'นันทิวัฒน์' จี้จุฬาฯ ตั้งกรรมการสอบ วิทยานิพนธ์ฉาว

12 มี.ค.2567- นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เรื่อง วิทยานิพนธ์ฉาว โดยระบุรายละเอียดว่า ความล่าช้าของการดำเนินของจุฬาฯ ต่อดุษฏีนิพนธ์ของณัฐพล ใจจริง ทำให้แรงกดดันต่างๆเทลงมายังหนัก เรียกร้องให้จุฬาถอดถอนวิทยานิพนธ์

ในฐานะที่ผมเป็นผู้ยื่นเรืยกร้องให้จุฬาฯ ดำเนินการสอบสวนและตั้งกรรมการขึ้น และได้ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการ
ผมมีความเห็นดังนี้

จุฬาตั้งคณะกรรมการฯขึ้นสอบสวน จากหนังสือร้องเรียนของผม การสอบสวนจำเป็นต้องรอบคอบ
เพื่อไม่ให้ผู้ร้องฟ้องว่า การตั้งกรรมการฯไม่ถูกต้อง กรรมการฯดำเนินการไม่ถูกต้องการสอบสวนไม่ถูกต้อง. เร่งรีบ รวบรัดเพื่อกลั่นแกล้งณัฐพล

ประการสำคัญ ผลการสอบสวนที่คณะกรรมการต้องทำอย่างรัดกุม เพื่อให้เอกสารการสอบสวนสามารถใช้อ้างอิงได้
และเป็นหลักฐานในการหักล้างเนื้อหาของวิทยานิพนธ์ที่ไม่ถูกต้อง บรรทัดต่อบรรทัด หน้าต่อหน้า ซึ่งจะเป็นการ เปิดโปงความไม่ถูกต้องของวิทยานิพนธ์

ความล่าช้านี้น่าจะรับได้ เผื่อคดีขึ้นสู่ศาล เชื่อว่าผู้เขียนฟ้องแน่นอน และใช้อำนาจศาลไม่ให้เผยแพร่ผลสอบ มีความเชื่อส่วนตัว จุฬาฯมีอำนาจในการถอดถอนดุษฏีนิพนธ์ฉบับนี้

เพราะเมื่อมีอำนาจอนุมัติย่อมมีอำนาจ ถอดถอน แม้เรื่องจะผ่านมานานหลายปี แต่เมื่อตรวจพบว่ามีการบิดเบือนข้อมูล มีการอ้างเอกสารที่ไม่มีอยู่จริง

ดังนั้น จุฬาฯย่อมทรงสิทธิในการทำความจริงให้ปรากฏและทำลายความไม่ถูกต้องนั้นๆเสียดุษฏีนิพนธ์ต้องมีมาตรฐาน ต้องไม่บิดเบือนต้องไม่อ้างมั่วซั่ว ไม่อ้างผิดๆ ต้องอ้างอิงเอกสารที่ถูกต้อง และมีอยู่จริงจะมโนไม่ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บี้ประท้วง 'เมียนมา' ทุกระดับ ปล่อยตัวคนไทย คืนเรือ-ชดใช้

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

จุฬาฯ ปักธงยุทธศาสตร์ปี 68 ดันสยาม-บรรทัดทอง สู่พื้นที่สร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน

ถ้าใครมีโอกาสแวะมาเดิน Siam Square ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ อาจจะแปลกใจ ที่สยามสแควร์ไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่สำหรับนักช็อป หรือวัยรุ่นที่มาเปิดหมวกร้องเพลงเท่านั้น

จุฬาฯ จับมือกรม Climate Change และเครือข่ายพันธมิตรภาคเอกชน เปิดตัวหลักสูตร “TOP Green” หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้าน Sustainability

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ UN Global Compact Network Thailand