'วินทร์ เลียววาริณ' ร่ายยาวแสดงทัศนะเรื่องบ่อนเสรี

1 ต.ค. 2566 นายวินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

(วันก่อนมีคนถามความเห็นของผมเรื่องบ่อนเสรี เคยเขียนหลายครั้งแล้ว เขียนอีกรอบก็แล้วกัน นานๆ จะเขียนบทความ social commentary สักที วันนี้จัดให้ ยาวสักหน่อย ถ้าจะอ่านก็ควรอ่านให้ครบทั้งหมด เขียนสั้นกว่านี้ไม่ได้แล้ว)

อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ยินเสียงเปรยแว่วๆ จากผู้หลักผู้ใหญ่ข้างบน ดังราวอสนีบาตกรอกหูว่า สมควรแก้ปัญหาพนันออนไลน์โดยทำให้ถูกกฎหมาย

ตามคาดเป๊ะ!

หลายสิบปีมานี้ ผู้มีอำนาจและกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียคิดแบบนี้มาตลอด หรือพูดใหม่ได้ว่า พยายามหาทางลงแนว

“ทำให้ถูกกฎหมาย” แบบนี้มาตลอด

ตรรกะที่ผมได้ยินมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ใกล้ตายแล้วก็คือ

ข้อ 1 “ถ้าเราไม่ทำ เขาก็ทำ”

ข้อ 2 รายได้จากการบ่อนถูกกฎหมาย สามารถนำไปใช้พัฒนาสังคม “ช่วยคนจน”

ข้อ 3 คนไทยยังไงๆ ก็ต้องพนัน และไหน ๆ ก็ต้องพนันแล้ว ก็… (กรุณากลับไปอ่านต่อข้อ 1)

หากวิเคราะห์แก่นของตรรกะทั้งสามข้อนี้ ก็คือเรื่องเงินล้วนๆ เพราะว่าก็ว่าเถอะ เทียบกับสมัย ‘ต้มยำกุ้ง’ แล้ว เราไม่ได้ยากจนขนาดต้องดิ้นรนหาเงินเพิ่มขนาดนั้น ถ้าเราจะยากจนก็เพราะเงินของเราหายไปในโครงการทุจริตเชิงนโยบายทั้งหลาย เราแค่ต้องการหาช่องทางคอร์รัปชั่นเพิ่ม

เราไม่เคยได้ยินใครใช้ตรรกะนี้กับเรื่องที่ทำให้ประเทศเจริญ เช่น “ถ้าเขาไม่ทำดี เราจะทำดี” หรือ “ถ้าเขาทิ้งขยะบนพื้น เราจะเก็บ” ฯลฯ

ตรรกะของเราคือ ถ้าคนไทยชอบพนัน ก็ให้ยอมรับ ไม่คิดจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มันเป็นกรรมเก่า

ถ้าใช้เงินเป็นตัวตั้ง เราพบว่ายังมีอีกหลายกิจกรรมที่เข้าข่ายเดียวกัน เช่น โสเภณี บาร์ลามก หนังโป๊ ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ฯลฯ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ “ถ้าเราไม่ทำ เขาก็ทำ”

และในเมื่อเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่ตรงสเป็คฯ 3 ข้อนี้ ทำไมเราไม่ทำให้กิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมายไปด้วยเลย รัฐอาจก่อตั้งกระทรวงโสเภณีแห่งชาติ กระทรวงสะอาดแห่งชาติ (อาบอบนวด) กระทรวงยาทางเลือกแห่งชาติ (ยาเสพติด) กระทรวงความหวังแห่งชาติ (บ่อน) กระทรวงไสยศาสตร์พาณิชย์แห่งชาติ (ใบ้หวย ขายผ้ายันต์ส่งออก) ฯลฯ
จัดเต็มไปเลย เงินทั้งนั้น

นี่ไม่ได้ประชดแดกดันนะ เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราหน้ามืดอยากได้เงินเพิ่ม ผู้ใหญ่บ้านเราก็มีความสามารถหาความชอบธรรมจนได้

สำหรับเรื่องบ่อนถูกกฎหมาย ความชอบธรรมที่ชอบยกมาเป็นตัวอย่างคือสิงคโปร์ เป็นประเทศเจริญ มีวิสัยทัศน์ ถ้าเขาสร้างบ่อน เราก็น่าจะทำตาม (แต่แปลกที่ไม่เจริญรอยตามเขาเรื่องการศึกษาแบบเข้มข้น การปราบคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด วินัยจราจรเข้มงวด ฯลฯ)

และชอบอ้างโดยไม่รู้ที่มาที่ไป และอ้างเฉพาะบางด้าน

ผมอยู่ที่สิงคโปร์ในช่วงเหตุการณ์นั้น ชาวสิงคโปร์ไม่เห็นด้วยที่จะสร้างบ่อน มีการต่อต้านมาก แต่รัฐบาลดึงดันจะทำ ก็ไม่มีใครขวางสำเร็จ เพราะประเทศนั้นไม่มีฝ่ายค้าน ขออภัย! มี มีอยู่คนเดียวหรือสองคน

แต่เราใช้โมเดลสิงคโปร์ไม่ได้ หลักการของบ่อนสิงคโปร์คืออนุญาตเฉพาะนักท่องเที่ยว คนในประเทศเล่นพนันไม่ได้ (ต้องจ่ายค่าเข้าแพงมาก) แต่ประเทศไทยไม่ใช่สิงคโปร์ ถ้าเราอนุญาตให้เฉพาะนักท่องเที่ยวเล่นพนันในบ่อนถูกกฎหมาย คนไทยที่เหลือล่ะจะเล่นที่ไหน? ก็ต้องเล่นใต้ดินตามเดิม มันไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องใต้ดินหรือออนไลน์อะไร

แต่จุดสำคัญที่เราเลือกไม่มอง คือสิงคโปร์ไม่เคยเห็นด้วยที่จะให้คนในประเทศเล่นพนัน เพราะมองเห็นว่าในระยะยาว มันทำลายประเทศ

ทำลายยังไง?

ก็ต้องถามว่า รู้ไหมว่าทำไมสิงคโปร์ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลย สามารถสร้างความมั่งคั่งขนาดนี้ได้?

คำตอบคือทรัพยากรคนในระดับสูงสุด

การปล่อยให้ทรัพยากรคนมัวเมากับการพนัน สร้างนิสัยอยากรวยทางลัด ประเทศที่มีคนแบบนี้มากๆ ยากจะสร้างนวัตกรรมหรือสร้างผลิตภัณฑ์ ท้ายที่สุดประเทศก็เป็นง่อย

การติดพนันก็ไม่ต่างจากการติดฝิ่น ประชากรจีนในช่วงสงครามฝิ่น ศตวรรษที่ 19 มี 400 ล้านคน ติดฝิ่นที่อังกฤษบังคับขายถึง 13.5 ล้านคน ประเทศแทบล่มสลาย

ขณะที่บ้านเราเรียกการเล่นหุ้นเก็งกำไรหรูๆ ว่า ‘การลงทุน’ ล่าสุดสิงคโปร์เพิ่งออกกฎหมายที่ทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรทำไม่ได้

ถ้าเรามองจุดนี้ไม่ออก คิดแต่จะหาเงิน ระวังว่าวันหนึ่งเราจะล้ม เพราะเราทำลายทรัพยากรคนไม่หยุดหย่อน หวยถูกกฎหมายบ้าง ดิจิตัลวอลเล็ตบ้าง

ประเทศไม่ได้อยู่รอดด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศอยู่รอดด้วยทรัพยากรคน

การสร้างคนให้เป็นทรัพยากรที่สามารถขับเคลื่อนประเทศนั้น ไม่ได้แค่พัฒนาความรู้ แต่จำเป็นต้องพัฒนาจริยธรรมด้วย
จริยธรรมจะลดความโลภ ลดความโลภก็ลดโอกาสทำลายคนลง

จะเห็นว่าผมไม่เคยแย้งการตั้งบ่อนเสรีในประเด็นศีลธรรมหรือศาสนา ผมแย้งในประเด็นอนาคตของประเทศต่างหาก
คำถามของผมคือ เราเคยมองอนาคตของชาติว่าเราจะยืนตรงไหนบนโลกหรือเปล่า เราจะหารายได้จากการนวดเท้านักท่องเที่ยวไปนานแค่ไหน เราจะรอจนสถานที่ท่องเที่ยวเสื่อมโทรมค่อยหาทางแก้ไข เราเคยคิดหารายได้ที่มั่นคง ยืนยาวกว่านี้ไหม เราอยากให้ลูกหลานเราจะอยู่ในสังคมแบบไหน คบเพื่อนแบบไหน คิดเป็นหรือคิดไม่เป็น
อนาคตของพวกเขาอยู่ในมือของเราในวันนี้

หากเราสร้างสังคมที่มองทุกอย่างเป็นเงิน เป็นกำไรสูงสุด เราก็จะได้สังคมแบบเห็นแก่ตัว และเป็นง่อยในที่สุด
คิดแบบนี้ เงินทั้งโลกก็ไม่มีวันพอ

เมืองไทยยุคต้มยำกุ้งแทบล้มละลาย มิใช่เพราะความโลภหรือ

สำหรับข้อ 3 (คนไทยยังไงๆ ก็ต้องพนัน) แก้ได้ไหม ทำตอบคือได้ แต่ต้องแก้หลายระบบและต้องแก้ยาว หนึ่งในนั้นคือการปลูกฝังจริยธรรมให้คนรุ่นใหม่ นี่เป็นงานที่ยาก และต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ไทยเรามีวิธีคิดเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง สแกนดิเนเวียก็มีวิธีคิดเรื่องกฎของยันเต หลักการคล้ายกัน คือใช้ชีวิตแบบไม่โลภ

อาจมีคนคอมเมนต์ว่า “โลกสวยหรือเปล่า” ตอบได้เลยว่า แล้วโลกสวยไม่ดีตรงไหนหรือ เราเลิกเชื่อไปแล้วหรือว่าเราสร้างสังคมอุดมคติได้?

ไม่รู้สึกประหลาดหรือที่เราต้องการอาหารที่ดีที่สุด รถยนต์ที่ดีที่สุด บ้านที่ดีที่สุด มือถือดีที่สุด แต่กลับไม่ใช่สังคมที่ดีที่สุด หรือโลกที่ดีที่สุด

และยังมีอีกโพสต์ วินทร์ เขียนเกี่ยวกับเรื่องการพนันไว้ว่า สมัยผมเป็นเด็ก มีคำกล่าวว่า โจรขึ้นบ้านสิบครั้ง ไม่ร้ายเท่าไฟไหม้ครั้งเดียว แต่ไฟไหม้สิบครั้งก็ไม่ร้ายเท่าเล่นพนันครั้งเดียว

ผมเกิดในครอบครัวฐานะไม่ดีที่หาเช้ากินค่ำ แต่โชคดีที่พ่อผมห้ามเล่นพนันมาแต่เด็ก

ไม่ได้ห้ามธรรมดานะครับ แค่เล่นไพ่แบบเด็กๆ ไม่มีเงินจริง ก็ไม่ได้ ทอยลูกเต๋าเล่นยังไม่ได้เลย ท่านพ่อเคร่งจริงๆ
การพนันถูกสาปส่งไปจากบ้านอย่างเด็ดขาด

พูดง่ายๆ คือไม่ว่าเล่นจริง เล่นสนุกๆ ยังไงไม่สำคัญ ให้ตัดมันทิ้งอย่างถาวรไปเลยจากสมการชีวิต
ตอนตรุษจีนหลายบ้านก็เล่นไพ่สนุกๆ บ้านผมไม่มีฉากนี้

ก็น่าจะเข้าใจได้ เพราะเงินทองที่หายากอาจหายวับไปกับตา ลูกๆ ก็เดือดร้อน

ครอบครัวจีนมีคำคำหนึ่งว่า 赌鬼 (ตู่กุ่ย) แปลว่าผีพนัน

คนไทยก็ใช้คำนี้เหมือนกัน เช่น ผีพนันเข้าสิง

เห็นอันตรายของการพนันมาเยอะแล้ว หลายบ้านพินาศเพราะเรื่องนี้

ดังนั้นนโยบายสาปส่งผีตัวนี้ไปถาวร น่าจะเป็นนโยบายที่ดี

ตอนเป็นหนุ่มผมจึงไม่ค่อยเข้ากลุ่มกับเพื่อน (หรือเพื่อนๆ ไม่ยอมให้เข้ากลุ่ม) เพราะเพื่อนๆ มักจับกลุ่มตั้งวงป๊อกเด้ง
ผลของการไม่เล่นไพ่ ทำให้มีเงินเก็บเยอะ ก็ซื้อเบนท์ลีย์มาสิบกว่าคันแล้ว เงินเยอะนี่เบื่อจริงๆ นับเงินจนเมื่อยนิ้ว
บรรทัดสุดท้ายนี่อำนะครับ เดี๋ยวเข้าใจผิดมาขอเงินผมอีก ผมยิ่งใจอ่อนอยู่ด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศิลปินแห่งชาติสุดทน! ใช้เมตตาธรรมกับเกรียนคีย์บอร์ดมานาน จากนี้เจอกันที่ศาล

นายวินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผมรอให้เหตุการณ์ซาลงค่อยเขียนจดหมายฉบับนี้ เ

'อดีตสส.ปชป. ยกผลการศึกษาประเทศที่เปิดกาสิโนถูกกฎหมาย พบมีผลกระทบอื้อ

นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง กาสิโน ไม่ใช่เรื่องใหม่..!! มีเนื้อหาดังนี้

'วินทร์ เลียววาริณ' เผยความในใจ ถูกพวกน้ำเต็มแก้วยัดข้อหาสาวกเผด็จการ

นายวินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า หลายปีมานี้ ผมได้รับเกียรติแต่งตั้งเป็น 'สาวกเผด็จการ' อยู่บ่อยๆ ผมไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ใคร พูดเองเออเอง

เฉียบ! 'วินทร์ เลียววาริณ' แพร่บทความแสบๆคันๆ ว่าด้วยเรื่องเชื่อมจิต-เปิดผับถึงตี 4

นายวินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 โพสต์บทความขนาดสั้นผ่านเฟซบุ๊กว่า ตั้งแต่นโยบายเปิดบาร์ถึงตี 4 ถือกำเนิดในปฐพี ร้านพับผ่าก็คึกคักขึ้น ข้าพเจ้ามิได้ยินดีปรีดาต่อความคึกคักนี้