ป.ป.ช. ชี้มูล 2 ตำรวจปราบยาเสพติด ร่ำรวยผิดปกติ เสนอสั่งไล่ออก-ฟ้องยึดทรัพย์

22 ส.ค.2567 - นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด พ.ต.อ.นพดล นิลมานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการ กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่ำรวยผิดปกติ

โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในปี พ.ศ. 2556-2559 พ.ต.อ.นพดล ขณะดำรงตำแหน่งดังกล่าว ได้นำเงินสินบนนำจับคดียาเสพติดที่เกิดจากการทำเรื่องขอเบิกโดยปลอมสายลับหรือผู้นำจับ รวม 44 คดี ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง จำนวน 61,652,888 บาท และมีทรัพย์สินซึ่งไม่สัมพันธ์กับรายได้ที่ได้รับ จำนวน 10,786,000 บาท เป็นเงินที่นำฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง จำนวน 17 รายการ รวมเป็นเงิน 3,486,000 บาท เงินที่นำไปซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ตำบลริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย จำนวน 6,000,000 บาท และที่ดิน ฝากเจ้า ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย จำนวน 2 แปลง รวมเป็นเงิน 1,300,000 บาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.อ.นพดล ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 72,438,888 บาท

นอกจากนี้ ยังมีมติชี้มูลความผิด พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ มงพลเมือง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการ กองบังคับการสกัดกั้น การลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่ำรวยผิดปกติ โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในปี พ.ศ. 2558 - 2560 พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ขณะดำรงตำแหน่งดังกล่าว มีรายการฝากเงินสดเข้าบัญชีเงินฝากหลายรายการ ซึ่ง พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ชี้แจงว่าได้นำทองคำที่ซื้อสะสมมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 - 2548 น้ำหนักทองรวม 120 บาทเศษ ทยอยขายในระหว่างปี พ.ศ. 2554 - 2555 แล้วนำเงินที่ ได้ไปชำระค่าที่ดิน ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จำนวน 2 แปลง รวมเป็นเงิน 2,200,000 บาท และชำระหนี้กับธนาคาร จำนวน 3 งวด รวมเป็นเงิน 713,200 บาท แต่จากการตรวจสอบรายได้ของ พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2538 - 2548 มีรายได้ไม่เพียงพอที่จะซื้อทองคำสะสมได้

นายนิวัติไชย กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมา โดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติ ตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 2,913,200 บาท

ทั้งสองกรณีดังกล่าว ป.ป.ช.จะส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัย พร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วัน

โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายใน ระยะเวลา 10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวมพลังไทย “สู้ให้สุด หยุดการโกง” ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย)

ฮอลล์ 7 อาคารศูนย์การประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี : 9 ธันวาคม 2567 - รัฐบาล ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน

ป.ป.ช.แจงยังไม่ชี้มูลปม 'ทักษิณ' ป่วยทิพย์ชั้น 14 เผยอยู่ในชั้นตรวจสอบเบื้องต้น

กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ว่า ฝ่ายตรวจสอบไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน

ระทึก!'ทักษิณ'ขาสั่น 'จตุพร' เผยอนุไต่สวนชั้น 14 มติเอกฉันท์ชี้มูลผิด ยื่น ปปช.ฟ้องศาล

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุถึงความคืบหน้าคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)