หยุดระบอบชินวัตร! คปท. ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ชุมนุมแยกคอกวัว

7 ก.ย.2567 - เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ลานกิจกรรมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) พร้อมกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม ตั้งเวทีชุมนุมต่อต้านระบอบชินวัตร โดยมีการปราศรัยสลับการแสดงดนตรี ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมจำนวนประมาณ 1,000 คน โดย คปท.ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 "หยุด ระบอบชินวัตร" มีเนื้อหาดังนี้

ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ก็ปรากฏว่าในคืนวันเดียวกัน ได้มีแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ เดินทางไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นที่พักของ นายทักษิณ ชินวัตร ตามการแจ้งแก่กรมราชทัณฑ์ว่าเป็นที่พักในขณะที่ได้รับการพักโทษ

หลังจากที่แกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ได้เดินทางไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้าเพียงวันเดียว วันที่ 15 สิงหาคม 2567 พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการแถลงข่าวร่วมกันว่าจะเสนอชื่อ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย

ความจริงจึงเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมว่า คนที่คอยจัดการ สั่งการ ครอบงำ รัฐบาลที่แท้จริงคือ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นยังคงเป็นนักโทษที่ได้รับการพักโทษจากข้อหาทุจริต คอร์รัปชัน ของประเทศไทยอยู่

การปรากฏตัวขึ้นเวที แสดงวิสัยทัศน์ ประเทศไทย ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ประเทศ รวมถึงการกล่าวถึงนโยบายรัฐที่เป็นการกล่าวต่อเนื่องจากนโยบายเดิมของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เสมือนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่บุตรสาว น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร เพิ่งได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าให้เป็นนายกรัฐมนตรีไป เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 นั้น เท่ากับเป็นการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ระบอบชินวัตร ขึ้นมาในระบบการเมืองไทย โดยมี นายทักษิณ ชินวัตร คอยครอบครอง น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอีกชั้นหนึ่ง

ยิ่งการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ของรัฐบาล น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ก็เป็นบทสะท้อนให้เห็นถึงการคำนึงถึงแต่เครือญาติและคนใกล้ชิดมาเป็นรัฐมนตรี เหมือนที่นายทักษิณ ชินวัตร ให้บุตรสาวเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนการสืบทอดอำนาจแก่พวกพ้องของตน

เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นองค์กรภาคประชาชนที่ติดตามกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทำลายกระบวนการยุติธรรมโดยการไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว และติดตามนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มาอย่างต่อเนื่อง

การเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ก็เป็นการรับตำแหน่งต่อเนื่องในนามพรรคเพื่อไทย ที่มีนโยบายเดียวกันกับนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เราจึงขอแถลงว่า

1. จะติดตาม ตรวจสอบ รัฐบาลต่อเนื่องระบอบชินวัตร อย่างเข้มข้น เนื่องจากเราเห็นว่า นี่เป็นการสืบต่ออำนาจจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่เราได้ติดตามตรวจสอบนโยบายและไม่เห็นด้วยกับหลายนโยบายมาก่อนหน้านี้

2. เรายังติดตาม เร่งรัดให้มีการตรวจสอบกรณีที่มีข้าราชการ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการไม่บังคับโทษให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี เราเกรงว่าอำนาจรัฐจะเข้าไปแทรกแซง กดดัน ข้าราชการให้ได้ช่วยกันทำลายหลักฐาน ทำลายข้อเท็จจริง ต่างๆ ทางคดี ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ซึ่งต้องเรียกข้าราชการ และ เอกสารทางการแพทย์มาตรวจสอบ

3. เรายังติดตาม คัดค้าน นโยบายที่จะเป็นนโยบายต่อเนื่องของรัฐบาล เช่นเราคัดค้านนโยบายบ่อนกาสิโน
เราคัดค้านการนิรโทษกรรมแบบสุดซอย ไม่นิรโทษการกระทำผิดตามมาตรา 112 ไม่นิรโทษการกระทำผิดในคดี ทุจริต คอร์รัปชัน ไม่นิรโทษคดีอาญาร้ายแรง เราคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล

4. เราไม่เห็นด้วยที่การเมืองไทยกำลังกลับไปสู่ระบบญาติกา ถูกผูกขาดโดยคนไม่กี่ตระกูล ที่คอยถูกครอบงำแทรกแซง สั่งการ ซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริต ในระบบพวกพ้อง และเป็นการให้คนที่มาบริหารประเทศไม่ตรงกับความสามารถแต่เป็นการแบ่งโควต้ากันตามตระกูล ซึ่งไม่นำมาสู่การปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม

5. เรายังเดินหน้าเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง

ขอแสดงความนับถือ

พบกัน ครม. นัดแรก วันอังคารที่ 17 กันยายน 2567 ทำเนียบรัฐบาล