
'วิรุตม์' บอก ผลสอบความขัดแย้ง 'ต่อ- โจ๊ก' เป็นไปตามคาด เสียเวลาประชาชน ชี้ปัญหาเกิดจากความเข้าใจผิดของกฤษฎีกา ตั้งข้อสังเกตคำสั่งให้ 'สุรเชษฐ์' ออกราชการต้องรอกก.สอบสวนวินัย ยันเป็นไปตาม ม. 131การอ้างม.120 ไม่ถูกต้อง
21 มิ.ย. 2567 - พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ระหว่างพล.ต.อ.ศักดิ์ สุขวิมล กับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล สรุปว่า มีความขัดแย้งกันจริงในหลายระดับมานาน และนายกรัฐมนตรี ได้ส่งตัวพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ตามเดิม เพราะไม่มีอะไรจะสอบสวนต่อแล้วนั้น ว่า การสรุปผลการสอบสวนดังกล่าวเหมือนใช้กำปั้นทุบดิน เพราะที่ไหนที่ไหนก็มีความขัดแย้งกันทั้งนั้น ถ้าสรุปแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เสียเวลา และไม่สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่า นายกฯ ตั้งขึ้นมาทำไม ถ้าต้องการคำตอบเพียงเท่านี้ เสียสมอง เสียเวลาประชาชน
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ปัญหาทั้งปวงเกิดจากความเข้าใจผิดของคณะกรรมกฤษฎีกาในการไปตั้งข้อสังเกตเรื่องการที่ รรท.ผบ.ตร.สั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ว่ากระบวนการยังไม่สมบูรณ์ในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะจะต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอความเห็นก่อน
"แต่แท้จริง การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนกรณีดังกล่าว เนื่องจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาร้ายแรง เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 131 และมีตำรวจอีก 4 คนที่ถูกสั่งให้ออกไว้ก่อนไปแล้วในคำสั่งเดียวกันที่ผู้บังคับบัญชาสามารถสั่งได้ ถือเป็นกระบวนการทางปกครองเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการระหว่างรอผลการสอบสวนความผิดทางวินัยที่จะต้องสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก"
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวอีกว่า การอ้างมาตรา 120 ว่าจะต้องให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอความเห็นก่อนและจะกระทำการใดที่กระทบสิทธิประโยชน์ของผู้ถูกสอบสวน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะนั่นเป็นกรณีทำผิดวินัยร้ายแรงโดยไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาอะไร เช่นท้าตีท้าต่อยผู้บังคับบัญชา หรือว่าทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายร้ายแรง ฯลฯ จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอความเห็นก่อน
ส่วนกรณีตำรวจกระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงจนถึงขั้นถูกแจ้งข้อหาหรือศาลออกหมายจับ ถือว่าผ่านการสอบสวนตาม ป.วิ อาญา และมีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่ากระทำความผิดระดับหนึ่งแล้ว มาตรา 131 จึงบัญญัติไว้ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับมีอำนาจสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการ หรือมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปในทางมิชอบเป็นการชั่วคราวระหว่างรอผลการสอบสวนทางวินัยสั่งไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระทึก! วันนี้ลุ้นศาลฎีกาประกาศนัดฟังผลไต่สวนป่วยทิพย์ชั้น 14 หรือไม่
ลุ้นศาลฎีกาฯ ประกาศวันนัดฟังคำสั่งผลไต่สวนคดีชั้น14 ทักษิณป่วยทิพย์ หรือไม่วันนี้ หลัง “วิษณุ” เบิกความนัดสุดท้าย เผยผลสอบอนุ ก.ต.ไม่พบการล็อบบี้ตุลาการศาลฎีกาฯ บัตรสนเท่ห์ไม่มีมูล
ดีดปาก 'สมศักดิ์' สุดมั่ว! มท.ปราบยาเสพติด ชี้ผวจ.ไม่มีอำนาจสั่งตร.-สอบสวนคดีอาญาได้
'วิรุตม์' ดีดปาก 'สมศักดิ์' สุดมั่ว! มท.ปราบยาเสพติด ชี้ ผวจ. ไม่มีอำนาจสั่งงานตร.และสอบสวนคดีอาญา ให้คุณให้โทษตร.ไม่ได้ ผบก.จว.ก็ไม่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการจว. ไม่สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุข แนะปฏิรูปตร. ยุบ บช.ภ.ให้ผวจ.สั่งงานแต่งตั้งโยกย้ายตร.ในจว.ได้
ศาลนัดพิพาษาคดีทักษิณหมิ่นสถาบัน 22 ส.ค.ตามคาด 'วิษณุ-ธงทอง' เป็นพยานฝ่ายจำเลย
ศาลอาญานัดพิพากษาคดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง 22 ส.ค.นี้ 'วิญญัติ' เตรียมเเถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร 15 วัน เชื่อจะได้รับความเป็นธรรม
'วิรุตม์' ชี้ 'เชาวน์' เข้าใจผิด ผู้ว่าฯ ไม่มีอำนาจคุมงานสอบสวน แฉตร.ไม่ออก'เลขคดีอาญา'
พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คุณเชาวน์ คงไม่ทราบว่าปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอประเทศไทย
'วิรุตม์' ซัดตร.ผู้ใหญ่รับส่วยพนันออนไลน์แล้วทำตัวเป็นพระเอก 'จับพระ' นายกฯสั่งปราบปรามก็ไม่สนใจ
'วิรุตม์'ซัดตำรวจปล่อยให้มีบ่อนพนันออนไลน์จนผู้คนรวมทั้งพระติดงอมแงม แล้วมาทำตัวเป็นพระเอก 'จับพระ' ทั้งที่ปัญหาเกิดจากการทุจริตรับส่วยของตร.ผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้านายตัวเอง ชี้นายกฯนั่งในตำแหน่ง1ปียังพูดให้สั่งปราบปรามแสดงว่าที่ผ่านมาตร.ไม่ได้สนใจ
'วิรุตม์' ไม่เห็นด้วย เหตุผลยกฟ้อง 'สมยศ' กับพวก ชี้ 'อัยการเนตร' แค่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย
'วิรุตม์'บอก' ไม่เห็นด้วย' เหตุผลยกฟ้อง'สมยศ'กับพวก เพราะไม่ได้โน้มน้าวกดดันให้เปลี่ยนความเร็วบอส ยันระบบตำรวจทหารที่มีการปกครองตามชั้นยศการกดดันไม่จำเป็นใช้คำพูดข่มขู่ ชี้ ตำรวจทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุมีเจตนาในการเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานโดยมิชอบ โดยมี 'อัยการเนตร' เป็นจิ๊กซอตัวสุดท้าย


