
4เม.ย.2568- นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมาย และอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
จากกรณีล่าสุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ นำโดย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้ากับหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็โดนไป 36 % ซึ่งถือว่าอยู่ในลำดับต้น ๆ ของบัญชี (หนังหมา) เลยทีเดียว ซึ่งสินค้าไทยที่จะกระทบทันทีก็ เช่น 1.ยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ โดยประเทศไทยส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐคิดเป็น 9% ของการส่งออกรถยนต์ และคิดเป็น 6% ของการผลิตรถยนต์ 2.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3.ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ยาง ถุงมือยาง 4. สินค้าเกษตร เช่น ข้าว อาหารสุนัขและแมว ทูน่าและผลิตภัณฑ์ทูน่า กุ้งและผลิตภัณฑ์กุ้ง มะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าว สับปะรดกระป๋อง 5.อัญมณีและเครื่องประดับ ฯลฯ
.
โดยที่การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ มีสัดส่วนประมาณ 18% ซึ่งหากการส่งออกจากไทยไปสหรัฐฯ ลดลงทุก ๆ 1% จะส่งผลให้มูลค่าส่งออกไทยลดลงประมาณ 12,102 ล้านบาท โดยจะกระทบเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี (GDP) ประมาณ -0.11% ตัววอย่างเช่น หากไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ลดลง 10% จะทำให้มูลค่าส่งออกลดลง 121,021.82 ล้านบาท กระทบจีดีพี -1.08% แต่ผู้รู้หลายคนก็ดูออกว่า ทรัมป์เป็นประเภทเอาแน่เอานอนไม่ได้ พรุ่งนี้ มะรืนหนี้ หรืออาทิตย์หน้า อาจจะเปลี่ยนอัตราเอาดื้อ ๆ หรือ ยกเลิกไปเลยก็ได้ แต่รัฐบาลก็ไม่ควรนิ่งเฉย ผมเรียกว่าเป็นแทคติคยิงปืนขึ้นฟ้าเรียกให้คนมาเจรจาด้วย และเพราะรู้ว่าตัวเอง “ใหญ่กว่า” ก็หวังว่าจะเจรจาโดยที่ตัวเองได้เปรียบ หรือขี่คอประเทศเล็กกว่าได้
.
ซึ่งหากเราพอเดาทางของทรัมป์ได้แล้ว เราอาจจะต้องทำให้เขารู้ว่าเราไม่ใช่ประเทศที่เล็ก ๆ ที่เขามาเอาเปรียบหรือ ขี่คอ เอาได้ ดังนั้นเราควรรวมพลังกับประเทศที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่ม ASEAN ส่วนเรื่องฟ้อง WTO ลืมไปได้เลย เพราะ ทรัมป์โนสนโนแคร์อยู่แล้ว เก็บตำราการค้าระหว่างประเทศไปก่อน และเร่งดำเนินมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบ เช่น การพักชำระหนี้ หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และกระตุ้นการผลิตและการบริโภคในประเทศ พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด (คนละครึ่ง เอากลับมาใช้เหอะ พูดหลายรอบแล้ว) รวมทั้งใช้ประโยชน์จากพันธมิตรเดิมที่เราเคยทำความตกลงไว้ เช่น FTA ที่ทำกับ EU จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ หรือแสวงหาตลาดใหม่ ๆ เช่น ตะวันออกกลาง เอเชียกลาง ละตินอเมริกา หรือแอฟริกา เป็นต้น
.
นอกจากนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเครื่องหรือปฏิรูปเศรษฐกิจไทยทั้งระบบเสียที ให้เข้าสู่ประเทศที่ผลิตและส่งออกสินค้าเชิงนวัตกรรม และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (ยังจำ Thailand 4.0 ได้มั้ยเอ่ย) ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ขั้นปฐมภูมิซึ่งมีการแข่งขันกันด้านราคาสูงมาก พูดง่าย ๆ คือตัดราคากันวายวอด จนแทบไม่เหลือกำไร
.
สุดท้ายนี้ขอให้รัฐบาลตีโจทย์ให้แตก ในยุคระเบียบการค้าโลกใหม่ ที่มาแทนระเบียบเก่าซึ่งมีมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ใช่จ้องแต่ทำบ่อนอย่างเดียว ด้วยความปรารถนาดี
.
#อาจารย์อุ๋ย_ประพฤติ
#ประพฤติฉัตร ประภาชัย
#ประชาธิปัตย์ยุคใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อาจารย์อุ๋ย' เตือนรัฐบาลไม่ควรทำประชามติยกเลิก MOU 43-44
นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมาย และอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก
ชงเกษียณ65/คืนตังค์หวยกิน
นายกฯ ลั่นประเทศไทยมีอนาคต อาจชะงักงันบ้าง เหตุติดหล่มการเมือง ปลุก ปชช.รักสามัคคี ไม่ขัดแย้ง นักการเมืองก็ไม่กล้าขัดแย้ง แย้มแนวคิดเกษียณอายุ 65 ปี อ้างศาลยังทำได้
นายกฯ ลั่น การเมืองมีเสถียรภาพ แก้นิดเดียวเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ไม่ให้กลุ่มทุนชี้นำ
นายกฯ ลั่นการเมืองมีเสถียรภาพ เหลือแก้นิดเดียว เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ไม่ให้กลุ่มทุนชี้นำ ชมรัฐบาลเก่า "2 พิชัย" สู้กำแพงภาษีทรัมป์ พร้อมทำตามสหรัฐฯ ช่วยไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท2ประเทศ หากยอมลดภาษี โว ไทยมีอนาคต อาจชะงักงันบ้าง เหตุติดหล่มการเมือง ปลุก ปชช.รักสามัคคี ไม่ขัดแย้ง นักการเมืองก็ไม่กล้าขัดแย้ง
'ดร.กอบศักดิ์' เผยอิทธิฤทธิ์กำแพงภาษีทำรายได้ศุลกากรสหรัฐพุ่ง 87.4%
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ
'ดร.กอบศักดิ์' จับตา สงครามการค้า สหรัฐ กับ จีน ยกสอง จีนอาจจะไม่ยอม
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า


