'ดร.สังศิต' แพร่บทความ สถานบันเทิงครบวงจร : มุมมองด้านเศรษฐกิจ

11มิ.ย.2568- รศ.ดร. สังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมลํ้า วุฒิสภา เผยแพร่บทความ เรื่อง สถานบันเทิงครบวงจร : มุมมองด้านเศรษฐกิจ มีเนื้อหาดังนี้

Inside Asian Gaming ได้จัดงานเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง “Thai Entertainment Complex Rountable” ที่กรุงเทพฯ เมื่อ 5 มิถุนายน 2568 โดยได้เชิญผู้บริหารและนักธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมเกมมิ่งและคาสิโนในสถานบันเทิงวงจรหลายท่าน มาแบ่งปันประสบการณ์ที่เป็นจริง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อการเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง

จอร์จ ธนาสวิช อดีตประธานและ CEO ,Marina Bay Sands เห็นว่าการพัฒนาโครงการสถานบันเทิงครบวงจรเป็นโอกาสสำคัญที่จะดึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นเม็ดเงินใหญ่สุดที่จะเข้ามาไทยอีกครั้ง จะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ เขายังมองว่าการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรและการกำกับดูแลที่ถูกกฎหมายจะลดความสูญเสียของเศรษฐกิจที่ไหลออกนอกระบบได้ด้วย

เขาได้ให้ข้อเสนอที่สำคัญเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ 5 ประการ คือ

1 ต้องทำความเข้าใจหลักการสากลเรื่องหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย

2 สร้างกรอบกฎหมายที่แข่งขันได้ โดยอิงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับสากล แต่ปรับใช้ให้เข้ากับเงื่อนไขท้องถิ่น เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม และเป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน (Win - Win)

3 ต้องมีผู้นำทางการเมืองที่เด็ดขาด และรัฐบาลต้องแสดงบทบาทอย่างเข้มแข็งในการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโครงการ ทั้งความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ก่อนที่ความเห็นของประชาชนจะเบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง

4 ดึงดูดนักลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จสูงสุด โดยไทยต้องดึงนักลงทุน ผู้พัฒนาและผู้ประกอบการที่ดีที่สุด ซึ่งนักลงทุนต้องการความแน่นอนและความชัดเจนในกฎระเบียบ

5 สร้างสมดุลย์ที่เหมาะสมระหว่างผลประโยชน์ของรัฐบาลและประชาชนกับผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ของผู้ประกอบการ หากขาดสมดุลย์นี้ แม้แต่บริษัทที่ดีที่สุดอาจตัดสินใจถอนตัว ซึ่งจะทำให้ไทยพลาดโอกาสำคัญ

จอร์จ ชอย หัวหน้างานวิจัยเกม ระดับโลกของ Citi Research กล่าวว่างานวิจัยของเขาตั้งสมมุติฐานว่าไทยมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรมายังพื้นที่หัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่นเชียงใหม่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ซึ่งจะดึงเงินลงทุนได้ราว 18,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 657,000 ล้านบาท

สิงคโปร์มีเงินลงทุนไปแล้วกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์ และมาเก๊าลงทุนเกิน 50,000 ล้าน ดอลลาร์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยโครงการที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯอาจมีการลงทุนสูงถึง 6000 ล้านดอลลาร์หรือราว 219,000 ล้าน บาท

รวมทั้งเมื่อการเล่นเกมถูกกฎหมาย รัฐบาลจะมีแหล่งรายได้ใหม่จากภาษีเกมซึ่งหากเก็บในอัตรา 17% ของรายได้รวมจากเกม (GGR) จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีส่วนนี้ 56,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเทียบเข้ากับรายได้จากภาษีสรรพสามิตสุราที่เก็บได้ในปีงบประมาณ 2566 -2567

Lau Kok Keng หัวหน้าฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญา กีฬาและเกม, Rajah & Tann Singapore
กล่าวว่านายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงของสิงคโปร์ปฏิเสธข้อเสนอให้ทำประชามติเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ โดยให้เหตุผลว่านโยบายของรัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ประชาชนทั่วไปตัดสินใจ เนื่องจากประชาชนไม่มีองค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญเพียงพอในการตัดสินใจด้านนโยบายที่ซับซ้อนสำหรับประเทศ

สิงคโปร์ทำให้กาสิโนถูกกฎหมายโดยเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ทแบบครบวงจร โดยมีสาเหตุหลักมาจากความตกต่ำของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีพ.ศ. 2548

เจฟฟรีย์ สจ๊วต เดวิส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าฝ่ายการเงิน Melco Resorts and Entertainment Limited ให้ความเห็นเรื่องการป้องกันการฟอกเงิน โดยเสนอให้นำเอาเทคโนโลยีผ่านระบบ KYC ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลที่มีความหลากหลาย เข้ามาใช้ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการฟอกเงิน

คริสโตเฟอร์ เอ็ม กอร์ดอน ประธาน Wynn Resorts Development เห็นว่าการสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในไทยจะมีความโดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่น เพราะสามารถสร้างในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเช่นที่ภูเก็ต ซึ่งโครงการจะสามารถรองรับกิจกรรมและนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ซึ่งจะดึงดูดบรรยากาศการท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงเรื่องคาสิโนเท่านั้น

เควิน เคลย์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ ประเทศไทย Galaxy Entertainment Group เห็นว่าการท่องเที่ยวหลังเหตุการณ์โควิด -19 นักท่องเที่ยวจะสนใจท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์มากขึ้น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้น เช่นศิลปินระดับโลก และ จิตรกรที่มีชื่อเสียง ซึ่งจะเป็นการเสริมกับวัฒนธรรมอาหารและวัฒนธรรมประเพณีของไทย

ผมเห็นว่ามุมมองข้างต้นทั้งหมดล้วนเป็นเพียงมุมมองทางด้านธุรกิจหรือเศรษฐกิจ เท่านั้น ซึ่งเป็นมุมมองด้านเดียวของคาสิโน พวกเขามองคาสิโน แต่ด้านบวก ที่เป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่นการลงทุนทางเศรษฐกิจ รายได้ของธุรกิจจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวและคนไทยทั่วไป การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และรายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นในรูปภาษี

แต่พวกเขามิได้พิจารณาถึงผล กระทบด้านลบของคาสิโนที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ประเพณี ศีลธรรม และประเพณีปฏิบัติอันดีงาม อาทิเช่น การขยายตัวและการเติบโตของปัญหาการคอรัปชั่น การฟอกเงิน กลุ่มทุนสีเทา อาชญากรรมทั้งในประเทศและข้ามชาติ ยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ โสเภณี กลุ่มมาเฟียที่จะเข้ามาครอบงำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย การทำลายศักยภาพของธุรกิจที่ถูกกฎหมายบางประเภททำให้ไม่สามารถแข่งขันกับธุรกิจสีเทาที่ทำธุรกิจแบบเดียวกันได้ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศโดยรวมให้เสียหายอย่างร้ายแรง และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยให้ สกปรก น่ากลัวและน่าขยะแขยงในสายตาของชาวโลกและนักท่องเที่ยวทั่วไป ทำให้ นักท่องเที่ยวไม่ประสงค์ที่จะเดินทางมา ท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอีกต่อไป

ผมบอกว่าคาสิโนอาจกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ และนักการเมืองที่มีพฤติกรรมการทุจริต และคดโกง การคอรัปชั่นจะแพร่ระบาดอย่างรุนแรงมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แต่ในกลุ่มของนักการเมือง และข้าราชการเท่านั้น แต่จะยังแพร่กระจายลงสู่ภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป อย่างกว้างขวางอีกด้วย

ผมมองว่าการเมืองไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นระบบอำนาจนิยม หรือเผด็จการโดยสภาสูงขึ้นมาก เพราะผู้มีอำนาจทางการเมืองมีเดิมพันจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงลิบลิ่ว อาจมีการใช้กำลังบีบบังคับ และใช้ความรุนแรงกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลมากขึ้น เหมือนกับเหตุการณ์การเมือง ก่อนปี 2549

ข้อเสนอเรื่องการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ของสจ๊วต เดวิส และ ใช้ระบบธรรมาภิบาลของธนาสวิช เพื่อควบคุมปัญหาการฟอกเงิน เป็นข้อเสนอที่เหมาะสมกับสังคมการเมืองที่มีระดับธรรมาภิบาลที่ดีเช่นในสิงคโปร์เป็นต้น แต่ข้อเสนอนี้ของทั้งสองท่าน ผมมองว่าอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของ สังคมไทย และจะไม่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ของประเทศไทยได้ เพราะทั้งสองท่านประเมินระบบธรรมาภิบาลของรัฐบาลและข้าราชการไทย อยู่ในระดับเดียวกับของประเทศสิงคโปร์ ในความเป็นจริงแล้วระบบธรรมาภิบาลของไทยมีความอ่อนแอและเปราะบางกว่าระบบธรรมาภิบาลของสิงคโปร์มาก

ปัญหาการคอรัปชั่น ความไม่โปร่งใสในการดำเนินนโยบายและการทำงานของรัฐบาลไทย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายที่ขาดความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่สามารถแปลเปลี่ยนให้ธุรกิจถูกกฎหมายกลายเป็นธุรกิจสีเทาได้ และสามารถแปลเปลี่ยนให้ธุรกิจสีเทากลายเป็นธุรกิจสีขาวได้ โดยไม่ถูกลงโทษทางกฎหมาย จนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในสิงคโปร์ และทั้งสอง ท่านอาจไม่เคยรับรู้และเคยมีประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมในเรื่องนี้มาก่อนก็ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สังศิต' เรียกร้องนักการเมืองกล้าหาญทางจริยธรรมนำ 'สปิริตแบบพระเจ้าตาก' ค้ำจุนนาวาไทย

ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เผยแพร่บทความเรื่อง สปิริตแบบพระเจ้าตาก มีเนื้อหาดังนี้

'อนุทิน' ลั่นไม่ได้ใส่สีตีไข่ปม 'สี จิ้นผิง' เตือนไทย 3 ครั้ง

'อนุทิน' ปัดแฉ 'สีจิ้นผิง' ไม่พอใจกาสิโน ทำนักท่องเที่ยวจีนลด ยันไม่มีใส่สีตีไข่ พร้อมยกมือให้หากรัฐบาลให้คำมั่นไม่นำกลับเข้าสภาอีก ยันไม่เคยใช้ประเด็นนี้ต่อรองเก้า รมต.

'โรม' ฉุนถูกหางเลขกินข้าวอนุทินซัด 'จุลพันธ์' ตอบให้ชัดเรื่องกาสิโนไม่ใช่บอกกลับไปตั้งหลัก!

'โรม' เดือดหลังถูก 'จุลพันธ์' เหน็บมีดีล 'อนุทิน' ลั่นไม่เคยคิดแค่กินข้าว ก็ทำรัฐบาลสะเทือนได้ จี้ ตอบให้ชัด ไม่เสนอร่างเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ กลับเข้าสภาฯ อีก ไม่ใช่บอกขอกลับไปตั้งหลัก

โจรจับโจร! 'ฮุนเซน' ท้าไทยสอบ 'ก๊กอาน' สมุนคนสนิท แต่ให้สอบ 'ทักษิณ' ด้วยเพราะซี้กัน

-หลังตำรวจไซเบอร์ของไทยออกหมายจับ 'ก๊กอาน' สมุนคนสนิทของ 'ฮุนเซน' ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ล่าสุด จอมพ