อดีตรองอธิการบดีมธ. เปิดไทม์ไลน์มัดแพทองธาร ต้องรับผิดชอบ ชี้ขบวนการปัดกวาดบ้านเมืองบัดนี้เริ่มทำงานแล้ว

7 ก.ย.2567 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่านักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้จำคุก 8 ปี

รัฐสภาโหวตด้วยเสียง 482:165 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี

23 สิงหาคม 2566 00.20 น
ย้ายตัวนายทักษิณ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูง ออกซิเจนวัดที่ปลายนิ้วต่ำ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหาจารุ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจยืนยันว่านายทักษิณป่วยจริง และบอกว่า นายทักษิณ พูดยังพูดไม่ไหว

31สิงหาคม 2566
ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ นายทักษิณ ชินวัตรให้เหลือ 1 ปี

23 ตุลาคม 2566
นายทักษิณได้รับการผ่าตัด ที่แผนกศัลยกรรมประสาท โรงพยาบาลตำรวจ

18 กุมภาพันธ์ 2567
นายทักษิณ ได้รับการพักโทษ ได้กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังจากที่พักอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจมาโดยตลอด

29 พฤษภาคม 2567
อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร กรณีถูกดำเนินคดีตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

10 มิถุนายน 2567
นายทักษิณยื่นต่ออัยการ ขอความเป็นธรรมกรณี ถูกดำเนินคดีตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

18 มิถุนายน 2567
อัยการส่งตัวนายทักษิณยื่นฟ้องต่อศาลอาญา แต่ได้รับการประกันตัว หลักทรัพย์ 5 แสนบาท และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

20 กรกฎาคม 2567
นายทักษิณ ชินวัตร เดินไปพบปะกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล และนักการเมืองอื่นๆ เล่นกอล์ฟ และร่วมงานเลี้ยง ที่ Rancho Charnvee Resort ของลูกสาวคุณอนุทิน สื่อมวลชนตั้งชื่อปรากฏการณ์ครั้งนี้ว่า "ปฏิญญา เขาใหญ่"

7 สิงหาคม 2567
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล กรณีล้มล้างและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหาร 11 คน

14 สิงหาคม 2567
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรา 160(5) มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรกง ตามคำร้องของ 40 สว.

14 สิงหาคม 2567 ช่วงเย็น
แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมุ่งหน้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อประชุมตกลงเรื่องการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายเศรษฐา ทวีสิน ข่าวแพร่สะพัดว่า จะเป็น นายชัยเกษม นิติศิริ

15 สิงหาคม 2567
พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดร่วมกันแถลงว่าจะเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

16 สิงหาคม 2567
สภาผู้แทนราษฎรมีมติด้วยคะแนน 319:145 ให้ นางาสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

17 สิงหาคม 2567
นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทานอภัยโทษพร้อมกับนักโทษรายอื่นๆ ทำให้พ้นโทษทันทีก่อนกำหนดเดิม

18 สิงหาคม 2567
พิธีรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี

23 สิงหาคม 2567
นายทักษิณแสดงปาฐกถา ในงาน Dinner Talk : Vision Thailand จัดโดยสำนักข่าวเนชั่น มีนักการเมืองและนักธุรกิจ กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ไปร่วมงานกันอย่างคับคั่ง นายทักษิณแสดงปาฐกถา ที่มีเนื้อหาประหนึ่งว่าเป็นนโยบายรัฐบาลชุดใหม่

25 สิงหาคม 2567
มีบุคคลที่สงวนนาม ไปยื่นร้องต่อกกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่านายกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยยอมให้บุคคลครอบงำ ในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ต่อมามีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นร้อง น.ส.แพทองธาร กรณีลาออกจากกรรมการบริษัท 20 บริษัท ว่าทำได้ภายในวันเดียวจริงหรือไม่ และล่าสุดยังยื่นคำร้องว่า นายทักษิณชินวัตรเป็นผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรี และยังมีบุคคลที่สงวนนาม ยื่นคำร้องในประเด็นอื่นๆอีก เช่นกรณีตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคไปร่วมประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า อันถือเป็นการที่พรรคการเมืองยอมให้บุคคลครอบงำ รวมทั้งหมดในปัจจุบันมีกว่า 10 คำร้อง

29 สิงหาคม 2567
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ตั้งโต๊ะแถลงว่า น้อยใจที่รับใช้พรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด แต่ถูกปฏิบัติเหมือนกับพรรคการเมืองทั่วไปที่มี ส.ส.เพียง 1 คน จึงแสดงหลักฐานว่าตนเองได้เคยขึ้นไปพบนายทักษิณ บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่พูดชัดๆว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่

คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ 1 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 1 ตำแหน่ง

4 กันยายน 2567
มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าแต่งตั้ง ครม.ชุด แพทองธาร ชินวัตร หลังจากที่มีการตรวจสอบคุณสมบัติกันอย่างเข้มข้น เป็นผลให้มีบุคคล 2 คน ยอมสละสิทธิไม่รับตำแหน่ง 2 คน คนหนึ่งให้น้องเป็นแทน คนหนึ่งให้ลูกสาวเป็นแทน

พฤติกรรมต่างๆของนักการเมืองที่แสดงออกในช่วงเวลาที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า โดยรวม นักการเมืองบ้านเรายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลงและแย่ลง ยังคงเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ชาติ แต่ปากก็อ้างว่าทำเพื่อประชาชน คิดแต่จะเป็นรัฐมนตรีโดยไม่คำนีงว่าตัวเองมีสติปัญญาความสามารถแค่ไหน มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ยังดีที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต้องการให้คนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตและไม่มีจริยธรรม เข้ามาเป็นรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยทำให้การพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีมีบรรทัดฐานอ้างอิงได้ง่ายขึ้น ทำให้การจะเลือกใครเข้ามาเป็นรัฐมนตรีต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติกันมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

การที่มีผู้ที่จะได้เป็นรัฐมนตรีแต่ต้องถอนตัว หรือไม่เสนอชื่อ เพราะปัญหาเรื่องคุณสมบัติ คิดแต่เพียงว่าตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสมบัติของตน จะยกให้ใครก็ได้ ยกให้น้องก็ได้ ยกให้ลูกก็ได้ ยกให้พ่อก็ยังได้ แทนที่จะหาคนที่มีสติปัญญาความสามารถเหมาะสมมาช่วยประเทศชาติ กลับยกให้ลูก ให้น้อง แต่นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรก เพราะการกระทำแบบนี้มีมาหลายรัฐบาลแล้ว เป็นการตอกย้ำว่า นักการเมืองเหล่านี้ เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ชาติ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มีแต่จะเลวร้ายลงทุกวัน

แม้จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งคณะรัฐมตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีในราชกิจจานุเบกษา มีข้อความดังนี้

"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 แล้วนั้น

บัดนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน สืบต่อไปแล้ว ........ "

ข้อความเหล่านี้ย่อมมีนัยยะว่า นางสาวแพทองธารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบบุคคลที่ตัวเองได้เลือกสรรให้เป็นรัฐมนตรี อย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงเป็นอื่นได้

วันนี้บุคคลต่างๆ ต่างก็เปิดหน้าให้เราได้เห็นกันแล้วว่า ใครเป็นใคร เชื่อว่า ขบวนการปัดกวาดบ้านเมืองให้สะอาดเรียบร้อย บัดนี้ได้เริ่มทำงานแล้วครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ณัฏฐ์ มือกม.มหาชน ฟันเปรี้ยง 'ประชามติชั้นเดียว' เจอด่านหิน! เป้าแก้รธน.ทั้งฉบับไม่ง่าย

สืบเนื่องจากตามที่ร่างพระราชบัญญัติประชามติ ในการแก้ไขหลักการประชามติชั้นเดียว ไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ทำให้ร่างดังกล่าวย้อนกลับมาพิจารณาของ สส.อีกครั้ง

สว.นันทนา ฉะระบบพิศดาร นักร้องคนเดียวสั่นคลอนเสถียรภาพการเมืองได้

นางนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า การที่มีบุคคลไปยื่นร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า คุณทักษิณและ

อุ๊ย! เรืองไกร ร้องสอบจริยธรรม 'นายกฯอิ๊งค์' พูดเงินบาทแข็งดีต่อส่งออก-แม่น้ำปิงไหลลงแม่น้ำโขง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) นำความตามพิพากษาศาลฎีกาแผนก