กสม.ยินดีที่ประเทศไทยให้สัตยาบัน คุ้มครองบุคคลจากการบังคับให้หายสาบสูญ

กสม. ยินดีที่ประเทศไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ

24พ.ค.2567- นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยได้ยื่นสัตยาบันสารเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced Disappearance: ICPPED) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 มิถุนายน 2567 นั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอแสดงความยินดีและชื่นชมรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองประชาชนจากการถูกบังคับให้หายสาบสูญในอนาคต อีกทั้งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการสมัครเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council: HRC) วาระปี ค.ศ. 2025 – 2027 ด้วย

กสม. ได้ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชนทุกภาคส่วนขับเคลื่อนและผลักดันจนกระทั่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตราพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ขณะเดียวกันได้มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งรัดการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ เพื่อคุ้มครองบุคคลทุกคนที่จะไม่ถูกกระทำให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ทั้งนี้ เมื่อประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (ICPPED) แล้ว เท่ากับว่าประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาหลัก
ด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศภายใต้สหประชาชาติ จำนวนทั้งสิ้น 8 ฉบับ จาก 9 ฉบับ ได้แก่
(1) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) (2) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) (3) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) (4) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) (5) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (CERD) (6) อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) (7) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ (CRPD) และ (8) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (ICPPED) คงเหลือเพียง อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว (CMW) ที่ประเทศไทยยังมิได้เข้าเป็นภาคีเพียงฉบับเดียว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสม. ชี้สายการบิน ปฏิเสธออกบัตรโดยสารให้ 'ผู้ชายข้ามเพศ' เป็นการละเมิดสิทธิฯ

กสม. ชี้ กรณีสายการบินแห่งหนึ่งปฏิเสธออกบัตรโดยสารให้ผู้โดยสารข้ามเพศ เป็นการละเมิดสิทธิฯ เสนอสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยหาทางป้องกันและแก้ไข

กสม. ชี้ สน.ชนะสงคราม แทรกแซงสิทธิ จัดเก็บ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเยาวชนนักกิจกรรม

กสม. ชี้ สน.ชนะสงคราม จัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเยาวชนนักกิจกรรมเป็นการแทรกแซงสิทธิเกินสมควรแก่เหตุ จี้ตร. ยกเลิกการจัดทำบัญชีบุคคลเฝ้าระวังด้วยเหตุแสดงออกทางการเมือง

ทวงคืนผืนป่าพ่นพิษ 'กสม.' แนะกรมอุทยานฯ ชะลอการรื้อถอนขับไล่ ชาวบ้านซับหวาย

'กสม.' ตรวจสอบกรณีประชาชนบ้านซับหวาย อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า แนะกรมอุทยานฯ ชะลอการรื้อถอนขับไล่จนกว่าจะแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จ

กสม. หารือจุฬาราชมนตรี หลังแจ้งนายกฯ กังวลข่าวส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ได้เข้าพบหารือกับนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ณ สำนักจุฬาราชมนตรี