู่ของผมตอนมาเที่ยวที่ NZ แล้วเท่านั้น ซึ่งสถานะผมกับแฟนคือลี้หลีกภัยจากรัฐไทย การทำธุรกรรมใดๆจากทางการไทยเป็นไปได้เลยครับ และก็เป็นชนวนที่ผมกับแฟนต้องรีบย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นหลังจากที่จารย์แกออกไปไม่กี่เดือน เพื่อความปลอดภัย

ส่วนเปียโนของแก แกตั้งใจจะทิ้งเอาไว้ที่บ้านผมเอง คือแกไม่เอาไปนั่นแหละ เพราะอาจารย์แกบอกว่า บ้านที่แกไปอยู่หลังใหม่ที่ไม่พอ สุดท้ายแกก็ไม่มาเอาครับ 4 ปีแล้ว

ส่วนที่แกบอกว่าอยู่บ้านผมหมดไปสามสี่หมื่นบาทเอาจริงๆก็ไม่ได้เยอะนะครับถ้าเทียบกับรายจ่าย ส่วนเงินที่ผมจะไปกดเป็นเงินสดออกมาให้แกเก็บไว้ที่แกให้คนที่ไทยโอนมา จารย์แกบอกเองว่า ไหนๆผมจะไม่อยู่แล้ว เก็บเงินส่วนนี้เอาไว้ให้เด็กๆกินขนม

ส่วนเรื่องที่อาจารย์แกอ้างว่าผมไปทำลายโอกาสในเรื่องการขอลี้ภัยนั้น ไม่เป็นความจริงครับ เพราะเรื่องลี้ภัยผมช่วยแกเต็มที่มากๆ ติดต่อพวกแวดวงการเมืองให้แก เป็นธุระขับรถไปส่งให้ในการต่อเรื่องเอกสาร รวมถึงแนะนำว่าให้ติดต่อทางไหน ใช้เอกสารอะไรเพิ่ม รวมถึงพวกหลักฐานที่แกอ้างว่ามีคนส่งมาเรื่องคุกคามด้วย(แต่ผมก็บอกไปตรงๆเหมือนหลักฐานมันอ่อน) แต่ในที่สุดจารย์แกก็ลี้ภัยได้ครับ ขอแสดงความยินดีด้วย

แต่มีเคสเดียวเท่านั้นที่เขามาขอความช่วยเหลือผมในเรื่องลี้ภัย และเหมือนจะจ้างวานให้ผมเขียนหนังสือรับรองให้ก็คือเคสของ นายวินัย บุญส่ง ที่โดนผมปฏิเสธ ไม่ทำให้แล้วด่ากลับด้วย

ส่วนเรื่องภรรยาของอาจารย์ศิลป์ชัย ผมส่งข้อความไปหาเขาว่าตอนนี้อาจารย์แกปลอดภัยดีที่ข้อความหลังไมค์ตั้งแต่ช่วงที่แกมา ตามคำแนะนำของคนที่ชื่อแวว ซึ่งมารู้ภายหลังก็คือ ทีม io ที่มาหลอกอาจารย์นั่นเอง แต่ก็งงพวกเขาไปหาข้อมูลได้ลึกขนาดนั้นได้อย่างไร.

ท่อนที่แกบอกว่า

"คุณตั้งเองยังเคยชวนผู้เขียนหลายครั้งว่าไปเที่ยวสถานบริการทางเพศไหม ที่นิวเป็นเรื่องถูกกฎหมายด้วย ผู้เขียนก็ปฏิเสธทุกครั้ง (ภรรยาคุณตั้งตอนที่ยังนับถือผู้เขียนอยู่ได้เล่าให้ฟังว่า คุณตั้งบังคับเธออย่างไร ผู้เขียนก็ขออนุญาตไม่เล่าแล้วกัน)"

ผมเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่มีทางแน่นอน แต่ตอนนั้นเป็นอาจารย์แกชอบโพสต์อะไรๆที่มันเปิดโลกบ่อยๆ ก็เลยชวนแกไปเผื่อแกได้ไอเดียอะไรเอาไปลงในเฟสของแกเอง ในส่วนของที่แกบอกว่า ผมไปบังคับภรรยาของผม อันนี้คืออะไรครับ งง? มีแต่ทางฝั่งภรรยาบังคับเรื่องการใช้เงินมากกว่า55

ก็ทั้งหมดก็สรุปเพียงเท่านี้ครับ ในมุมของผมที่มาโต้แย้งกลับในประเด็นที่แกออกความเห็น ซึ่งถ้าผมเป็นแบบที่อาจารย์แกบอกมาจริงๆในเรื่องของความรุนแรง เรื่องระเบิด เรื่องเผาสถานที่ของสหประชาชาติ ผมคงลี้ภัยไม่ได้แน่นอน คงติดคุกหัวโตอยู่ที่กัมพูชา ผมก็ไม่รู้นะครับว่า อาจารย์แกไปฟังใครมา หรือ มองว่าผมเป็นเด็กอาชีวะแล้วดูรุนแรง? ส่วนหน่วยข่าวกรองของ UN และรัฐบาล NZ เขาก็ต้องสืบแหละก่อนที่จะให้สถานะลี้ภัยกับใคร แต่สิ่งที่อาจารย์แกโพสนี่ "ผมเข้าข่ายเป็นผู้ก่อกๅรร้าย" เลยนะ อาจจะเป็นเพราะลุกค์ผมดูแรงๆ พูดจากแบบทีเล่นทีจริงกวนๆ ภาษาหยาบๆ ผมเลยดูเป็นคนรุนแรงสูงมั้ง

ถ้าแกอ้างว่าแกเป็นโรคความจำเสื่อมจำเรื่องนู่นเรื่องนี้ไม่ค่อยได้ แล้วโพสต์ใส่ผมแบบนี้ก็คงไม่ว่ากัน(ขนาดชักโครกแกยังลืมกดเลย)

แม้ตอนนี้แกจะออกไปจากชีวิตผมแล้ว4ปี ช่วงเวลาที่ดีๆก็มี และช่วงเวลาที่ไม่ดีก็เยอะ สุดท้ายนี้ผมก็ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์แกได้สถานะเป็นผู้ลี้ภัยโดยสมบูรณ์ครับ

อ้อจารย์ตอนนี้ภรรยาผมกำลังตั้งท้องลูกคนที่4แล้วนะครับ555

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทราย เจริญปุระ' ตีแผ่บทโสเภณี ใน 'นะ หน้าทอง' สะท้อนมุมมืดสังคม

หากให้พูดถึงหนึ่งในตัวดำเนินเรื่อง ในภาพยนตร์ "นะ หน้าทอง" คงต้องเป็นบทของ "เจ๊พร" ที่แสดงโดย "ทราย เจริญปุระ" ที่เป็นคนนำเทรนด์ทำนะหน้าทองดึงดูดลูกค้า และบอกต่อ "เอม" ที่แสดงโดยเน็ตไอดอลสาว "มิ้วกี้ ไปรยา" นางเอกของเรื่อง

'ศิลป์ชัย' ประณามพรรคหนุน 'ตั้ง อาชีวะ' จะนำประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยโจร

ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ แนวร่วมขบวนการผู้ลี้ภัยหนีคดีไปต่างประเทศ โพสต์ข้อความว่า ผู้เขียนไม่เคยต้องทำแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่ครั้งนี้ถือว่าต้องสู้เพื่อชาติจริงๆ ถือว่ายอมตายเพื่อชาติไทย

'ดร.สุวินัย' ชี้คำสารภาพบาปของ 'ศิลป์ชัย' ถูกหลอกใช้ ปล่อยข่าวปลอมเพื่อใส่ร้ายบ่อนทำลายสถาบัน

ศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก หัวข้อ คำสารภาพบาปของ ศิลป์ชัย นักศาสนวิทยาคนนั้น

'ศิลป์ชัย' โผล่ อ้างนิวซีแลนด์รับเป็นผู้ลี้ภัยแล้ว ยันตอนอยู่กับ 'ตั้งอาชีวะ' ช่วยตัวเองจริง แต่ไม่ได้ทำทั่วบ้าน

เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ศาสนวิทยา dr.Sinchai Chaojaroenrat' ของ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ จอมแต่งเรื่องจนพวกเดียวกันยังเหนื่อยหน่าย ได้โพสต์ข้อความ

90 อาจารย์นิติฯ ออกแถลงการณ์ป้องผู้ต้องหาคดีม.112 ตำหนิศาลในการใช้อำนาจ เตือนจะเป็นปฏิปักษ์ปชช.

อาจารย์นิติศาสตร์ - เครือข่ายนักกฎหมาย ปกป้องผู้ต้องหาคดีม. 112 ออกแถลงการณ์ตำหนิศาล เรื่อง "ศาลต้องยึดมั่นหลักสันนิษฐานว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์"

'จักรภพ เพ็ญแข' แชร์ 6 ประสบการณ์จากการติดโควิด วางแผนไว้ว่าถ้าจู่ๆตายไปจะฝากอะไรไว้ให้ใครบ้าง

ถือโอกาสทำสิ่งที่ตั้งใจจะทำเสียเลยในตอนนี้ กรณีผมคือวางแผนไว้ว่าถ้าจู่ ๆ ตายไปจะฝากอะไรไว้ให้ใครบ้าง ผมไม่ได้ตั้งใจจะตายหรือป่วยหนัก แต่โรคนี้ทำให้ผมเกิดมรณานุสติและคิดถึงคนข้างหลังเรามากขึ้น