'เอ็ดดี้' เปิดบทสนทนา 'อ.ป้อม' ตอนช้างศึก นี่ไม่ใช่จุดสุดท้ายสิ้นสุด เตือนม้าไม้ส้มเมืองทรอย

เรื่องที่ลุงแพ้ หรือเราแพ้ ไม่ได้ทำให้ท้อแท้อะไรครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาในการแข่งขัน แต่ที่รู้สึกหมดแรงคือ เรื่องที่คนไทยถูกหลอกให้หลงผิดเป็นชอบ มีเยอะจริงๆ ครับ เหมือนเรื่อง ม้าไม้เมืองทรอย ที่ชาวบ้านตื่นเต้น ดีใจ และช่วยกันลากม้าไม้เข้าเมือง สุดท้ายเมืองแตก

16 พ.ค.2566- อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ สนทนาประสาอาจารย์ป้อม (รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง) ตอน ข้างศึก มีรายละเอียดดังนี้

อ.ป้อม คงเป็นห่วง เลยส่งข้อความความเป็นห่วงเป็นใยมาว่า…

อย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะคะ นักรบต้องไม่ท้อนะคะ

พวกเราทำดีที่สุดแล้วค่ะ คุณเอ็ดดี้ช่วยเยอะมากๆครั้งนี้ ป้อมเชื่อว่ามีบางอย่างที่เกมเค้าวางหมากไว้ก่อนแล้ว ด้วยการใช้สื่อ ระบบ IO /IT และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ด้วยความล้ำสมัย

..เชื่อว่า นี่ไม่ใช่จุดสุดท้ายสิ้นสุดนะคะ

แต่..เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะปลุกสติคนไทยหลายๆ คน ว่าที่ผ่านมา เราอาจปล่อยปละละเลยลูกหลานมากเกินไป ทำให้ต้องกลับมาทบทวนไตร่ตรองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าจากนี้ไปต้องร่วมมือกัน ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ที่จะต้องสู้กับกระบวนการแทรกแซงจากต่างชาติอย่างจริงจัง และช่วยกันยืนหยัดใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง เพื่อกันไม่ให้คนไม่ดีขึ้นมามีอำนาจค่ะ

ผมตอบว่า….

เรื่องที่ลุงแพ้ หรือเราแพ้ ไม่ได้ทำให้ท้อแท้อะไรครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาในการแข่งขัน แต่ที่รู้สึกหมดแรงคือ เรื่องที่คนไทยถูกหลอกให้หลงผิดเป็นชอบ มีเยอะจริงๆ ครับ

เหมือนเรื่อง ม้าไม้เมืองทรอย ที่ชาวบ้านตื่นเต้น ดีใจ และช่วยกันลากม้าไม้เข้าเมือง สุดท้ายเมืองแตก

เมื่อคืนยอมรับ ว่า งงไปเลยครับ พยายามข่มใจให้นิ่งอยู่ทั้งคืน แต่เช้านี้โอเคแล้วครับ มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับ กับเรื่องผิดหวัง เกิดขึ้นได้ แต่ผมจะได้สติไวและหายไวครับ

อ.ป้อมมองโลกในแง่ดี มีมุมมองและทัศนคติที่ดีเยี่ยมมากครับ

อ.ป้อม ตอบมาว่า…

ค่ะ อาจเพราะป้อมอยู่ในโลกของมหาวิทยาลัย อยู่กับเยาวชนและอาจารย์รุ่นใหม่ ในรั้วมหาวิทยาลัยมันเกิดสิ่งนี้ขึ้นมาแล้ว และได้สัมผัสกับความรู้สึกที่คาดไม่ถึงแบบนี้มาแล้วเมื่อครั้งสรรหาอธิการบดีและคณบดี เมื่อปีที่ผ่านมา
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นยาขมที่ดี ให้แก่คนไทยหลายๆคนค่ะ ที่จะได้เรียนรู้

วันนี้หน้าที่ของผู้ที่จะต้องออกรบ คือ คนที่ยื่นฟ้อง ตรวจสอบคุณสมบัติ แกนนำพรรคการเมือง ที่จะมาเป็นว่าที่รัฐมนตรีและ สส.ทุกคน ว่ามีคุณสมบัติ ผ่านหรือไม่

เราไม่ได้เกเร แต่ไม่ใช่แค่ได้คะแนนมาก จะมาเป็นผู้นำประเทศได้ง่ายๆ

ป้อมเห็นคนเชียงใหม่ ลำปาง ผิดหวังกันมากกกกก เพราะเค้ามั่นใจในเสื้อแดงฐานเก่า และคิดไม่ถึงว่า สีส้มมาคลุมหมด เค้าคุยกันแบบไม่เชื่อค่ะ

ที่สำคัญ ฐานเสียงเดิม บอกว่า พวกรายชื่อสีที่มาใหม่หน้าใหม่ทั้งนั้น ได้มาเพราะพรรค ไม่มีบารมีพอที่จะมาทำงานจริงๆให้คนในชุมชนได้หรอก เพราะคนที่อยู่ในหมู่บ้านเค้าเคารพนับถือกันมานาน

แล้วเด็กๆ ที่ได้มาเพราะกระแส การเมืองวันรุ่นที่เทให้กับพรรค ไม่เคยทำงานจริง ไม่ใช่คนที่เป็นที่เคารพนับถือของคนในชุมชน เชื่อว่า…การมาเป็นตัวแทนชาวบ้านเพื่อทำงานกับชุมชน ไม่ใช่ขนมหวานแน่นนอน และจะกลายเป็นยาขมที่ค่อยๆสอนบทเรียนให้กลุ่มนักการเมืองน้องๆพวกนี้เองค่ะ

อีกเรื่องที่ เราเพิ่งได้ยินจากเสียงของ อาจารย์ จนท.ซึ่งเคยเป็นเหมือนฝั่งตรงข้ามทางสี เช่น เชียงใหม่ ลำปาง กลับมาเป็นมิตร ที่รู้ว่า หัวอกเดียวกัน จากการคาดไม่ถึง ของคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ คือ สิ่งที่พวกเค้าอยู่ในใจคือ เค้ารักและเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์ค่ะ

ถ้าเราเอาโอกาสในวิกฤติ มาจับมือ คนไทยรักสถาบัน ป้อมมองว่า มันทำให้เราได้ศัตรูมาเป็นมิตร เลยค่ะ
คนอื่นคงไม่เห็นแบบที่ป้อมเห็น อันนี้ทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาส อยู่ค่ะ

ผมพูดต่อว่า …

รัฐบาลที่จะมาหลังจากรัฐบาลส้ม คงต้องมาเก็บกวาด ใช้หนี้แทน ยิ่งกว่าที่ลุงต้องมาใช้หนี้แทนยิ่งลักษณ์อีกนะครับ
อ.ป้อมตอบกลับมาว่า…

ค่ะ ในคณะป้อม เป็นอย่างนี้เช่นกัน ทุกครั้งที่เราบริหาร เราก็ใช้หนี้ และเก็บเงินให้คณะมากมายหลายล้าน
พอสลับขั้ว ฝั่งตรงข้ามขึ้นมา ก็ถลุงใช้เงินแล้วสร้างหนี้

มันเป็นวัฏสงสาร แต่ทุกคนก็เห็นค่ะ

ผมพูดต่อว่า…

จะเห็นได้ว่า หนึ่งในปัญหาของเมืองไทย ก็คือประชาธิปไตยและระบบเลือกตั้งนี่แหละครับ

อ.ป้อม….

เพราะเราไปเอาระบบนี้เข้ามาเองค่ะ ประเทศต้นกำเนิด ยังเละเทะไปหมดเลยค่ะ

ป้อมเชื่อว่า วันนี้ยังมีการพูดคุยระหว่าง แกนนำในรัฐบาลได้ อย่าลืมว่า ทุกๆ สีก็คือคนไทยค่ะสำคัญที่ อย่าเพิ่งเปิดช่องให้คนนอก จากต่างชาติได้ใช้โอกาสนี้เข้ามาทำลายบ้านเรา ต้องยอมอ่อนบ้าง เพื่อก้มเข้าหากันนะคะ แดงที่รักชาติยังมีอยู่มากนะคะ

ถ้าเอาเรื่อง 112 การล้มระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหลักป้อมเชื่อว่า คนไทยในหลายพรรค หลายสี กังวลเรื่องนี้ค่ะ

คนไทย จริงๆรักสถาบันพระมหากษัตริย์ มากมาย แต่คะแนนและสีที่ขึ้นมาเป็นสีเดียว เพราะเค้ามุ่งมั่น ไม่ไขว้เขวในแนวทางที่ชัดเจนตั้งแต่แรก

แต่เราเอง ที่กระจัดกระจาย ไม่มีแผนรวม ต่างหาเสียงกระจาย แม้กระทั่งไปหาเสียงทับพื้นที่ กลุ่มแนวคิดเดียวกัน ไม่มีแกนนำกล้าบุกลุยไปเรียกคะแนนในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ปล่อยเค้ารุกไปทั่วประเทศ

แกนนำโพสต์ประชดประชันกัน คนจะลงคะแนนก็สับสนกระจัดกระจาย ผลก็ออกมาเช่นนี้ค่ะ

หลายคนอยากเห็นการปกครองแบบเด็ดขาด แบบสีจิ้นผิง

อย่าลืมว่า ถ้าผู้นำดี ถึงจะเผด็จการ ก็นำประชาชนไปในทางที่เจริญ

แต่ถ้าผู้นำไม่ดี จะประชาธิปไตยขนาดไหน ก็เสียเอกราชได้ค่ะ

สุภาษิตที่เหมาะกับคนไทย คือ

ยามศึกเราช่วยกันรบ ยามสงบเราค่อยกัดกันเอง

เปิดใจ คุยกันกับพวกแกนนำสีต่างๆ แล้วจับมือกัน เพราะถ้าบ้านไม่มีเหลือแล้ว จะอยู่กันที่ไหน
อันนี้เป็นแค่ความคิดป้อม แต่ผู้ใหญ่ จะคิดอย่างไร ก็จะรอดูค่ะ

ถ้ารักชาติรักประเทศไทยจริง ต้องยอมเสียสละ แม้กระทั่งบางครั้ง ศักดิ์ศรี ก็ต้องยอมลดลงบ้าง เพื่องานใหญ่ของส่วนรวมนะคะ

เดินหน้าต่อ ทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ดีที่สุด ตราบใดที่ม่านยังไม่ปิดฉาก ถือว่าการแสดงยังคงอยู่นะคะ

ผิดเป็นครูค่ะ กลับเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ ที่ทำให้หลายคนได้ตาสว่างกันในวันนี้ค่ะ

ผมเห็น อ.ป้อมพูดว่า “ผิดเป็นครู” เลยได้โอกาสปล่อยมุกคลายเครียดว่า …

ขออนุญาต ปล่อย มุกคล้ายเครียดหน่อยนะครับ

“ผิดเป็นครู” แบบนี้ อ.ป้อม ผิดตลอดเลยซิครับ

อ.ป้อม ตอบกลับมาว่า…

555 ใช่ค่ะ เพราะความเป็นครู นี่ล่ะ ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตมากมาย ชีวิตมีรสชาติมากค่ะ

โลกในมหาวิทยาลัย มันก็คือ โลกจำลองของจริงย่อมๆล่ะค่ะ

อ.ป้อม วกกลับมาที่สาระว่า…

ถ้ามีคนที่ออกมาป่วนก็บังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด อย่ากลัวเด็ก อย่างสนใจสื่อต่างชาติ งานนี้ต้องอย่าหน้าบาง ไม่ต้องสน จะได้เอาไปรวมกันในค่ายปรับทัศนคติ ล้างสมองให้กลับมามีสติบ้าง

ผู้ที่ ยื่นฟ้อง ตรวจสอบแกนนำต่างๆ นี่ล่ะคือนักรบตัวจริงที่กำลังจะกู้ชาติ

อย่าปล่อยเขาไปตายคนเดียวนะคะ คอยติดตามช่วยเหลือด้วยนะคะ

ก่อนจะจบด้วยประโยคที่ผมถือว่า สำคัญและเป็นกำลังใจ รวมทั้งเป็นสิ่งที่ต้องทำ คือ …

บอกได้เลยค่ะ ว่า ไม่มีเวลามานั่งเสียใจกันละค่ะ ลุยต่อค่ะ

ช่วยกันตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ที่กำลังจะก้าวเข้ามาบริหารประเทศ ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย

ลุง แจกงานแบบทหารบัญชาการรบได้เลยค่ะ

ช่างศึกยังคึกกันอยู่หลายเชือกนะคะ

อ.ป้อม อาจารย์ของผม อาจารย์ของพวกเราทุกคน นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นอาจารย์ศิลปะ จะนึกว่าเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ หรือ แม่ทัพ ไปแล้วนะครับ เพราะทั้งเตือนสติว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามั่วท้อแท้ และปลุกใจให้ลุกขึ้นมาสู้ต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำลายสถิติ! ผู้ต้องขังยังเพิ่มพุ่ง 46 คน คดี ม.112 เกินครึ่ง ผู้อดอาหารประท้วงยังถูกขังต่อ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ปัจจุบัน (4 เม.ย. 2567) มีผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก อย่างน้อย 46 ราย ในจำนวนนี้เป็นคดีมาตรา 112 เกินกว่าครึ่ง เป็นจำนวน 28 คน

'มาดามแป้ง' ปลื้มแฟนบอลไทยเต็มราชมังฯ 45,458 คน ยังไม่หมดหวังเข้ารอบ

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยืนยันทุกคนสู้เต็มที่แล้ว ในเกมล่าสุดที่เปิดบ้านแพ้ เกาหลีใต้ 0-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4 พร้อมขอบคุณแฟนบอลชาวไทย ที่เข้ามาให้กำลังใจถึง 45,458 คน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 26 มีนาคม 2567

โค้ชเกาหลีใต้ แฮปปี้ฝ่าเสียงเชียร์เจ้าถิ่น เก็บ 3 แต้มถึงบ้าน ‘ช้างศึก‘ คัดบอลโลก

ทีมชาติไทย พ่ายแพ้คาบ้านให้กับ ทีมชาติเกาหลีใต้ 0-3 ในเกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง นัดที่ 4 กลุ่ม ซี จากการยิงประตูของ อี แจ-ซอง น.19, ซน ฮึง-มิน น.54 และพัค จิน-ซบ น.82 ร่วงมารั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม ด้วยการมี 4 คะแนน จาก 4 นัด ตามหลัง จีน ทีมอันดับ 2 อยู่ 3 แต้ม

นายกฯ ควง 'บิ๊กต่าย' เกาะติดขอบสนามเชียร์ช้างศึก ตอบนักข่าวถามไทยจะชนะเกาหลีกี่ประตู

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 2/2567 ถึงกรณีที่ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.เดินทางไปที่จีนว่าจะต้องจับตาเรื่องการซื้อเรือฟริเกตหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า รอให้ท่านกลับมาก่อน

'มาดามแป้ง' เยี่ยมแคมป์ช้างศึก ก่อนดวลเกาหลีใต้ ประกาศอัดฉีดเงินหลักล้าน

“มาดามแป้ง“ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินทางเข้ามาให้กำลังใจทัพช้างศึก ระหว่างประชุมทีม และ รับประทานอาหารเที่ยง ที่โรงแรม ก่อนเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4