'พิภพ' โพสต์ถึง 'อมร' ผู้ร่วมอุดมการณ์-นักโทษคดีการเมือง

9 ม.ค.2565 - นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Pibhop Dhongchai มีรายละเอียดดังนี้

"ถึงอมร น้องรักผู้ร่วมอุดมการณ์

อมรมีจดหมายออกมาจากเรือนจำกรุงเทพมหานคร ถึงคุณนิติธร ล้ำเหลือและเพื่อนมิตรสหาย

เขียนด้วยลายมืออันงดงาม ที่ถูกฝึกคัดลายมือมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา

อมรเขียนจดหมายลงไปรษณียบัตร ประทับตราจตุจักร ลงวันที่ 30.12.64

อมรถูกศาลฏีกาตัดสินจำคุก 8 เดือนพร้อมคุณเทอดภูมิ ใจดีและคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในคดีสืบเนื่องมาตั้งแต่คดียึดทำเนียบรัฐบาล 193 วันของ พธม.ที่แกนนำทั้ง 5 กับผู้ประสานงาน ถูกจองจำไปแล้ว 8 เดือนแต่ได้อภัยโทษลงเหลือ 3 เดือน เช่นเดียวกับทั้งสามคนที่อัยการส่งฟ้องพร้อมกัน 9 คน ซึ่งได้ติดในเรือนจำเข่นเดียวกันกับชุดแรก ที่ศาลถือว่าฟ้องซ้ำที่ถูกตัดสินไปแล้ว แต่ต้องลงโทษให้หลาบจำ อีก 3 คนที่เหลือ

ถ้าดูตามแนวทางการพิจารณาคดีในศาลอาญา ก็พบว่าจะให้มีการตัดสิน "คดีการเมือง” ที่มวลชนออกมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณ สืบเนื่องมาถึงรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปในแนวเดียวกัน คือลงโทษทุกคน ที่รัฐมองว่าเป็นหัวโจก โดยไม่คำนึกถึงการต่อสู้นั้นทำไปเพื่อให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยดีขึ้น โดยอัยการกดคดีให้อยู่ในฐานะเพียง”คดีบุกรุกในคดีอาญา”เท่านั้น

โดยเฉพาะแกนนำ พธม.และคณะนั้นโดนลงโทษทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง ด้วย

คดีอาญานั้นถูกลดฐานะ "คดีการเมือง” ให้เป็นเพียง "คดีบุกรุกสถานที่ราชการ” โดยละเลยการต่อสู้ทางการเมืองของมวลชน หรือมวลมหาประชาชน ไปหมด

กลับมาที่อมร ที่ทำงานการเมืองมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษา ได้รับเลือก

เป็น "เลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย” เข้าร่วมต่อสู้ทางการเมืองมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน จนไม่มีเวลาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย จาก 14 ตุลา. 6 ตุลา. จนเข้าร่วมรบในป่าเขา ออกมาก็ร่วมต่อสู้ทางการเมืองในเหตุการณ์พฤษภา 35 จนมาถึง พธม. จบที่ คปท. เพื่อขจัดนักการเมืองฉ้อฉลให้หมดไป

อมรถือว่าได้ใช้ชีวิตต่อสู้ทางการเมืองมาในทุกรูปแบบ เมื่อระบบประชาธิปไตยกลับคืนมา ก็ลงสนามเลือกตั้งที่สระบุรีบ้านเกิด มาวันนี้อายุ 60 กว่า ยังมีไฟอยู่

อมรร่วมเป็นคณะกรรมการ ครป.มาตั้งแต่สมัยผมเป็นเลขาธิการ เป็นรองประธานและเป็นประธาน ครป. ร่วม 10 ปี กับสุวิทย์ วัดหนู สุริยะใส กตะศิลา ชาญวิทย์ อร่ามฤทธิ์ สุริยันต์ ทองหนูเอียด และคนอื่นๆ ตอนนั้นเราประชุมกันเกือบทุกสัปดาห์ เพื่อกำหนดแนวทางการต่อสู้ร่วมกับมวลชนใต้ถุนตึก มอส. สมัยเดช พุ่มคชา ทำงานอยู่ที่นั่น จึงทำให้เราทั้งหมดสนิทสนมกันมาก

อมรก็คล้ายตั้ม คล้ายหมี คล้ายนัสเซอร์ คล้ายใส คล้ายผู้พันจ๊อด คล้ายบรรจง คล้ายสุวิทย์ และอีกหลายๆคน ที่พร้อมยืนหน้ามวลชน ไม่กลัวคมหอกคมดาบ หลายครั้งถูกหมายหัวด้วยชีวิต แต่ก็แคล้วคลาดมาได้ กลายเป็นแมว 9 ชีวิต

ลักษณะพิเศษของอมร คือรักพวกพ้อง รักพี่รักน้อง รักสหายร่วมอุดมการณ์ และรับผิดชอบลูกเมีย โดยเฉพาะลูกๆที่อมรดูแลเอาใจใส่ ส่งเสียเรียน ซึ่งอมรมีเชื้อพันธุ์ ที่ฉลาด ที่สมัยนี้เรียก DNA ที่แข็งแรง ที่ส่งต่อให้ลูกทุกๆคน ได้อย่างน่าประหลาดใจ จนผมแซวว่า "พันธุ์ดีแบบนี้ ก็แพร่ความฉลาดไปได้อีกนาน ถ้ารับผิดขอบได้ดี แต่ให้ถามเมียด้วยนะ” อมรมีพี่ชายอีกคน ที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน คอยหนุนช่วยน้องอยู่ด้วยเสมอ

วันนี้เขียนถึงอมรด้วยความรักและความห่วงใย ที่เชื่อว่าความยึดมั่นในอุดมการณ์ ยึดมั่นในอุดมคติ และความเป็นมนุษย์ของอมร อมรคงไม่ทุกข์ใจอะไรมากมายนัก

ในคุกนั้นขังได้แต่ร่างกาย แต่ "ความมีอิสรภาพในเสรีภาพ” นั้น อมรคงรักษาไว้ได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ยังไม่บรรลุภารกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย ที่ประชาขนเป็นใหญ่ ดังคำลงท้ายจดหมายของอมรที่ว่า

“สัจจะ ต้องประจักษ์ สังคมศิวิไลซ์ จักต้องปรากฏ ผู้เกิดก่อนกาล ย่อมมีลมหายใจอยู่ทุกแห่งหน”

ด้วยความรักและห่วงใยเสมอ"

สำหรับ นายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน ในคดีชุมนุม "ดาวกระจาย" ขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ปี 2551 โดยถูกส่งตัวคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาโรคเบาหวานที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์.