พท. โดนอีก! ร้องผู้ตรวจฯ ชงศาล รธน. ชี้ขาดปม 'แจกเงินดิจิทัล-ถมทะเล'

‘สนธิญา’ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งศาล รธน. วินิจฉัยนโยบายหาเสียงเพื่อไทย ‘แจกเงินดิจิทัล- ถมทะเล’ ขัดรัฐธรรมนูญ มีสิทธิ์ถูกยุบพรรค จ่อบี้ ป.ป.ช. ฟัน 171 ส.ส. โดดประชุมต้นเหตุสภาล่ม

28 เม.ย. 2566 – เมื่อเวลา​ 10.30 น.​ ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายอาจณรงค์ พุ่มงาม ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกลาง ขอให้พิจารณาและมีความเห็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ก. (2) (3) หรือไม่

นายสนธิญา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2565 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายหาเสียง 10 ข้อ ในจำนวนนั้น มีการประกาศนโยบายเรื่องการถมทะเลจากกรุงเทพมหานคร ไปยังจังหวัดสมุทรปราการ และสมุทรสาคร ซึ่งตนเป็นคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องการถมทะเลของสมุทรสาคร พบว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงในการดำเนินโครงการต่างๆ จึงเชื่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายนี้ ยังไม่ได้มีการศึกษาเรื่องความคุ้มค่าในการดำเนินโยบาย ผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการดำเนินนโยบาย

ขณะเดียวกัน ยังได้ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทย 55 ล้านคน โดยระบุใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 20% ของจำนวนงบประมาณแผ่นดิน ขณะเดียวกันก็พบว่า เมื่อปี 2554 สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร​ เป็นรัฐบาล ได้ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวและเกิดความเสียหายเป็นเงินกว่า 8.84 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน การจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ต้องมีการกันเงินราวๆ 3.5 หมื่นล้านบาท ไปจ่ายให้กับธนาคารเพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการดังกล่าว ซึ่งต้องจ่ายต่อเนื่องไปถึงปี 2577 จึงเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินโรงการกระเป๋าเงินดิจิทัล และเกรงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยโครงการจำนำข้าว

“ผมไม่เชื่อมั่นการทำงานของ กกต. เพราะ กกต. ก็ไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า นโยบายเหล่านี้ของพรรคการเมือง มีการจัดทำเรื่องความคุ้มค่า ความเสี่ยง ที่มาของงบฯ เป็นอย่างไร ขณะที่พรรคการเมืองเอง เมื่อประกาศนโยบายแล้วก็ไม่มีการให้รายละเอียดเรื่องนี้ต่อประชาชนอย่างชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักในการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ก. (2) ที่กำหนดให้การดำเนินการของพรรคการเมืองต้องเปิดเผย ตรวจสอบได้ และต้องมีกลไกที่กำหนดความรับผิดชอบของพรรคการเมืองในการประกาสนโยบายที่ได้มีการวิเคราะห์ ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน จึงควรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย” นายสนธิญา ระบุ

ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะไปเข้าลักษณะตามมาตรา 21 มาตรา 22 พระราชบัญญัติ​ประกอบ​รัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดให้กรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ควบคุม ดูแลรับผิดชอบการดำเนินกิจกรรม และการดำเนินนโยบายของพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด เมื่อกรรมการบริหารพรรคไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ก็จะถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ตามมาตรา 92 ของกฎหมายเดียวกัน

นายสนธิญา ยังกล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าจะไปทวงถามต่อคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่เคยยื่นขอให้มีการตรวจสอบ ส.ส. ที่ไม่เข้าประชุมสภาช่วงปี 2564 -2565 จำนวน 17 ครั้ง จนเป็นเหตุให้สภาล่ม เนื่องจากขณะนี้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งข้อมูล ส.ส. ที่ไม่เข้าร่วมประชุมในช่วงเวลาดังกล่าว มาให้ตนตามที่ยื่นหนังสือขอไว้ พบว่ามีถึง 171 คน ซึ่งตนเห็นว่าการไม่เข้าร่วมประชุมถือว่า เข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นความผิดที่ ป.ป.ช. ควรเร่งดำเนินการสอบสวนและชี้มูลเอาผิด เพราะทั้ง 171 คน ยังลงสมัคร ส.ส. หาก ป.ป.ช.ล่าช้า ตนจะไปร้องต่อศาลปกครอง เพราะถ้าคนเหล่านี้ได้กลับเข้ามาเป็น ส.ส. ก็จะส่งผลเสียต่อการมาทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ นำรมต.พรรคร่วม ยืนเรียงแถว แถลงครม.เห็นชอบหลักการดิจิทัลวอลเล็ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นำแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย , นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน

'เทพไท' ผสมโรง! เอกสาร 'บิ๊กโจ๊ก' ประจาน ระบอบทักษิณ-ยุคคสช. องค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช กองเชียร์พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากระบอบทักษิณ ถึงยุค คสช. องค์กรอิสร