'ปานเทพ' ชี้ชัดปมขัดแย้งใน MOU จัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค

'ปานเทพ' สรุปปมขัดแย้งใน MOU จัดตั้งรัฐบาล ชี้แค่เพิ่มเติมข้อความตามรัฐธรรมนูญบรรดาผู้ทรงอิทธำลของพรรคยังออกอาการ หากได้เป็นรัฐบาลจริงแล้วชงแก้ ม.112 ขึ้นมาจะรับผิดชอบกันอย่างไร

24 พ.ค.2566 - นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความขัดแย้งใน MOU การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลในประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุว่า กรณีเรื่อง MOU ในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกลนั้น สรุปประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตได้ดังต่อไปนี้

ประการแรก เป็นการเซ็น MOU โดย กกต. ยังไม่ได้รับรอง และยังไม่ได้เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรจริงๆ และยังไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่เซ็นไปนั้นไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่

ประการที่สอง พรรคก้าวไกลถอยหรือยังไม่ถอย เนื่องจากมีการเพิ่มข้อความใน MOU ว่า “ทุกพรรคเห็นร่วมกันว่าภารกิจของรัฐบาลที่ทุกพรรคจะผลักดันนั้น ต้องไม่กระทบต่อรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์” เนื่องจากข้อความดังกล่าวเป็นข้อความปกติที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

การลงนามในการเพิ่มข้อความดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ย่อมปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว ถ้านายพิธาปฏิเสธในข้อความดังกล่าวถึงจะเป็นเรื่องผิดปกติ และถ้าผิดปกติถึงขั้นไม่ลงนาม 8 พรรคสำเร็จ พรรคก้าวไกลก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้านแน่ จริงหรือไม่?

แต่การที่พรรคที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มข้อความตามรัฐธรรมนูญนี้เข้าไปจากเดิมซึ่งไม่มี จึงเสมือนเป็นการ ตอกย้ำว่าอาจจะมีปัญหาในเรื่องที่สังคมกำลังสงสัยในเรื่องจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่?

แต่ขนาดที่ว่าข้อความที่เพิ่มขึ้นมาใน MOU นั้น เป็นข้อความปกติตามรัฐธรรมนูญ กลับมีความเห็นที่ขัดแย้งและไม่เห็นด้วยกับข้อความปกติจากผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดของพรรคก้าวไกล ทั้งจาก อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล รวมถึงข้อความจาก อ.สมศักดิ์​ เจียมธีรสกุล ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่โพสต์ข้อความในการแถลงข้อความที่เพิ่มขึ้นมานี้ว่า “ฟังแล้วจะอ้วก”

แสดงให้เห็นว่า แม้ประเด็นที่ปกติตามข้อความรัฐธรรมนูญในประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเป็นประเด็นปัญหาที่มีความขัดแยังทางความคิดในหมู่พรรคก้าวไกลเอง จริงหรือไม่?

ประการที่สาม แต่พรรคก้าวไกลยังจะเดินหน้าแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อสภาผู้แทนราษฎรอยู่ แม้การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีการแก้ไขมาแล้วหลายครั้ง แต่ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีเนื้อหาว่าจะลดโทษผู้ดูหมิ่น หมิ่นประมาท และการอาฆาดมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท ให้ลดโทษเหมือนคดีหมิ่นประมาทของประชาชนทั่วไปในปัจจุบัน?

คำถามมีอยู่ว่าการแก้กฎหมายที่มีเนื้อหาเช่นนี้ที่มีการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ให้น้อยลง จะทำให้มีผู้ดูหมิ่น หมิ่นประมาท และการอาฆาดมาดร้าย เพิ่มขึ้นหรือลดลงกันแน่? โดยเฉพาะการที่จะแก้ไขให้สำนักพระราชวัง (ผู้กระทำแทนพระองค์)ให้เป็นคู่กรณีฟ้องร้องทะเลาะกับประชาชนเอาเองนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ แทนที่จะให้เป็นคดีอาญาแผ่นดินเหมือนกับการคุ้มครองประมุขแห่งรัฐต่างชาติ ทูตานุทูต ฯลฯ ดังที่เคยเป็นมา
เพราะหากสำนักพระราชวังไปทะเลาะฟ้องร้องกับประชาชนเอาเองจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงได้อย่างไร

ในทางตรงกันข้ามหากสำนักพระราชวังปล่อยให้มีการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาดมาดร้าย ใส่ร้าย เพียงเพราะไม่ต้องการมีเรื่องเป็นคู่กรณีกับประชาชนในฐานะเป็นองค์ประมุขของประเทศ ย่อมทำให้องค์พระมหากษัตริย์ถูกดูหมิ่น หมิ่นประมาท ใส่ร้าย และอาฆาดมาดร้ายเพราะความเข้าใจผิดมากขึ้น จริงหรือไม่?

การที่พรรคก้าวไกลอ้างว่าการแก้ไขแบบนี้เป็นการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง แล้วจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสังคมไทยได้อย่างมั่นคง จริงหรือไม่? ฟังขึ้นหรือไม่?

ปัญหาใน MOU ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล คือ ยอมรับบันทึกความเข้าใจว่าจะไม่ให้กระทบต่อการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังยืนยันจะเดินหน้ากฎหมายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้มีการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาดมาดร้าย ได้ง่ายและสะดวกขึ้นเพราะมีบทลงโทษน้อยลงนั้น ขัดแย้งกันเองหรือไม่?

ข้อความของ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกล โดยมีนายพิธาแถลงว่าจะเคารพและสักการะต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพื่อให้วุฒิสภาสนับสนุนให้นายพิธานเป็นนายกรัฐมนตรีไปก่อน ใช่หรือไม่? กับจุดยืนของพรรคก้าวไกลที่มีนายพิธาเป็นทั้งหัวหน้าพรรคและกำลังจะเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีว่าจะเสนอกฎหมายให้การดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาดมาดร้าย ต่อองค์พระมหากษัตริย์ให้มีโทษลดลง และให้สำนักพระราชวังเป็นคู่คดีไปทะเลาะกับผู้ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาดมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์เอาเอง เพื่อเอาใจมวลชนบางส่วนที่เลือกพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่?

คำถามคือ สิ่งใดคือความจริงที่จะเกิดขึ้นกันแน่ !? สมาชิกวุฒิสภาคงจะต้องสอบถามเพื่อให้ได้รับคำตอบความจริงนี้จากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และรวมถึงสมาชิกรัฐสภา (ส.ส.ทุกพรรค และ ส.ว.ทุกคน) ว่าสิ่งใดเป็นความจริงกันแน่ เพราะขนาดข้อความปกติตามรัฐธรรมนูญ ยังออกอาการขัดแย้งกันเองในพรรคก้าวไกลขนาดนี้
คำถามตามมา คือ หากพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว และได้อำนาจในแต่ละกระทรวงไปแล้ว

พวกท่าน ส.ส.ทุกพรรค และ ส.ว. จะมั่นใจและรับผิดชอบได้อย่างไรว่าจะไม่มีรัฐมนตรีกระทรวงไหนจากพรรคก้าวไกล ดำเนินนโยบายที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในกระทรวงเป้าหมายที่เป็นข่าว เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่การกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ

หรือว่าจริงๆแล้ว ส.ส.ทุกพรรคที่จะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ได้สนใจในประเด็นนี้ แต่จะสนใจแค่ว่าต้องการได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลและเป็นรัฐมนตรีสำเร็จไปเท่านั้น พรรคก้าวไกลเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วอยากจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ปิยบุตร' ยก 'เลนิน-กรัมชี่' การปฏิวัติที่ยั่งยืน ต้องสถาปนาระบอบสภาเผด็จการชนชั้นกรรมาชีพทั้งในและนอกสภา

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ การเลื

ไม่ได้ปาดหน้า! 'พิธา' ตั้งใจมาเชียงใหม่จริง ลั่น ก.ก.ได้อันดับ 1 ต้องช่วยกันทำงาน

'พิธา' รับตั้งใจมาเชียงใหม่จริง แต่ไม่ได้ปาดหน้า 'ทักษิณ' ยัน ไม่มีนัยยะการเมือง มองกระแสพื้นที่ ไม่มีใครเป็นเจ้าถิ่น ลั่น 'ก้าวไกล' ได้รับคะแนนความไว้วางใจได้ สส.มากเป็นอันดับ 1 ก็ต้องช่วยทำงาน​

ฝ่ายค้านกู้ศรัทธา? 'พิธา' บอกลาสภา

การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นเวทีของฝ่ายค้านนำโดยพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ ซ้อมใหญ่ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมสภาหน้าตามรัฐธรรมนูญ 151

‘พิธา’ ชี้ยุบพรรคคือการติดเทอร์โบให้พรรคที่ถูกยุบ ได้แต้มต่อเลือกตั้งครั้งหน้า

ที่โรงแรมเมเปิ้ล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 วันนี้ ถึงการอภิปรายทั่วไปตาม ม.152

'สุทิน' ควง 'เจ้าสัวธนินท์' สักขีพยาน MOU กลาโหมจับมือซีพี

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหม กับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด